อิจิเมะ..การกลั่นแกล้งกันของเด็กญี่ปุ่น
อิจิเมะรุ หรือ เรียกสั้นๆว่า อิจิเมะ แปลตรงตัวเลยก็คือ รังแก..
คำนี้ที่เป็นที่รู้จักกันก็อยู่ในแวดวงภายในโรงเรียนซะส่วนมากค่ะ .. คงเคยได้ยินถึงกิตติศัพท์การกลั่นแกล้งของเด็กๆในโรงเรียนกันบ้างใช่ไหมคะ?
ที่บ้านเราเรื่องการกลั่นแกล้งระหว่างเด็กๆด้วยกันในโรงเรียนไม่ค่อยได้ยินมากนัก จะว่าเป็นเพราะเด็กๆบ้านเรากล้าแสดงออกน้อยกว่าเด็กที่นี่ หรือจะเป็นเพราะว่าเด็กๆบ้านเราเน้นเรื่องการเรียนเป็นหลักอย่างเอาเป็นเอาตายก็ไม่ทราบได้ พวกหัวโจกทำผิดระเบียบร.ร.ก็มีอยู่ทุกร.ร. แต่ถึงขนาดไปแกล้งเพื่อนร่วมร.ร.นี่คิดว่าคงมีอยู่น้อย ยกพวกตีกันระหว่างร.ร.ว่าไปอย่าง อันนั้นเพื่อศักดิ์ศรีของสถาบัน
ที่นี่เรื่องการกลั่นแกล้งรังแกกันมีอยู่ทุกร.ร.ค่ะ จนเป็นหัวข้ออันดับต้นๆของการใส่ใจดูแลเด็กๆในร.ร. ถึงแม้ว่าทางร.ร.จะพยายามให้มีการสื่อสารติดต่อที่ดีระหว่างครูกับผู้ปกครอง ครูจะไปเยี่ยมตามบ้านของเด็กในแต่ละปีเพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ปกครอง รวมถึงการไปดูการเรียนการสอนและพูดคุยกับครูที่ร.ร.ตัวต่อตัวกับผู้ปกครองก็ตาม แต่ปัญหานี้ก็ดูเหมือนยังคงมีอยู่ต่อไป..
จะว่าไปเรื่องระหว่างเด็กๆนี่ ถ้ามีการพูดคุยสื่อสารกันพอเพียงในครอบครัว ป้าโซว่าคงไม่น่าถึงกับเป็นปัญหาใหญ่นัก แต่ก็คงขึ้นกับวิธีการเลี้ยงดูด้วย อย่างบ้านเราค่อนข้างจะเลี้ยงลูกแบบอะไรๆก็ปรึกษาพ่อแม่ แต่ที่นี่เขาจะเลี้ยงแบบให้เด็กตัดสินใจเอง เป็นอิสระทางความคิด เพราะฉะนั้นความคิดที่เป็นตัวตนของเด็กเองบางครั้งก็ยากที่พ่อแม่จะเข้าถึงได้เหมือนกัน..
เรื่องเด็กกลั่นแกล้งกันในร.ร.นี่ คงไม่เป็นปัญหาใหญ่ถ้าเด็กที่ถูกแกล้งจะไม่ถึงกับต้องฆ่าตัวตาย หรือบางคนปฏิเสธที่จะไปร.ร. ทางร.ร.ก็ต้องจัดให้เด็กแยกมาเรียนต่างหากคนเดียว ปรับความรู้สึกจนกระทั่งเด็กสามารถเข้าไปเรียนที่ห้องเรียนได้อย่างเดิมซึ่งใช้เวลาอย่างมาก เด็กบางคนไม่สามารถปรับตัวเองให้เข้าไปเรียนกับเพื่อนในห้องเรียนได้เลยก็มีค่ะ กลายเป็นปัญหาทางด้านจิตใจไป..
สาเหตุหนึ่งที่พ่อเขาจับลูกเรียนยูโดก็เพราะเรื่องนี้เป็นสาเหตุอย่างนึงด้วยค่ะ เพราะเขารู้มาก่อนว่าสังคมภายในร.ร.เป็นอย่างไร.. การได้มีวิชาป้องกันตัวอย่างยูโดก็สามารถช่วยได้อย่างหนึ่ง ว่าเราไม่ได้งอมืองอเท้าอย่างเดียว คนที่จะมาแกล้งก็ต้องคิดหนักอยู่เหมือนกัน
และแล้วก็มาถึงวันที่พิสูจน์ได้ว่าพ่อเขาคิดไม่ผิดที่ให้ลูกฝึกยูโด เมื่อเจ้าคนโตมีเรื่องถึงขั้นลงไม้ลงมือกับเพื่อนในห้องตอนเรียนม.1
ตามประสาเด็กทั่วไปน่ะค่ะ ก็จะมีเด็กซ่าส์บ้าง เด็กเรียบร้อยบ้างคละกันไป เจ้าโตเขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างไม่ค่อยชอบยุ่งกับใครนัก ขี้รำคาญกับเสียงเจี๊ยวจ๊าว (ลำพังอยู่บ้านก็เต็มสองหูจากแม่แล้ว) เพื่อนเขาก็มีนะคะไม่ถึงกับเป็นคนเก็บตัว วันหนึ่งในชั่วโมงที่ครูสอนวิชานั้นไม่มา ครูประจำชั้นก็มาสั่งการให้เด็กนั่งอ่านหนังสือวิชานั้นเรียนรู้ทบทวนกันไปเอง เจ้าโตเขาก็นั่งอ่านหนังสือไป เจ้าเพื่อนหัวโจกที่สุดในห้องปายางลบมาแกล้งไม่เลิก เจ้าตัวชักรำคาญก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้อง แต่เจ้าเพื่อนกลับลุกมาถีบกลางหลังจนหน้าคะมำ เจ้าโตลุกขึ้นได้ก็หันมาฟัดกับเพื่อน จนเพื่อนๆต้องจับแยกกันแล้วครูประจำชั้นก็มาเป็นตุลาการ
สรุปว่าเจ้าเพื่อนเป็นคนผิดเพราะเริ่มลงมือ เอ๊ย.. ลงเท้าก่อน ครูก็ไกล่เกลี่ยจับปรับความเข้าใจกัน ตกเย็นเจ้าโตก็หอบเอาคางเขียวอื๋อกลับมาบ้าน ครูตามมาคุยกับป้าโซตอนค่ำๆอีกรอบ มารายงานว่าเกิดอะไรขึ้น วันต่อมาเจ้าเพื่อนคนนี้ก็โทรศัพท์มาสอบถามอาการพร้อมกับขอโทษ เพราะเจ้าโตเขาจะเจ็บกว่าเพื่อน..
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าลูกไม่ได้ฝึกยูโดหรือเล่นกีฬามาก่อนก็คงเป็นเด็กงอมืองอเท้า รับการกระทำจากเขาฝ่ายเดียว ไม่สู้คน.. กลายเป็นเป้านิ่งให้เขารังแกได้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็จะเกิดปัญหาต่อไปในอนาคตอนางอ..
หลังจากเหตุการณ์นี้ เจ้าเพื่อนคนนี้ก็กลับกลายเป็นเพื่อนที่คบหากันได้ดี เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นกัปตันในกีฬาที่ตัวเล่น เจ้าโตเขาเป็นกัปตันยูโด เจ้าเพื่อนเป็นกัปตันเคนโด้ คงด้วยศักดิ์ศรีที่เท่าๆกันมังคะ ทำให้เขายอมรับเจ้าโต แถมยังบอกว่ามีเรื่องกับใครบอกเขาได้ทุกเมื่อ พร้อมร่วมด้วยช่วยฟาดฟัด
Create Date : 14 มีนาคม 2552 |
|
15 comments |
Last Update : 18 มีนาคม 2552 22:35:41 น. |
Counter : 4128 Pageviews. |
|
|
|