Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

หยุด... ความเครียด!

หยุด... ความเครียด!


ท่ามกลางความผกผันทางการเมือง ที่ยังไม่มีวี่แววจะเข้าสู่ความสมานฉันท์ได้
ทำให้ผู้คนทั้งประเทศต่างตกอยู่ในภาวะกดดัน...เครียดกันทุกฝ่ายอย่างถ้วนทั่ว

แม้แต่งานวันเด็ก ซึ่งเป็นวันที่พวกเขาอยากมีความสุขมากที่สุด แต่ปีนี้ต้องพบกับความผิดหวัง
เพราะพิษจากการลอบวางระเบิด 8 จุดถล่มกรุงเทพมหานครในคืนเคาต์ดาวน์
ทำให้มีการตรวจค้นรักษาความปลอดภัยกันอย่างแน่นหนา ก่อนจะเข้างานที่จัดขึ้น
ยิ่งกว่าการเข้าชมงานคอนเสิร์ตหรือโดนฝ่ายปกครองตรวจซะงั้น ทั้งเด็กและผู้ปกครองต่างเซ็ง...เครียด!

ไม่เพียงแต่หัวอกผู้ปกครอง หัวอกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
ก็ไม่มีเวลาหาลูกเมีย ฟากผู้บริหารประเทศและ คมช.ก็เครียดยกกำลัง 2 เพราะทั้งเรื่องความสงบภายในประเทศ
ยังเอี่ยวพัวพันกับการหวังผลประโยชน์ทางการเมืองอีก

ครั้นจะไม่พาเด็กไปเที่ยวงานวันเด็กก็ทนเสียงรบเร้าไม่ไหว
มองกลับไปหาเงินในกระเป๋าที่เหือดแห้ง แฟบห่อเหี่ยว...ยิ่งเครียด!

ยุคเศรษฐกิจนี้ก็ฝืดเคือง แบบป้ายจาระบีสักโหลก็ไม่ไหลลื่นเหมือนเดิม
ออกจากบ้านแต่ละครั้งยิ่งมีสิ่งล่อตาล่อใจลูกรักอีก จะไม่ยอมซื้อให้ก็ลงไปดิ้นพล่านกับพื้นเป็นที่อับอายประชาชี
จนต้องยอมศิโรราบและเงินในกระเป๋าบางๆ ก็หลุดออกไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีก...จนเครียด!

ต่อจากนี้จะสู้กับยุคเศรษฐกิจสนิมเกาะกันต่อไปอย่างไร ก็ไม่รู้ชะตากรรมอีก
เพราะหุ้นยังคงทะยานลงๆ ดิ่งโหม่งโลกอย่างต่อเนื่อง แดงยกแผงกันอีก....เครียดยกแผง!

เศรษฐกิจตกสะเก็ดยังไง แต่ท้องก็ยังต้องกิน เงินก็ยังต้องใช้
โรงงานปั๊มบัณฑิตเตรียมส่งออกมาวางตลาดอยู่รอมร่อ ตำแหน่งงานก็ไม่รู้ไปแอบประกาศที่ไหน
หรือทำไมไม่มีตำแหน่งงานเหลือเลยหรืออย่างไรคนไม่ทำงานกันหรือ...เตะฝุ่น เครียด!

ยังไม่เอ่ยถึงความเครียดนานาปัญหา ทั้งจากดินฟ้าอากาศที่วิปริต ทำเอามนุษย์ต้องเครียดกับฟ้ากับฝน
เพราะน้ำท่วมอยู่ประเดี๋ยวก็หนาวจัด ทรัพย์สิน ผลผลิตทางการเกษตรอันตรธานหายไปในพริบตา
...เครียดฟ้าดิน และสารพัดเครียด!

เมื่อสภาวะรอบตัวมีแต่ทำให้เครียด แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ฉะนั้นเราจะเอาความเครียดผูกติดเป็นเงาหรือกำจัดมันทิ้ง ขึ้นอยู่กับตัวคุณ

ถ้าคุณต้องการกำจัดความเครียดทิ้ง มีหลายคนเสนอแนะทางออกให้คุณ


พระแนะ ‘ลิ้นงู’ สู้เครียด!

พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต หัวหน้าค่ายพุทธธรรมนำชีวิตจากวัดสร้อยทอง บางซื่อ กทม. พระนักเทศน์ชื่อดัง
แนะนำว่าถ้าไม่ต้องการให้เกิดความเครียดต้องทำตัวเป็น “ลิ้นงู” เพราะลิ้นงูอยู่ท่ามกลางพิษสงต่างๆ ในตัวงู
ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวงูอันแหลมคม หรือพิษงู
ปริศนาธรรมนี้หมายถึงให้ดำเนินชีวิตอยู่ได้ แม้อยู่ในท่ามกลางสังคมที่มีอันตรายมากมาย

“นอกจากนี้จะต้องทำใจให้ว่าง การว่างคือไม่ใช่ไม่คิดอะไรเลย ไม่คิดอะไรเลยแบบนั้นคือคนไม่มีสมอง
ให้ว่างคือไม่กังวล ยิ่งกังวลยิ่งย่ำแย่ ยิ่งมีปัญหา แล้วจะมานั่งกังวลทำไม
ก็รู้อยู่แล้วว่ากทม.รถติด ก็ออกเดินทางก่อนเวลาก็จะไม่เครียด
หรือมีคนขับรถแซงปาดหน้าก็เป็นเรื่องธรรมดา ขับรถก็เจอเป็นปกติไม่ใช่เรื่องแปลก
หรือเซอร์ไพรส์อะไรบนท้องถนน ดังนั้นจะด่าเขาไปทำไม จะกังวลไปทำไม แค่ยอมรับในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ใช้สติใช้ธรรมะเข้าไปจับ ธรรมะใดก็ไร้ค่าถ้าไม่นำไปทำ ธรรมะใดก็มีค่าถ้านำมาปฏิบัติ”

พระนักเทศน์ชื่อดัง ยังได้มอบข้อคิดให้กับความเครียดที่คนไทยทุกคนกำลังวิตก
อย่างการลอบวางระเบิดว่าให้แต่ละคนระวังตัวไว้ เพราะบางเรื่องระมัดระวังยาก
เป็นปัจจัยจากภายนอก ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ระวังได้ โดยเฉพาะระวังจิตใจของเราเอง ทำใจให้เข้มแข็ง
ระวังได้แต่ต้องไม่กังวล ระมัดระวังตามหลักการไม่ทุกข์ร้อนใจ ไม่เครียดไปกับมัน

“อย่างแม่อาตมาอายุ 60 กว่าปีให้แพทย์ตรวจร่างกาย หมอยังไม่ออกผลการตรวจก็กลัวว่าจะเป็นโรคนั้นโรคนี้
อาตมาเลยบอกว่า คนเรามีอายุอยู่เกิน 60 ปี ก็ถือว่าใช้ชีวิตคุ้มแล้วจะเป็นอะไรก็เป็น ไม่ต้องซีเรียสไม่ต้องกังวล
ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลตนเองไปด้วย ยิ่งกังวล โรคก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม
บางคนหมอบอกว่าป่วยโรคนี้อยู่ได้ไม่เกิน 5 วัน
หลังจากนั้นเขาได้ไปปฏิบัติธรรม จิตใจสงบ ไม่กังวลกับโรคที่ป่วยอยู่ จาก 5 วัน ตอนนี้อยู่มา 5 ปีแล้ว”

ในเมื่อหลีกหนีความสูญเสียหรือความเครียดไม่ได้ ธรรมะที่พระท่านนี้เทศนามาคือ ให้ยอมรับอยู่กับมันสักระยะ
ให้เวลาไม่เกิน 3 วัน จากนั้นก็ให้กำลังใจตนเอง และสุดท้ายชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป
มีสมาธิกับทุกสิ่ง เริ่มจากนั่งแล้วหลับตา จิตใจจดจ่อกับสิ่งนั้นหรือกับงาน ไม่คิดเรื่องอื่น
อยู่กับสิ่งใดที่อยู่ตรงหน้าก็จดจ่อกับสิ่งนั้น แค่นั้นเอง



เครียดน้อยไฟเย็น เครียดมากไฟไหม้

เมื่อแก้ด้วยทางธรรมไม่หายเครียด ก็ให้หันมาทางโลกบ้าง
หลักการกำจัดตัวเครียดนั้นก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก
จิตแพทย์ระดับรองอธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.อภิชัย มงคล อธิบาย ถึงอาการว่าความเครียดมีหลายระดับ
ถ้าเป็นน้อย ปานกลาง ก็นับว่าเป็นไฟเย็น ทำให้ปฏิกิริยาในการป้องกันตนเองของมนุษย์ทำงาน
ทำให้คนเราตื่นตัว ขวนขวาย นับเป็นแง่ดี แต่ถ้าไม่เครียดเลยก็จะตั้งตนอยู่ในความประมาท

ถ้าเครียดลุกลามจนเข้าขั้นระดับมาก เข้าขั้นไฟร้อนทำลายย่อมมีผลเสียแน่นอน เพราะเครียดมาก ทำให้ ตกใจง่าย
หงุดหงิดง่าย สมาธิไม่ดี หลงลืม นอนไม่หลับ ทางด้านร่างกาย จะมีอาการปวดคอ ปวดหัว ปวดหลัง
เครียดลงกระเพาะ ท้องอืดอีก หรือบางคนเป็นโรคผิวหนังเลย และที่สำคัญภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
โรคแฝงตัวอยู่จะกำเริบ โรคป่วยง่ายอย่าง ไข้หวัด ก็มีโอกาสเป็นง่ายขึ้นด้วย


ปัจจัยสกัดเครียด

หมออภิชัย แนะว่า 3 ปัจจัยพื้นฐานที่ต้องปรับโดยด่วนเมื่อรู้ตัวว่าเครียดแล้ว
อย่างแรกคือ อาหาร ไม่ควรทานกาเฟอีนหรือเครื่องดื่มน้ำดำทั้งหลาย
อย่างที่สอง ต้องพักผ่อน นอนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง
และสุดท้ายคือ การออกกำลังกาย วิ่งเหยาะๆ หรือเลือกชนิดตามที่ถนัดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละ 3 วัน
ปฏิบัติ 3 อย่างนี้ก่อน หากไม่ดีขึ้นค่อยใช้วิธีอื่น เช่นการคุยกับคนที่เข้าใจ

สำหรับคนเครียดที่เกิดจากการติดตามข่าวสารบ้านเมือง เช่นเรื่องนั้นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา คนนั้นก็ขัดใจ
คนนี้ก็พูดไม่เข้าท่า และชนวนสารพัดจากการดูทีวี อ่านนสพ.
คุณหมออภิชัยแนะนำว่า ก็ลดการเสพข่าวสารลง ไปหาอะไรทำให้สบายใจขึ้น สบายใจอะไรก็ทำไป
แต่ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น อยากให้เข้าใจว่า
ท้ายสุดชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เพียงแต่ให้ความระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น




ถัดมาวิธีการกำจัดความเครียดแปลกๆ ชนิด เกลือ จิ้มเกลือ!
บีบผ้าเช็ดตัว-เมาท์-ผิวปาก-หัวเราะ


ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดัง
และในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
แบ่งความเครียดเป็น 3 ชนิด แต่ละชนิดก็มีวิธีการบำบัดที่แตกต่างกันด้วย

อย่างเครียดด้านความคิด
ใช้ความรู้สึกเข้าบำบัด โดยให้มองรอบๆ มองธรรมชาติที่งดงาม ต้นไม้ ท้องฟ้า ทะเล ฯลฯ
หรือให้คำรามเหมือนสิงโต หรือตะโกน ระหว่างที่ทำต้องรู้สึกตัว รู้ว่าเอามือแตะโต๊ะ รู้ว่านั่ง รู้ว่ายืน
หรือการเปล่งเสียงจากภายใน โดยปิดปากแล้วพูดคำว่า “อืม” ให้เสียงก้องในปาก ลำคอ ไปจนถึงสมอง

หากเป็นความเครียดชนิดที่ 2 ที่เครียดจากอารมณ์ โกรธแค้น ซึมเศร้า
อ.วัลลภแนะนำให้ ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ทั้งอาบน้ำ นวด ว่ายน้ำ วิ่ง
โดยระหว่างที่เคลื่อนไหวร่างกาย ต้องใช้สมาธิกับสิ่งอื่น ทำให้ไม่มีเวลาคิด
อารมณ์บูดเบี้ยวก็ไม่เข้ามากล้ำกรายในช่วงนั้น

และถ้าเป็นเครียดชนิดสุดท้ายที่เกิดจากทำสิ่งใดไม่ได้ ก็ต้องยืดเส้นยืดสาย เคลื่อนไหวร่างกายคล้ายๆ กัน
ถ้าเคลื่อนไหวไม่ได้ ก็ผิวปาก เมาท์กับเพื่อนก็ได้เหมือนกัน

“วิธีง่ายๆ อาจเริ่มจากการบิดผ้าเช็ดตัวให้สุดแรง ทำไปเรื่อยๆ เหมือนได้ระบายออก สักครู่ก็จะดีขึ้นเอง
แต่จะทำนานเพียงใด หากใครเหนื่อยก็หยุดเอง
หรือหากใครเลือกวิธีสะใจ อย่างเตะต่อยกระสอบทราย ทุบหมอน เอาลูกบอลขว้างเข้ากำแพง ก็ไม่ว่ากัน
แต่ไม่ใช่ทำลายข้าวของ
ในต่างประเทศ เอารูปหน้าของคนที่เราแค้นและเอาลูกบอลขว้างใส่ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งเช่นกัน

หรือไม่ก็วิธีเกลือ จิ้มเกลือ เมื่อเครียดแล้วไม่หัวเราะ ก็หัวเราะมันซะเลย
หัวเราะโดยการเปล่งเสียงออกมาให้ช่องท้อง อก คอ ขยับขับเคลื่อน
เพราะการหัวเราะทำให้ระบบการหายใจดีขึ้น ให้เลือดลมที่ติดค้างอยู่ได้ไหลเวียน
ถ้าอยู่ในพื้นที่จำกัดอย่างในช่วงรถติด เครียดนักก็ฟังเพลง ร้องเพลง ตะโกนดังๆ
หรือพูดคุยกับใครก็ช่วยผ่อนคลายอาการเครียดเบาๆ ที่พบเจอทุกวันในสภาพการจราจรเมืองหลวงไปได้บ้าง”



ตลกแนะเคล็ดแก้เครียด

ถึงคราวนี้หลายคนคงมองหาสิ่งกระตุ้นให้หัวเราะท้องแข็ง แทนการหัวเราะเองเหมือนที่ อ.วัลลภ แนะนำ
อาจเกรงว่าบุคคลรอบข้างจะเห็นว่าเป็นพวกจิตวิปลาส
ดังนั้นศิลปินตลกที่ร่ำรวยอารมณ์ขันคงได้รับความนิยมมากขึ้น
และในฐานะที่สร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่น คงมีเคล็ดลับคลายเครียดอย่างดี

คุณจอย ชวนชื่น ยอมรับว่า ช่วงนี้เธอเองก็เครียดเหมือนกัน
จากที่จะได้ไปเดินห้าง จับจ่ายใช้สอย กินข้าวนอกบ้าน ก็ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้นเพราะกลัวระเบิดนั่นเอง
“มีอาชีพเป็นตลกก็เครียดเหมือนกัน เพราะจะทำให้คนตลกหัวเราะมันยาก เพราะต้องคิดมากกว่าคนอื่น
เดี๋ยวนี้คนไม่ขำกันง่ายๆ แล้วต้องดูทีวีดูหนัง ต้องคิดตลอดเวลาก็ทำให้เครียดเหมือนกัน
วิธีที่เลือกเพื่อคลายเครียดนั้น ส่วนตัวเลือกการว่ายน้ำ ว่ายน้ำแล้วรู้สึกสบายใจ เอาหูแนบน้ำ มันเงียบสบายใจดี
แต่ระยะหลังไม่ค่อยมีเวลาใช้วิธีนี้เท่าใดนัก” หนูจอยกล่าวแนะนำ


ในเมื่อความเครียดเป็นสิ่งที่ผู้คนทุกคนต้องพบปะเจอะเจอมัน ก็จงยอมรับว่ามันเป็นสิ่งธรรมดาและยอมรับมัน
และระบายออกอย่างมีสติ ระวังได้แต่อย่าเครียดเพราะทุกอย่างอยู่ที่เราคิดเอง


โดย : ธีรวุฒิ สถิตภัทรกุล
ข้อมูลจาก : //www.posttoday.com
ที่มา : //www.dmh.go.th




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2553
0 comments
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 15:24:41 น.
Counter : 873 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.