ไปต่อวีซ่า
วันพุธที่ผ่านมานี่ ป้าโซหยุดงานเพื่อไปต่อวีซ่าที่จะหมดอายุในกลางเดือนหน้า ลางานไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ คิดว่าจะไปแต่เช้าปรากฏว่าพ่อยอดชายนายลุงของป้าโซกลับบอกว่าไปสายๆก็ได้ เพราะต้องไปขอหลักฐานที่เทศบาลที่เก็บทำข้อมูลต่างๆของประชากร ซึ่งเทศบาลที่ว่านี่จะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แต่ละอำเภอ แต่เขาก็มีสำนักงานย่อยให้ตามตำบลด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาถ่อไปถึงในตัวเมือง ขั้นตอนการขอก็สะดวกมากค่ะ แค่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นอ่านออกเขียนได้เท่านั้น เน้นคันจิเข้าไว้ ลำพังป้าโซไปขอกว่าจะได้คงจะชาติหน้า
สถานที่ราชการของเขาอำนวยความสะดวกให้กับพลเมืองของเขาได้ค่อนข้างดี ทั้งๆที่มีคนทำงานในนั้นไม่กี่คน เมื่อเข้าไปนั้นก็ต้องไปที่เคาท์เตอร์ที่มีแบบฟอร์มให้เลือกกรอกว่าเราต้องการเอกสารประเภทไหน มีแว่นตาให้คุณปู่คุณย่าทั้งหลายส่องด้วย มีสามระดับความยาวของสายตาให้เลือกด้วยนะคะ กรอกแบบฟอร์มตามตัวอย่างที่มีให้เสร็จก็ไปยื่นกับพนักงานที่เคาท์เตอร์ด้านใน เขาก็จะถามอีกทีเพื่อยืนยันความถูกต้องว่าเราต้องการเอกสารชนิดนี้แน่..
ตอนลุงไปยืนจะยื่นแบบฟอร์มให้พนักงานนั้น ช่วงนั้นพนักงานไม่มีใครว่างเลย คนที่อยู่หน้าเคาท์เตอร์คนนึงก็กำลังติดอยู่กับคนใช้บริการอีกคน เธอส่งเสียงขอโทษขอโพยมาแล้วบอกกรุณายืนคอยสักแป๊บนะคะ แป๊บเดียวจริงๆ ก็มีลุงแก่ๆเดินกระหืดกระหอบมาจากด้านหลัง หลังจากแกรีบๆยัดเอกสารที่ทำค้างอยู่ในมือเข้าแฟ้มไป แกเดินมาขอโทษที่ให้รอช้าแล้วรับแบบฟอร์มขอเอกสารไปจัดการ..
นั่งรอสักห้านาทีได้ ลุงแก่ๆคนเดิมก็เดินมาขานชื่อเสียสนิทสนม โดยเรียกแต่ชื่อตัวไม่ใช่ชื่อสกุล .. Aซะมะ.. Aซะมะ.. ลุงที่บ้านป้าโซได้ยินชื่อตัวเองแล้วก็ยังนั่งเฉย ป้าโซต้องเอาศอกเขี่ยๆเรียก นั่น.. เขาเรียกแล้วไม่ใช่เรอะ อีตาลุงป้าโซทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจพลางจ้องไปที่ลุงแก่คนนั้น ทำหน้าว่า..ชั้นเรอะ?? ลุงแก่คนนั้นมองมาพร้อมกับมองไปที่แผ่นฟอร์มนั้นอีกทีแล้วก็ร้องว้ากขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ แล้วขานชื่อใหม่โดยคราวนี้เรียกอย่างเป็นทางการซึ่งเรียกนามสกุลก่อนชื่อตัว สรุปว่าขอเอกสารไปสามใบเสียค่าธรรมเนียมในการขอใบละสองร้อยเยน.. ใบที่ว่านั่นก็คือสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อป้าโซอยู่ ใบประวัติหลักฐานการเสียภาษีของลุงที่บ้าน กับใบหืดอะไรไม่รู้อีกหนึ่งใบ ขี้เกียจทำความเข้าใจ
พอได้หลักฐานก็ขับรถไปที่สนามบินฟุกุโอกะ ที่ๆกองตรวจคนเข้าเมืองตั้งอยู่ ต้องไปขอต่อวีซ่าที่นี่ค่ะ ระหว่างทางขับรถไปก็ได้ยินดีเจประกาศว่านักร้องชื่อ ไอ๊สึ ซะรันยู แล้วทำนองเพลงก็ขี้นมา.. จั๊ด..จ๊าดาด๊า.. จั๊ด..จั๊ดจ๊าดาด๊า.. แม่นแล้วค่ะ คนใจง่ายนั่นเอง ป้าโซโยกซะรถโคลง
ถึงที่ต่อวีซ่าประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง ยังถามลุงที่บ้านว่าเขาไม่ปิดเที่ยงเรอะ ลุงแกบอกปิดก็ปิดไปวันนี้ลางานทั้งวันอยู่แล้ว แล้วก็เข้าไปขอแบบฟอร์มที่ประชาสัมพันธ์ สอบถามเขาเสร็จสรรพว่าควรจะต้องเขียนอะไรตรงไหนบ้างแล้วก็ไปกดบัตรคิวรอเรียกต่อไป.. แล้วก็ติดเที่ยงจริงๆค่ะ แต่เที่ยงที่นี่เขาจะเปิดแค่บางช่อง ช่องไหนที่ปิดทำการก็จะดึงมู่ลี่มาปิดไว้ สรุปก็คือเปิดทำการตลอดนั่นแหละค่ะ ไม่เว้นเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์
พอไปยื่นเอกสารเจ้าหน้าที่กลับบอกต้องการเอกสารที่เป็นใบรับรองการทำงานของลุงที่บ้านอีกแผ่น .. กรำ.. ตอนปริ้นท์จากเน็ตมาว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างไม่เห็นมีบอกหนิว่าต้องการอันนี้ด้วย เจ้าหน้าที่ให้ซองจดหมายที่จ่าหน้าเรียบร้อยมาบอกให้เรากลับไปเอาเอกสารที่ว่านี่ส่งมาทางปณ. แล้วจากนั้นเขาจะส่งไปรษณียบัตรมาให้ว่าให้ไปรับได้เมื่อไหร่..
ค่าต่อวีซ่า 4000 เยน แต่ถ้าต่อเป็นแบบถาวรจะราคา 8000 เยนค่ะ ตอนแรกป้าโซก็ว่าจะต่อเป็นแบบถาวรเหมือนกัน แต่ทีนี้แบบถาวรต้องใช้เวลาหกเดือนในการพิจารณาวีซ่า ซึ่งอายุวีซ่าที่ป้าโซมีอยู่ตอนนี้ไม่พอ ถ้าจะทำคงต้องไปทำคราวหน้าก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุหนึ่งปี..
เสร็จสรรพจากเรื่องยื่นขอต่อวีซ่า ป้าโซก็บอกให้ลุงพาไปกินก๋วยเตี๋ยวไทยดีกว่า เพราะอยากได้ซีอิ๊วขาวที่มีขายในร้านนั้น ไอ้เรื่องรสชาติก๋วยเตี๋ยวน่ะ ทำใจไว้แล้วละค่ะ .. ป้าโซสั่งข้าวผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวมาจานนึง เป็นเซ็ตรวมกับปอเปี๊ยะสดลูกผสม จะว่าเวียตนามก็ไม่เชิง ไทยก็ไม่ใช่ มีอยู่สามชิ้นเล็กๆ ชิ้นละครึ่งคำได้กับน้ำจิ้มแบบเวียตนาม แล้วก็มีน้ำฝรั่งแก้วนึง เจ้าน้ำในเซ็ตนี่ถ้าเป็นน้ำฝรั่งก็ต้องเพิ่มอีก 50 เยนค่ะ .. ลุงที่บ้านสั่งเย็นตาโฟแล้วก็ผัดไทมาแบ่งกันกิน..
มาแล้วค่ะ.. ผัดกะเพราของป้าโซ หน้าตาหยองกรอดมาเลย ไข่ก็ด้านๆ พริกที่ใส่ก็คือพริกหวานสีแดงกับสีเขียว ไม่มีใบกะเพราสักใบแต่มีกลิ่นแทนสงสัยจะใช้กลิ่นที่เป็นผงๆผัด.. ต้องขอน้ำปลาเขามาใส่ไข่ .. ส่วนเย็นตาโฟของลุงก็ไม่แพ้กัน มีแต่เส้นล้วนๆกับถั่วงอกสามสี่ต้น อ้อ..มีเมตตาใส่กวางตุ้งให้สองชิ้น เต้าหู้นิ่มชิ้นเล็กๆหนึ่งชิ้น ลูกชิ้นปลากลมๆหนึ่งลูก ที่รู้ว่าเป็นเย็นตาโฟก็คือมีสีแดงเรื่อๆกับกลิ่นค่ะ นอกนั้นอร่อยหรือไม่ก็อยู่ที่ความสามารถในการปรุง .. ส่วนผัดไทก็.. ไม่วิจารณ์ละค่ะเดี๋ยวของขึ้นอีกรอบ สรุปว่าป้าโซทำกินเองที่บ้านอร่อยกว่า ลุงบอกจะบ่นไปทำมั้ย.. ก็ตั้งใจมากินทั้งๆที่รู้อยู่แล้วนี่..
เบ็ดเสร็จมื้อนั้นพร้อมซีอิ๊วขาวขวดใหญ่ขวดนึง เส้นเล็กแห้งหนึ่งห่อ(ตั้งใจจะเอามาทำผัดซีอิ๊วให้เด็กๆกิน) แล้วก็น้ำจิ้มไก่แม่ประนอมอีกหนึ่งขวด ตกสี่พันเยนกว่าๆ .. พันกว่าบาทไทยแหละค่ะ..
จบเรื่องการไปทำวีซ่าด้วยเรื่องกิน เอ๊ะ.. ยังไงกันนี่???
Create Date : 01 มีนาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 2 มีนาคม 2552 22:52:27 น. |
Counter : 1170 Pageviews. |
|
|
|
เอ่อ..อาหารแห้งแพงจังนะคะ ไม่ทราบว่าหาซื้อยากหรืออย่างไร?