Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

พลังแห่งการคิดในเชิงบวก

พลังแห่งการคิดในเชิงบวก


ข้อมูลใหม่จากวงการวิทยาศาสตร์
การคิดในเชิงบวก (Positive Thinking) มีผลต่อร่างกายมิใช่เพียงแค่จิตวิทยา หากมีผลเชิงกายภาพด้วย!

ความรู้ใหม่ที่เป็นข่าวดีสำหรับคนที่มีอารมณ์ดีเป็นนิจ เพราะมองโลกในแง่ดีเป็นนิสัย
แต่ก็เป็นข่าวร้ายสำหรับการศึกษาวิจัยของวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการทดลองยาใหม่
ด้วยวิธีการใช้ “ยาหลอก” (Placebo) เพราะผลที่ได้ออกมา อาจไม่แม่นยำ ถูกต้อง ดังที่เคยเชื่อกันมา


ความคิดเชิงบวก มีพลังแค่ไหน?

ก่อนที่วงการวิทยาศาสตร์จะมีเทคโนโลยี ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นสภาพความเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้นกับสมองอย่างละเอียดทุกขณะเวลาที่ต้องการ
หลักฐานเกี่ยวกับพลังความคิดเชิงบวก มักจะมาจากการศึกษาผลของการคิดเชิงบวกต่อสุขภาพกายโดยทั่วไป
ซึ่งออกมาในเชิงว่าการคิดเชิงบวกมีผลต่อสุขภาพกาย ทำให้อาการป่วยหายเร็วขึ้น
หรือคนที่ไม่ป่วยก็จะมีสุขภาพดีกว่าคนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มักจะมองโลกในแง่ร้าย
หรือมีความคิดเชิงลบเป็นนิจ คือ เป็นคนที่มักจะวิตกกังวลเป็นประจำ มีจิตใจหดหู่
เมื่อเจ็บป่วยขึ้นมาเพียงเล็กน้อยก็มักจะรู้สึกว่า กำลังเจ็บป่วยอย่างหนัก

หลักฐานที่ใช้สนับสนุนพลังความคิดเชิงบวก
ก่อนที่จะสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะภายในร่างกายอย่างละเอียดดังเช่น สมอง
นอกเหนือไปจากหลักฐานที่ปรากฏของสุขภาพกายและสุขภาพจิตโดยทั่วไป
ก็จะมีหลักฐานจากการตรวจสอบระบบการทำงานของอวัยวะ เช่น หัวใจ ตับ ไต ฯลฯ
ว่าหัวใจเต้นแข็งแรงดีหรือไม่ ระบบการขับถ่ายของเสียจากร่างกายที่เป็นผลการทำงานของตับ ไต
ดังเช่น ปัสสาวะ เป็นอย่างไร ร่างกายมีเหงื่อถูกขับออกอย่างเป็นปรกติหรือไม่
มีอาการปวดศีรษะ เหนื่อยง่าย เป็นประจำหรือไม่

สำหรับคำอธิบายของพลังการคิดเชิงบวกคือ
การมองโลกในแง่ดีที่ใช้กันมาก ก็มักเป็นเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่มักจะอธิบายกันว่า
การคิดเชิงบวกทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง จึงมีผลทำให้สุขภาพทั้งกายและจิตดี

ต่อมาหลังจากที่วงการวิทยาศาสตร์มีเทคโนโลยี
สามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์มองเห็นสภาพความเปลี่ยนแปลง อย่างละเอียดที่เกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง สามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์มองเห็นได้ว่า
ขณะที่คนคนหนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่ สมองส่วนไหนกำลังทำงาน ดังเช่น
เครื่อง พีอีที (PET หรือ Positronic Emission Tomography)
เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI หรือ Magnetic Resonance Imaging)
เครื่อง เอฟเอ็มอาร์ไอ (FMRI หรือ Functional Magnetic Resonance Imaging) ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่
พัฒนาต่อจากเครื่องเอ็มอาร์ไอทั่วไป สามารถตรวจเห็นการเปลี่ยนแปลงของเลือดเพียงเล็กน้อยในสมอง
วงการวิทยาศาสตร์ก็ได้ข้อมูลหลักฐานใหม่ สำหรับการศึกษาผลของการคิดเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม
บอกได้ว่าผลของการคิดเชิงบวก เป็นผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น หรือเป็นผลที่เกิดกับร่างกาย (เชิงกายภาพจริงๆ)
และผลที่ได้ออกมาก็เป็นดังบทสรุปที่ถูกนำมาเปิดเรื่องวันนี้ คือ
การคิดเชิงบวก มีผลต่อร่างกาย มิใช่เพียงแค่เชิงจิตวิทยา หากมีผลเชิงกายภาพด้วย


ตัวอย่างผลการศึกษาที่สนับสนุนแนวคิดใหม่ที่ชัดเจน มีเช่น...

*รายงานผลการทดสอบ เมื่อเดือนตุลาคม 2005 จากมหาวิทยาลัยตอริโน ในประเทศอิตาลี
โดย ดร.ฟาบริโซ เบเนเดตติ (Fabrizio Benedetti) กับคนป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ พบว่าคนป่วยที่สูญเสียความจำ
จนกระทั่งจำไม่ได้ว่ากำลังได้รับยาแก้หรือลดความเจ็บปวดหรือไม่ สมองจะไม่ผลิตสารต้านความเจ็บปวด
ดังเช่น เอนดอร์ฟิน (Endorphin) ทำให้การใช้ยาลดความเจ็บปวดไม่ได้ผล...

ในขณะที่คนป่วย ซึ่งรู้ตัวหรือเชื่อว่าได้กิน หรือรับยาลดความเจ็บปวดเข้าไปในร่างกาย
สมองจะทำงานผลิตสารต้านความเจ็บปวดออกมา ทำให้ยาลดความเจ็บปวดได้ผลดีขึ้นมาก

*รายงานการศึกษาของคณะนักวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปี 2005
ที่ทำการศึกษาผลของความเชื่อว่า ตนกำลังได้รับยาต้านความเจ็บปวดหรือไม่ มีผลอย่างไรต่อการทำงานของสมอง

ในการทดลอง นักศึกษาชายที่สุขภาพแข็งแรง ถูกฉีดน้ำเกลือเข้าที่กราม ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
แล้วใช้เครื่องพีอีทีตรวจสอบการทำงานของสมองว่า มีการผลิตสารเอนดอร์ฟินแก้ความเจ็บปวดหรือไม่
กับนักศึกษาที่เชื่อว่าตนกำลังได้รับยาลดความเจ็บปวดหรือไม่

ผลของการศึกษาคือ นักศึกษาที่เชื่อว่าตนกำลังได้รับยาต้านความเจ็บปวด
ทั้งๆ ที่บางคนสิ่งที่ได้รับจริงๆ คือ ยาหลอก (Placebo) สมองจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา
ทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดลดลงไป เช่นเดียวกับคนที่ได้รับยาต้านความเจ็บปวด จริงๆ

รายงานการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศอังกฤษ เมื่อต้นปี 2007
สรุปผลการทดลองศึกษากับผู้หญิงทำงานแม่บ้านในโรงแรม 7 แห่ง จำนวน 84 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม...

กลุ่มหนึ่ง ได้รับการบอกกล่าวว่า
การทำงานตามหน้าที่ปรกติในแต่ละวัน เป็นการออกกำลังกายไปด้วยที่พอเพียงสำหรับสุขภาพ
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้รับการบอกกล่าวอะไรเลย

หลังจากนั้นเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า
แม่บ้านโรงแรมกลุ่มแรก มีสุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจนน้ำหนักลดลงเกือบ 1 กิโลกรัม
ความดันเลือดลดลงเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์
ส่วนแม่บ้านโรงแรมอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

ข้อมูลหลักฐานใหม่ความเกี่ยวพันระหว่างจิตใจกับร่างกาย
จึงดูจะเป็นข่าวร้ายสำหรับวิธีการทดสอบยาชนิดใหม่ โดยใช้ “ยาหลอก” เป็นตัวช่วยทดสอบ
เพราะความเข้าใจเดิมที่ว่า “ยาหลอก” ไม่มีผลต่อสุขภาพของผู้ใช้ ก็ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ดี ได้มีการเตือนในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์วันนี้ว่า
ผลตามหลักฐานข้อมูลใหม่นี้ ก็ยังมีไม่มากที่จะสรุปออกมาได้ชัดเจนอย่างปฏิเสธไม่ได้
เพราะก็มีผลการทดลองในลักษณะดังกล่าวไปแล้ว ที่ไม่ชัดเจนเหมือนกรณีตัวอย่าง
แต่ก็เป็นเรื่องของวงการวิทยาศาสตร์ จะต้องตรวจสอบและประเมินวิธีการทดสอบคุณภาพยาชนิดใหม่
โดยใช้ “ยาหลอก”...

แต่ผลที่ดีอย่างปฏิเสธไม่ได้ของหลักฐานข้อมูลใหม่ ความเกี่ยวพันระหว่างการคิดเชิงบวกกับผลดีต่อสุขภาพกาย
คือการสร้างความเข้าใจและกำลังใจ ทั้งต่อคนมีสุขภาพปรกติธรรมดาและคนป่วยว่า
การคิดในเชิงบวก การมองโลกในแง่ดี การมีความเชื่อมั่นในวิธีการรักษาอาการเจ็บป่วย เป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติ

ดังนั้น ถ้าคุณผู้อ่านที่ไม่ใช่คนป่วยอย่างชัดเจน แต่มักรู้สึกจิตใจไม่เป็นปรกติ เหนื่อยง่ายไม่สบายบ่อย
ก็ลองสำรวจตนเองดูว่า เป็นคนมองโลกในแง่ไหน
ถ้ารู้สึกหงุดหงิดมองอะไรขวางหูขวางตา รำคาญหมั่นไส้คนอื่นๆ เป็นประจำ
ก็ลองปรับเปลี่ยนเป็นคนมองโลกในแง่ดี คิดในเชิงบวกต่อทุกสิ่งทุกคนที่อยู่รอบตัวดู...

ส่วนท่านที่เป็นแพทย์ เป็นพยาบาล ก็มีหลักฐานที่ประจักษ์โดยทั่วไปอยู่แล้วว่า
คนป่วยของแพทย์ของพยาบาลที่ใจดี ที่เอาใจใส่ดูแลพูดคุยให้กำลังใจคนป่วยเป็นประจำ
คนป่วยก็มักจะหายป่วยเร็ว...กว่าปรกติ!


ข้อมูลโดย : //www.posttoday.com
ที่มา : //www.dmh.go.th




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553
0 comments
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 14:59:35 น.
Counter : 1557 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.