Bloggang.com : ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง : ธรรมชาติของความเครียดในแต่ละวัย

ธรรมชาติของความเครียดในแต่ละวัย

ท่านคงสงสัยว่า เด็กเล็ก ๆ ในขวบปีแรกจะมีความเครียดหรือปัญหาทางอารมณ์ได้อย่างไร
เพราะเด็กยังเล็กมาก ไม่รู้ประสีประสาอะไร

น.ส.เกษร ทมชิตชงค์ หัวหน้ากลุ่มงานจิต วิทยา รพ.ศรีธัญญา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า
เด็กมีความเครียดหรือเกิดปัญหาทางอารมณ์และจิตใจได้ตั้งแต่แรกเกิด แต่ไม่สามารถบอกให้ผู้ใหญ่รู้ได้

ความเครียดในเด็กเกิดได้ โดยที่พ่อแม่เองก็ไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรให้ลูกสะเทือนใจ
เพราะพ่อแม่มักคิดว่าเด็กยังเล็กไม่เข้าใจอะไร

เราสามารถสังเกตและประเมินความเครียด ในเด็กได้จากพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก

เด็กวัย 0-3 ปี
จะสังเกตความเครียดของเด็กได้จากพฤติกรรมการกิน การนอน การขับถ่ายและการเล่นที่ผิดปกติไป

การสัมผัสที่อบอุ่น คำพูดที่ออกจากปากของแม่ด้วยความรัก
จะช่วยให้ความรู้สึกเศร้า กลัว หรือไม่สบายใจของเด็กหมดไป

เด็กวัย 4-6 ปี
เป็นช่วงวัยที่ที่กำลังเจริญเติบโต ความไม่สบายใจอาจส่งผลต่อพัฒนาการ
พฤติกรรมที่พบบ่อย คือ พูดช้า พูดไม่ได้ พูดยานคาง การช่วยตัวเองเปลี่ยนไป โดยกินข้าวเองได้
ไม่ยอมกินจะให้ป้อน เดินเองได้ ไม่ยอมเดินจะให้อุ้ม

พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้เลียนแบบ และฝึกให้เด็กรู้จักเป็นอิสระจากพ่อแม่
เพราะเด็กวัยเรียนนี้ เริ่มเรียนรู้สังคม

เด็กวัย 7-12 ปี
เด็ก ต้องออกสู่สังคมนอกบ้าน คือไปโรงเรียน
เด็กที่มีความเครียดหรือความกังวลสูงจะไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะกลัวการต้องจากพ่อแม่
เด็กจะมีอาการอาเจียน ปวดท้อง คลื่นไส้ โดยไม่มีอาการไข้หวัด โรคทางเดินอาหาร

การให้ความรัก ความมั่นใจว่าการไปโรงเรียนไม่ใช่การถูกทอดทิ้ง
ทำให้เด็กรู้สึกว่าการไปโรงเรียนเหมือนการเล่นซ่อนหา คือ แม่หายไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมา
เหล่านี้จะช่วยให้เด็กสามารถเอาชนะความเครียดและความกังวลได้

วัยรุ่น 13-19 ปี
เป็นวัยที่มีความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ซึ่งมักก่อให้เกิดปัญหาดังนี้

ปัญหา ความขัดแย้งจากการที่เด็กมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างรวดเร็ว
มีการเลียนแบบการกระทำและการแต่งกาย แต่ผู้ใหญ่ยังคงมองว่าเป็นเด็ก
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงง่ายจนผู้ใหญ่ตามไม่ทันจึงเกิดความขัดแย้งกันได้

ปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น
การผลิตฮอร์โมนทางเพศ ทำให้มีความรู้สึกทางเพศ อยากรู้อยากเห็น
หากพ่อแม่ปกปิดอาจจะหาความรู้เองอย่างไม่ถูกต้อง
ความต้องการยอมรับจากเพื่อน เด็กมักติดเพื่อนและเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่หรือญาติ

พ่อแม่หรือ ผู้ใหญ่ที่ดูแลรับผิดชอบวัยรุ่น ควรจะทำความเข้าใจ และใช้ความอดทน
ต้องยอมรับให้ได้ว่า ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติของวัยรุ่น และวัยรุ่นแต่ละสมัย ก็แตกต่างกันไป
ควรเป็นผู้รับฟังที่ดี ใช้ความรู้ที่ถูกเป็นผู้แนะนำมากกว่าสั่ง และควรให้ความช่วยเหลือทันทีเมื่อวัยรุ่นมีความทุกข์

วัยผู้ใหญ่ 20-59 ปี
มักมีปัญหาในเรื่องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในการทำงานเพื่ออนาคต
▲ ปัญหาความรัก เพราะวัยนี้หากมีความรักที่ผิดหวังก็จะขมขื่นมาก
▲ ปัญหาการหางานทำ เพราะสมัยนี้การจะหางานทำที่ตรงตามต้องการหายาก
และหากเลือกงานมากก็อาจไม่มีงานทำ
▲ ปัญหาการใช้ชีวิตคู่เริ่มมีการสร้างครอบครัว ก็ย่อมมีปัญหาในการครองเรือน
จะเห็นได้ว่ามีปัญหาหลายอย่างในชีวิตวัยนี้ แต่ถ้าเข้าใจความจริงเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง
เช่น เมื่อรู้สึกโกรธ ให้ถามตนเองว่าโกรธใคร โกรธแค่ไหน เพราะอะไร ก็จะทำให้ความโกรธลดลงไปส่วนหนึ่ง
และถ้าถามต่อว่าโกรธแล้วจะได้อะไรบ้าง ความโกรธก็จะเหลือไม่มาก
และถ้าสามารถเข้าใจก็ย่อมลดความเสียหน้า จนให้อภัยได้และไม่มีความโกรธเหลืออีกต่อไป

วัยสูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป
ร่างกายเริ่มเสื่อมถอย มักมีปัญหาไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย
การถูกทอดทิ้งจากผู้ใกล้ชิด การสูญเสียคู่ชีวิตและญาติมิตร การคิดว่าตนเองไร้ค่า
การอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไร แม้สิ่งที่ชอบ การขัดสนในเรื่องเงินทอง
และมักมีความวิตกกังวล กลัวตาย กลัวถูกทิ้ง อารมณ์เศร้าเฉยเมย หรือเอาแต่ใจตัวเอง
มีความคิดและพฤติกรรมไม่เหมาะสม คิดเสียดายอดีต ขี้บ่น มีความล้าเสื่อมถอย พูดซ้ำซาก

ดังนั้นผู้ที่ดูแลและผู้ใกล้ชิดควรดูแลในเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
ให้ความสำคัญและความเป็นใหญ่ในบ้าน การให้ความเคารพนับถือหมั่นเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ
และหากมีอาการวิตกกังวลอย่างมาก ระแวงไม่มีเหตุผล พูดเลอะเลือน ซึมเศร้าควรพาไปตรวจรักษา.

ที่มา : //www.annisaa.com/forum/index.php?topic=529.0

Create Date : 10 มกราคม 2553

Last Update : 10 มกราคม 2553 20:58:01 น.

1 comments

Counter : 764 Pageviews.

โดย: พลังชีวิต

วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:11:23:28 น.