Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
9 เคล็ดลับ ใช้ชีวิตอย่างอิ่มเอมใจ



ความสุขทำให้คนเราเกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจใน การใช้ชีวิต ซึ่งหมายถึงการมีพลังสร้างสรรค์ มีกำลังใจที่ดี
มีทัศนคติต่อด้านต่างๆที่ดี ในกรณีที่มีปัญหาต่างๆเข้ามาก็มีความพร้อมที่จะใช้สติสัมปชัญญะแก้ไขเรื่องราวนั้นๆ
เพื่อจะก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ไปได้อย่างสวยงาม พร้อมๆ กับเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน ...

ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างอิ่มเอมใจได้ เพียงแค่เรียนรู้เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ จาก ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ข้อ 1-5)
ซึ่งเปิดเผยแง่มุมการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้มีความสุข เพราะคนเราไม่สามารถใช้ชีวิตตามลำพังได้
ส่วนนักการเมืองหนุ่ม ภิมุข สิมะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ข้อ 6-9)
เน้นการใช้ชีวิต ต่อไปให้ได้ในยามที่ต้องพบกับความโศกเศร้าเมื่อพลัดพรากหรือสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

เคล็ดลับเหล่านี้ก็เพื่อความรู้สึกที่อิ่มเอมใจนั่นเอง

อิ่มเอมใจแบบ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
ลองดูคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมให้เกิดความราบรื่น
เพื่อสัมพันธภาพที่ดีและเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด

1.เป็นผู้ให้ :หรือมีใจบริการ ผู้อื่น (Service Mind)
คือ การ มอบสิ่งดีๆ กับผู้อื่นเพื่อความสุขใจ

คำแนะนำ : ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน เพื่อสร้างวงจรแห่งการให้ “คนจำนวนมากไม่ค่อยกล้าเป็นผู้เริ่ม
มักจะรอให้คนอื่นเป็นผู้เริ่ม หากเราเริ่มเสียเองจะเป็นการสร้างวงจรแห่งการให้ เมื่อเราให้ใคร
เขาก็จะให้เรากลับมาแล้วเราก็จะให้เขากลับไปอีก เป็นวงจรแห่งการให้แบบนี้ ทีนี้วงจรการให้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
เราจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนไง เช่น เลี้ยงข้าวเพื่อน เพื่อนก็อยากจะเลี้ยงเรากลับ เป็นการให้แบบนี้ไปเรื่อยๆ”


2.มองโลกในแง่ดี : หรือการคิดในแง่บวก
เพื่อให้เรื่องร้ายมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพื่อง่ายต่อการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ : หากรู้จักเลือกมองข้อดีในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ทุกวิกฤตก็จะมองเห็นโอกาสอยู่เสมอ
พร้อมกับใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนได้ “ความแตกต่างระหว่างเรากับคนอื่น
อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานในการทำงานร่วมกัน ผมอยากให้ มองว่าความต่างนั้นแท้จริงแล้วคือภาพ
อย่าลืมว่าสังคมจะพัฒนาได้ด้วยความหลากหลายและความแตกต่าง ตัวอย่างของการคิดในด้านบวก ก็คือ
การมองเห็นคุณค่าในด้านต่างๆ ในตัวของคนอื่นบ้าง ขณะเดียวกันก็มองหาจุดที่เหมือนกันได้ สิ่งสำคัญก็คือ
ขอให้เชื่อมั่นว่าจะมีหนทางที่จะตกลงกันได้เสมอ แล้วทุกฝ่ายก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อ
เพียงแต่ต้องหาให้เจอ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นฐานของการหลีกเลี่ยงปัญหาขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างกันด้วย”


3.หมั่นตรวจสอบตนเอง : หรือสำรวจตนเอง
เพื่อความง่ายในการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด

คำแนะนำ : เมื่อเกิดปัญหาใดๆ อย่าเริ่มต้นแก้ปัญหาด้วยการโทษผู้อื่น ให้โทษตนเอง และแก้ปัญหาจากตัวเอง
“การไปเรียกร้องให้คนอื่นแก้ไขปัญหามักไม่ได้ผล ถ้าทุกคนเริ่มต้นจากการแก้ที่ตนเอง ปัญหาจะได้รับการแก้ไข
ซึ่งเท่ากับย้อนกลับไปสู่หลักข้อแรกเลย คือเป็นฝ่ายเริ่มนั่นเอง แต่คนชอบพูดกันว่า เขาร้ายกับเรา เขาไม่แก้
เราจะแก้อยู่ข้างเดียวได้อย่างไร ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้กันหมด สังคมจะมีแต่แย่ลง ต้องมีคนที่เป็นฝ่ายเริ่ม
นอกจากนี้ อย่าลืมเรียนรู้และพัฒนาตัวเองจากความผิดพลาด รวมทั้งเรียนรู้ความผิดพลาดจากคนอื่นด้วย”


4.ใช้จินตนาการแก้ปัญหา (บ้าง) :
หรือการออกจากกรอบและกฎเกณฑ์ของเหตุและผลเพื่อมุมมองใหม่ๆ

คำแนะนำ : ความวุ่นวายต่างๆ อาจเป็นเพราะมนุษย์ใช้เหตุผลมากเกินไป
“ในบางคราวเหตุผล ไม่ได้ตอบคำถามได้ทั้งหมด บางปัญหาหากมัวแต่คิดถึงเหตุผลก็จะแก้ไขไม่ได้
ต้องอาศัยจินตนาการบนพื้นฐานของความเป็นจริงและความรู้ ผมคิดว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้
คนเราจึงควรมีจินตนาการ และเป็นจินตนาการที่มองเห็นโลกในด้านบวก เพื่อให้ชีวิตมีพลังและมีแรงบันดาลใจ
ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขมากขึ้นด้วย ทำให้เกิดสังคมที่มีจินตนาการร่วมกันสู่อนาคตที่ดีกว่า”


5.เพิ่มสติ ลดอารมณ์ :
หรือใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว รู้จักการปล่อยวางหรือหยุดเดินสักก้าวหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเรื่องต่างๆ
เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ

คำแนะนำ : เมื่อเกิดความทุกข์ ลองใช้สติให้มากขึ้น อย่าใช้อารมณ์แล้วก็หายใจยาวๆ
สุดท้ายเรื่องทั้งหลายจะค่อยๆ ตกตะกอนลง แล้วคำตอบจะมาเอง
“บางทีบางเรื่องก็ต้องหยุด เพราะบางทีเรื่องมันฟุ้ง มันร้อนมาก บางทียิ่งจะมีปัญหาใหม่ๆ เกิดตามมา
ไม่ได้ตามหา แก้ปัญหาไม่ได้ วิธีนี้จะช่วยให้เราพบกับความสุขได้ง่ายขึ้น และแก้อุปสรรคต่างๆ ได้”


อิ่มเอมใจแบบ ภิมุข สิมะโรจน์
การสูญเสียพลัดพรากจากสิ่งที่รักเกิดขึ้นกับทุกคนในชีวิต ลองดูคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ว่า
เมื่อวันนั้นมาถึงมีวิธีควบคุมอย่างไรให้ทุกอย่างผ่านไปได้

6.คิดถึงคนที่สูญเสียมากกว่าเรา หรือมองคนที่แย่กว่าเรา เพื่อกำลังใจและไม่สิ้นหวัง

คำแนะนำ : “หลักคิดนี้แม่สอนผมมาตั้งแต่เด็ก หากเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นให้คิดถึงคนที่แย่กว่าเรา
คนที่สูญเสียมากกว่าเรา จะทำให้เราเห็นภาพและเกิดความรู้สึกเข้าใจโลกมากขึ้นว่ามีคนที่ย่ำแย่กว่าเรานะ
แต่เขายังไม่ท้อ เราก็ต้องไม่ท้อแท้กับชีวิต จะได้มีกำลังใจเดินหน้าต่อไป”


7.อ่านหนังสือเกี่ยวกับจักรวาลและธรรมะ
หรือแนวทางของการไม่ยึดมั่นถือมั่น เพื่อสายตาของการมองเห็นทางออกของปัญหา

คำแนะนำ : “เป็นวิธีที่ผมใช้ประจำเมื่อรู้สึกไม่ดี เพราะเมื่ออ่านเรื่องราวของจักรวาลและดวงดาวแล้ว
จะทำให้รู้สึกว่ามนุษย์เป็นแค่สิ่งเล็กๆ ในจักรวาล และเป็นเพียงเสี้ยวเวลาของเวลาทั้งหมดด้วย หมายความว่า
คนเราอาจจะมีอายุยาวนาน ถึง 90 ปี แต่ความจริงแล้ว 90 ปีนี้เป็นเพียงเสี้ยวเวลาของเวลาทั้งหมดเท่านั้นเอง
ทำให้คิดได้ว่าคนเราไม่ควรไปยึดติดมากเกินไป ส่วนการอ่านหนังสือธรรมะ ซึ่งเน้นเรื่องเหตุและผล
ผมเรียนสายวิทย์ทำให้มีพื้นฐานเรื่องของเหตุและผล เช่น ผลงานของหลวงพ่อปัญญา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ช่วย
ให้มองเห็นทางออกของปัญหา มีวิธีเอาชนะความโศกเศร้าได้ หากเราเกิดการสูญเสีย
มีความเป็นเหตุและผลประกอบกันอยู่เสมอ อ่านแล้วช่วยให้คลายความเศร้า ความทุกข์ได้”


8.จุดสิ้นสุดย่อมมีจุดเริ่มต้นเสมอหรือการให้โอกาสตนเอง เพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

คำแนะนำ :ไม่ว่าจะสูญเสียสิ่งใดก็ตาม หมายถึงการเริ่มต้น สิ่งใหม่ๆ
อย่างน้อยก็การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอีกรูปแบบหนึ่ง “คนเราต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ต้องสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง
เพราะมีวิถีชีวิตแบบใหม่รอให้เราเริ่มต้นอยู่ข้างหน้า ต้องไม่หมดกำลังใจและคิดเสมอว่า
ณ จุดสิ้นสุดย่อมมีจุดเริ่มต้นใหม่ หากเราสูญเสียคนอันเป็นที่รักก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เพราะมันเหมือนกับเรากำลังเริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่เช่นกัน”


9.ออกกำลังกายหรือการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพื่อร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่สดใส

คำแนะนำ : การปล่อยเวลาให้ผ่านไปก็ทำให้พะวงอยู่กับปัญหาต่างๆ รวมทั้งความโศกเศร้าที่เพิ่งได้รับ
“เราไม่ควรปล่อยเวลาให้ว่าง หันไปออกกำลังกาย เล่นกีฬา เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่เสมอ
เพราะช่วยให้เราไม่มีเวลาเอาความคิดไปจมอยู่กับเรื่องที่เศร้าตลอด เราสามารถรำลึกถึงการสูญเสียเหล่านั้นได้
แต่ไม่ควรจมปลักอยู่กับการสูญเสียเหล่านั้นจนเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต”

9 เคล็ดลับ คงไม่ยากเกินไป อยู่ที่ว่าจะลงมือทำเมื่อไหร่ เพื่อชีวิตที่อิ่มเอมใจ

ที่มา โพสต์ทูเดย์


Create Date : 14 มีนาคม 2552
Last Update : 14 มีนาคม 2552 11:45:51 น. 2 comments
Counter : 733 Pageviews.

 
ชอบจังมีเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ให้อ่านทู้กกกกกกกกวัน


โดย: รัตนมาลี วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:12:47:01 น.  

 
ขอบคุณมากนะค่ะ


โดย: ฟาส IP: 124.122.168.165 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:51:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.