Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
16 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
โรคชอบเปรียบเทียบ



การเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา เรามักจะอยากรู้ว่าคนอื่น
โดยเฉพาะเพื่อนฝูงของเราได้ดิบได้ดีไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้เขาขับรถอะไร ได้ตำแหน่ง
ระดับไหนแล้ว ลูกๆของเขาเรียนโรงเรียนอะไร สอบเข้าอะไรได้แล้วเอามาเปรียบเทียบ
กับตัวเราเองว่าเราดีกว่าหรือด้อยกว่า และก็เป็นธรรมดาที่ใครๆก็อยากจะดีกว่าคนอื่น
แต่หลายๆครั้งการเปรียบเทียบทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าเราด้อยกว่าคนอื่น
ความรู้สึกแบบนี้มักเกิดเมื่อ

1. เราเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่มีดีมากกว่าเรา โดยเฉพาะเป็นการมีในสิ่งที่เรา
อยากมีแต่ยังไม่มีหรือยังมีไม่พอและโดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่าคนๆนั้นเป็นคู่แข่งด้วย เช่น
เราคงไม่รู้สึกด้อยเวลาได้ข่าวนักเรียนไทยได้เหรียญทองชีวะโอลิมปิค เราชื่นชมว่าเขาเก่ง
แต่ความรู้สึกอาจต่างกันถ้านักเรียนคนนั้นเป็นลูกของญาติของเราและเรียนชั้นเดียวกับเรา

2. เราเปรียบเทียบตัวเราในปัจจุบันกับอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ แต่ก่อนเราอาจจะเป็นนักกีฬา
ที่เก่งกาจแต่เดี๋ยวนี้ร่างกายอาจจะไม่ไหวแล้ว แต่ก่อนเราอาจเคยเรียนเก่งมากแต่เดี๋ยวนี้
ด้วยปัญหาต่างๆทำให้เราเรียนได้แค่ปานกลาง แต่ก่อนเราเคยมีเงินมากมายแต่ด้วยภาวะ
เศรษฐกิจแบบนี้ทำให้เรามีหนี้มากมาย ถ้าเราหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้เราก็จะรู้สึกแย่
รู้สึกว่าเรากำลังตกอับ และมักจะคิดไปเองว่าคนอื่นก็มองว่าเรากำลังตกอับด้วย

3. เราเปรียบเทียบปัจจุบันกับความฝันที่ยังไม่เป็นจริง เช่น อยากมีบ้านสวยๆแต่ก็ยัง
ไม่มีสักทีทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่ด้อยกว่าคนอื่น หลายๆครั้ง
เราก็อยู่ของเราดีๆแต่คนอื่นชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับอีกคนหนึ่งแล้วก็มาตัดสินว่า
เราด้อยกว่าและมาพูดให้เราได้ยินด้วย เช่น บรรดาแม่ๆมักจะเอาลูกของคนอื่นที่เรียน
เก่งมาเปรียบเทียบกับลูกของตัวเองแล้วบ่นให้ลูกฟัง เพราะหวังจะกระตุ้นให้ลูกเกิดความ
มานะเอาอย่างคนเก่งๆนั่นแต่ลูกอาจกลับเกิดความรู้สึกต่ำต้อยด้อยกว่าคนอื่น บางครั้ง
การที่คนอื่นเอาเราไปเปรียบเทียบแล้วมาพูดให้เราได้ยิน อาจเป็นการเหน็บแนม
ไม่ใช่ความหวังดีแบบนี้ก็ได้

การเปรียบเทียบนั้นบางครั้งก็ช่วยให้เราพัฒนาตนเองขึ้นมา ถ้าเรารู้สึกด้อยกว่าแล้ว
เราพยายามปรับปรุงตนเองหรือเมื่อเราอยากเป็นแบบบุคคลที่เราชื่นชมแล้วพยายามพัฒนา
ตนเอง หรือพยายามเอาชนะคำสบประมาทของคนอื่น แต่ถ้าการเปรียบเทียบทำให้เรา
รู้สึกเจ็บปวด ยอมแพ้ เลิกพยายามต่อ หรือเกิดความคิดหาทางกลั่นแกล้งทำลายคู่แข่ง
แทนที่จะพยายามปรับปรุงตนเอง หรือยอมทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้มีอย่างคนอื่นเขา
แบบนี้ท่าทางเราจะเกิดภาวะการเปรียบเทียบที่เป็นพิษเสียแล้ว

การพบว่าจริงๆแล้วเราด้อยกว่าคนอื่นนั้นเป็นความเจ็บปวด แต่การเปรียบเทียบที่ไม่ตรง
กับความเป็นจริง เกินจริง และเป็นไปในแง่ลบนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่า
ดังนั้นเมื่อรู้สึกตัวว่าเรากำลังเจ็บปวดจากการเปรียบเทียบอยู่ให้ลองถามตัวเองว่า

1. กำลังเปรียบเทียบอะไร เช่นความสวย ความเก่ง ความรวย ความเด่นดัง ฯลฯ
เพราะบางครั้งเราจะ "มึน" แยกประเด็นไม่ออก
แล้วสรุปรวมว่าตัวเราโดยรวมทั้งหมดนั่นแหละที่ด้อย สู้เขาไม่ได้

2. ข้อมูลแม่นแค่ไหน รู้แน่หรือเดาเอา เรารู้แน่แล้วหรือรถที่เขาขับน่ะใช่รถของเขา
เพื่อนเราไปเรียนเมืองนอกเพราะเก่งหรือเพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองไทยไม่ได้

3. เรารู้หมดทุกแง่ทุกมุมหรือยังหรือเห็นแต่แง่ดีของเขาเพียงด้านเดียว เวลาเห็นคน
ที่ร่ำรวยเรามักคิดว่าเขาคงจะมีความสุข ที่จริงแล้วคนที่ร่ำรวยไม่จำเป็นจะต้องมีความสุข
เสมอไป คนที่มีแฟนแล้วหรือคนที่ "ขายออก" แต่งงานแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องมีความสุข
มากกว่าสาวโสด คนที่มีเงินเหลือเก็บมากเพราะประหยัดมากๆก็ไม่น่าจะมีความสุขเท่าไร
โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกเป็นภรรยา


เมื่อพิจารณาความเป็นจริงแล้วให้ลองคิดต่อไปว่า

1. เขาดีกว่าเราแล้วมันจะเป็นอะไรไป ถึงเขาจะมีเงินมากกว่าแต่เราก็ยังมีเงินเท่าเดิม
เงินที่เรามีอยู่มันไม่ได้หดหายไป ถึงคนข้างบ้านจะสวยกว่าเรามันก็ไม่ได้ทำให้เราสวย
น้อยลง เราก็ยังคงเป็นคนสวยคนหนึ่งเหมือนกัน

2. ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เราพร้อมที่จะแลกด้วยอะไรบางอย่างเหมือนที่เขาทำหรือไม่
เพื่อนของเราอาจจะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีเวลาดูแลลูก ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว
ไม่มีเวลาไปว่ายน้ำหลังเลิกงาน จึงมีเงินขนาดนั้นได้ เราพร้อมที่จะทำอย่างนั้นหรือไม่

3. เปลี่ยนวิธีเปรียบเทียบเสียใหม่ แทนที่จะจมอยู่กับความสิ้นหวังต่อไปเราอาจเปลี่ยน
วิธีเปรียบเทียบเสียใหม่ โดยเปรียบเทียบตัวเราตอนนี้กับตัวเราในอีก ๑ ปีข้างหน้าถ้าเรา
ลงมือทำอะไรบางอย่าง เช่น ออกวิ่งสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ๑ ปีผ่านไปเราน่าจะหุ่นดีขึ้น
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขนาดคนข้างบ้านก็ตาม

การเปรียบเทียบจะเป็นปัญหาเมื่อมันไม่สมเหตุผล มากเกินไป บ่อยเกินไป ลดการเปรียบเทียบลงแล้วเราจะมีความสุขมากขึ้น

โดย ผศ.นพ.สเปญ อุ่นอนงค์
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล



Create Date : 16 มกราคม 2552
Last Update : 16 มกราคม 2552 17:42:32 น. 1 comments
Counter : 809 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: กล้วยปั่น IP: 124.121.186.11 วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:0:03:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.