เมฆสีขาวลอยเกลื่อนอยู่เต็มท้องฟ้า
กำลังรวมตัวกลายมาเป็นเมฆฝน
บนท้องถนนคราคร่ำไปด้วยยวดยานพาหนะ
ต่างคนต่างรีบเร่ง เบียดแซงแข่งกันไป
ปาดหน้าปาดหลัง แซงซ้ายป่ายขวา
ถึงแม้ว่าเผื่อเวลาไว้แล้วแต่ก็ยังไม่แคล้ว
ที่จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบ่อยๆ
การทำงานที่แข่งกับเวลาต้องใช้สติในการบริหารจัดการ
เมขลาตัดสินใจขับขึ้นทางด่วน
รถมาติดเป็นขบวนโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับ
เธอมองสัญญาณไฟสลับกับมองท้องฟ้าเห็นสายฝนหล่นลงมาเป็นสาย
ที่ปัดน้ำฝนเต้นรำโยกไปย้ายมา
เธอเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะ
ฮำเเพลงช่วงเวลาดีดีอย่างสบายใจ
มองฝ่าสายฝนผ่านไปในอดีต หากเป็นเมื่อก่อน
เธอคงกระวนกระวายใจ
หัวใจสูบฉีดเต้นรัวราวกลองเพล
ต่อจากนั้นหัวใจคล้ายจะหยุดเต้น
รู้สึกถึงความกดดันจากภายใน
ท้องไส้ปั่นป่วนเพราะความเร่งรีบ
เธอเผลอยิ้มให้กับฟ้ากับฝน
คงคล้ายกับคนหัดว่ายน้ำครั้งแรกๆ
ช่วยกันทั้งมือทั้งตีนยังจม
พอจับจุดได้ไม่ต้องใช้มือยังลอย นอนตีกรรเชียงสบายๆ
หลายปีมานี้เธอมักรักษาระยะห่างระหว่างผู้คนและโลกรอบตัวไว้
มักจะทำอะไรกลางๆเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความคิดภายในและการกระทำภายนอก
และมักหวนกลับไปชื่นชมกับการขึ้นลงของชีวิต รู้สึกสุขสงบกับชีวิตที่เดินช้าๆ
แต่คำว่าเส้นตาย กระตุกต่อมบางอย่างในกายเธอ
อีกหนึ่งวันก่อนจะถึงวันนั้น เธอรับคำท้าและบอกกับตัวเองว่าต้องทำได้
แอบส่งยิ้มให้ก้อนเมฆสีขาวอมเทา
เส้นตายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้ว
เป็นเพียงเหตุการณ์ๆหนึ่ง
ที่ท้าทายต่อมในสมองให้ตื่นตัว
เธอรู้สึกถึงพลังสร้างสรรค์ในกาย
พลังจากภายในแผ่ซ่านไปทั่วสารร่าง
เธอเป่าลมออกจากปาก...
สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
หัวใจเต้นเป็นจังหวะ เธอกระซิบบอกกับตัวเอง
"รู้สึกชอบเจ้าความรู้สึกเมื่อจะถึงเส้นตายแล้วสิ"
เพราะเธอไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวต่อมัน
ขณะที่รถติดอยู่บนสะพาน เธอรีบอัพบล็อกโดยพลัน
หากรอให้กลับถึงบ้าน...เกรงว่าจะไม่ทันเส้นตาย ชะเอิงเอย