|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลองลิ้มชิมรส ... กาแฟขี้ช้าง
19 กรกฎาคม 2556
ในวันนี้ผมมีอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจอยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังครับ พอดีว่าผมได้รับโอกาสให้ไปลองลิ้มชิมรสกาแฟขี้ช้าง ที่ถือว่าเป็นกาแฟที่แพงที่สุดในโลกซึ่งผลิตขึ้นในประเทศไทย ผมเลยขออนุญาตมาเล่าแชร์เรื่องราวให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกันครับ
หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้รู้จักกาแฟขี้ชะมดมาก่อนแล้ว ที่เขาอ้างว่าเป็นกาแฟที่อร่อยที่สุดและแพงที่สุดในโลก ซึ่งกาแฟขี้ชะมดแรกเริ่มเดิมทีนั้นได้ถูกผลิตขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากและซับซ้อนเนื่องจากต้องนำเมล็ดกาแฟไปให้ตัวชะมดกินก่อน แล้วรอให้ชะมดตัวนั้นถ่ายมูลออกมาจึงค่อยเก็บเอาเมล็ดกาแฟที่ย่อยไม่หมดนั้นมาผลิตเป็นเมล็ดกาแฟสำหรับใช้ชงดื่ม ซึ่งปัจจุบันนี้ในประเทศไทยได้มีการสั่งนำเข้าเมล็ดกาแฟขี้ชะมดมาจำหน่ายเป็นจำนวนมากแล้ว เรื่องราวของกาแฟขี้ชะมดจึงได้ถูกแพร่หลายมายาวนานจนเป็นทีรู้จักไปทั่วโลกสักระยะหนึ่งแล้ว
แต่สำหรับกาแฟขี้ช้างที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ มันคือกาแฟชนิดใหม่ล่าสุดที่มาทำลายสถิติความแพงของกาแฟขี้ชะมดลงอย่างสิ้นเชิง สาเหตุก็คงเป็นเพราะขบวนการในการผลิตมีความยุ่งยากซับซ้อนพอ ๆ กัน เพราะว่ากว่าจะได้เป็นเมล็ดกาแฟสำหรับนำมาชงบริโภคได้นั้นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร สัตว์ที่เป็นตัวช่วยในการผลิตกาแฟนั้นไม่ใช่ตัวชะมดแต่กลับเป็นช้างของไทยเรานี่เองครับ ช้างไทยที่อยู่ในมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ ที่จังหวัดเชียงราย บนดินแดนเหนือสุดของประเทศไทย
โชคดีที่ผมได้มีโอกาสเจอกับคุณเบล็ค (Mr.BLAKE DINKIN) ผู้สร้างกาแฟขี้ช้าง ภายใต้ชื่อ กาแฟแบล็คไอวอรี่ (BLACK IVORY COFFEE) ขึ้นมา โดยคุณเบล็คเล่าเรื่องราวและความเป็นมาของกาแฟขี้ช้างให้ฟังว่า
ตัวคุณเบล็คนั้นเป็นชาวแคนดานา เดิมที่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วตัวเขาทำงานทางด้าน CSR. (Corporate Social Responsibility) เขาจึงมีโอกาสได้เดินทางไปในหลายประเทศทั้งในแอฟริกาและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเคยได้รู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตกาแฟขี้ชะมดมาก่อนแล้ว เขาจึงไปทดลองทำกาแฟขี้ชะมดที่ประเทศเอธิโอเปียอยู่ประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะเดินทางมายังประเทศไทยแล้วไปหลงเสน่ห์ของช้างไทยที่อยู่ในมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ คุณเบล็คจึงหันมาลองทำกาแฟขี้ช้างดูบ้าง ซึ่งกว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จในการผลิตกาแฟขี้ช้างขึ้นมาได้นั้นก็ต้องใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปี จนกระทั่งกาแฟขี้ช้างสามารถผลิตขึ้นมาขายในเชิงธุรกิจได้เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว (พ.ศ.2555) ในนามของกาแฟแบล็คไอวอรี่ (BLACK IVORY COFFEE) โดยในช่วงแรกนั้นคุณเบล็คเปิดโอกาสให้คอกาแฟขนานแท้สามารถเดินทางไปดื่มชิมรสชาติความอร่อยได้ที่จังหวัดเชียงรายเพียงเท่านั้น แต่ในวันนี้คุณเบล็คได้นำกาแฟขี้ช้างมาเสิร์ฟความอร่อยให้ท่านที่สนใจได้ลองชิมกันได้แล้วที่ เดอะบาร์ โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ
ถามว่าทำไมจึงต้องเป็นช้างไทย?
คุณเบล็คยิ้มพร้อมตอบมาให้ฟังอย่างน่าประทับใจว่า ...
จริง ๆ แล้วเป็นเพราะคนไทยมากกว่า คนไทยเป็นคนที่น่ารักมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ใจดี และเฟรนลี่ย์เป็นอย่างมาก ผมชอบและหลงใหลความงามประเทศไทย ผมเลยคิดว่าน่าจะลองผลิตกาแฟขี้ช้างขึ้นมา ซึ่งผมก็ได้รับการต้อนรับและความช่วยเหลืออันดีจากทางมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ จนกระทั่งผมสามารถผลิตเป็นกาแฟชนิดใหม่ที่ถือว่าเป็นกาแฟสัญชาติไทยแท้ขึ้นมาได้
นอกจากนั้นคุณเบล็คได้เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการผลิตกาแฟขี้ช้างว่า ก่อนอื่นเลยต้องคัดเลือกเมล็ดกาแฟไทยสายพันธ์อาราบิก้า ที่ปลูกบนความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่สุกกำลังดีมาให้ช้างกิน โดยช้างแต่ละตัวนั้นก็จะมีลักษณะการเลือกกินที่ไม่เหมือนกัน กว่าจะค้นคิดขั้นตอนในการทำให้ช้างกินเลือกกินเมล็ดกาแฟได้นั้นก็ต้องมีวิธีการที่เฉพาะตัว เมื่อช้างกินเมล็ดกาแฟเข้าไปในกระเพาะกระบวนการย่อยอาหารของช้างก็ทำหน้าที่ย่อยเมล็ดกาแฟ สุดท้ายเมื่อช้างถ่ายมูลของมาเป็นก้อน แล้วจึงให้ควาญช้างตามเก็บเมล็ดกาแฟที่ย่อยไม่หมดในมูลช้างออกมาล้างทำความสะอาดและตากแดด รวมทั้งผ่านขั้นตอนการผลิตจนคั่วออกมาเป็นเมล็ดกาแฟสำหรับให้คนบริโภคได้ โดยต้องให้ช้างกินเมล็ดกาแฟสดประมาณ 33 กิโลกรัม กว่าที่จะได้ออกมาเป็นกาแฟที่เราบริโภคได้แค่ 1 กิโลกรัม จึงทำให้กาแฟชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูง รวมทั้งเป็นกาแฟที่มีเสน่ห์พิเศษซึ่งแตกต่างจากกาแฟที่วางขายอยู่ท้องตลาดทั่วไป
ส่วนสาเหตุที่เลือกช้างก็เพราะว่า ช้างเป็นสัตว์มังสวิรัติที่กินอาหารสะอาด ช้างกินพืชและผลไม้เป็นอาหาร ช้างเป็นสัตว์ที่มีกระเพาะเดียวจึงมีกระบวนการย่อยอาหารที่ไม่ซับซ้อน เอนไซม์ในกระบวนการย่อยอาหารของช้างมีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนบางส่วนในเมล็ดกาแฟ ทำให้เมล็ดกาแฟที่ถูกย่อยผ่านกระเพาะอาหารของช้างออกมานั้นมีความขมจากโปรตีนที่ลดน้อยลง รวมทั้งมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความอร่อยอย่างนุ่มนวล เวลาที่เราดื่มจึงได้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นไม่แพ้กาแฟชั้นดีชนิดอื่นใดในโลกนี้เลย
กาแฟขี้ช้างในชื่อของ กาแฟแบล็คไอวอรี่ (BLACK IVORY COFFEE) นี้ ในหนึ่งปีผลิตออกมาได้แค่ 200 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับท่านที่เป็นคอกาแฟขนาดแท้ในเมืองไทย โดยรายได้จำนวน 8 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายทั้งหมดนั้น คุณเบล็คได้มอบคืนกลับให้แก่มูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ โดยเงินจำนวนนี้คุณเบล็คไม่ได้มอบให้แก่เจ้าของหรือผู้เลี้ยงช้าง แต่เป็นการนำเงินเข้าสู่มูลนิธิโดยตรงซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ตัวช้างเอง เพื่อที่จะเป็นค่าดูแลรักษาและค่าอาหารชนิดอื่น ๆ ของช้างด้วย
สำหรับท่านที่อยู่ในแวดวงธุรกิจก็คงทราบดีว่า เงินจำนวน 8 เปอร์เซ็นต์จากรายได้นั้นไม่ใช่ตัวเลขที่ต่ำเลย ดังนั้นถ้าการดื่มกาแฟขี้ช้างแล้วมีส่วนช่วยเหลือช้างไทยในทางอ้อมได้ก็ถือว่าคงเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย โดยทางมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำนั้นเป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือช้างเร่ร่อนจากสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จากกรุงเทพฯ พัทยา หรือจากสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมทั้งช้างที่ถูกทารุณกรรมหรือถูกทอดทิ้งในกรณีต่าง ๆ ด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีช้างที่ทำหน้าที่ช่วยผลิตกาแฟขี้ช้างอยู่ประมาณ 15 เชือก สำหรับท่านที่ไม่อยากเห็นช้างเร่ร่อน ไม่อยากซื้อกล้วยหรืออ้อยให้แก่ช้างที่เดินหากินตามท้องถนนด้วยความสงสาร ท่านก็อาจจะลองเลือกที่มาลองลิ้มชิมรสกาแฟขี้ช้างนี้ดูสักครั้งก็ได้ เพื่อเป็นประสบการณ์ในการดื่มกาแฟแบบได้บุญครั้งหนึ่งของชีวิตเลย
คุณเบล็คบอกผมว่า การชงกาแฟนั้นเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่ง กาแฟขี้ช้างนี้นำมาชงเป็นกาแฟเอสเปรสโซได้อย่างลงตัว กระบวนการชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแบบโบราณที่เรียกกันว่า ค๊อฟฟี่เบิร์น ซึ่งเครื่องชงกาแฟแบบนี้มีใช้มานานตั้งแต่ ค.ศ. 1840 แล้ว ประเทศในแถบยุโรป เช่นอิตาลี ฝรั่งเศส และออสเตรีย นิยมใช้กันมาก แต่พอช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็เลิกใช้กัน เพราะว่ามีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปขึ้นมา เครื่องชงกาแฟแบบนี้จึงค่อย ๆ หายหน้าหายตาไป ปัจจุบันเลยมีให้เห็นกันไม่มากนัก
สำหรับกระบวนการชงกาแฟนี้เป็นเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่เราเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เมื่อมาได้เห็นวิธีการชงจากเครื่องชงกาแฟแบบโบราณนี้แล้วก็อดที่จะประทับใจไม่ได้ ขั้นตอนการชงกาแฟเริ่มจากนำเมล็ดกาแฟมาใส่ในเครื่องบดที่แยกส่วนออกมาตากต่างจากเครื่องชงกาแฟ เป็นเครื่องบดกาแฟด้วยมือที่เห็นเป็นหลอดแก้วทรงกลมนั้นจะแยกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนบนใส่เมล็ดกาแฟลงไปแล้วหมุดคันหมุนที่คล้ายกับที่หมุนเปิดหน้าต่างบานเกร็ด พอหมุนคันหมุนเมล็ดกาแฟก็จะถูกบดตัดด้วยใบมีดที่อยู่ด้านล่าง แล้วผงกาแฟที่บดละเอียดแล้วก็จะหล่นลงไปสู่หลอดแก้วทรงกลมด้านล่าง พร้อมสำหรับกระบวนการชงในลำดับต่อไป
สำหรับเครื่องชงกาแฟนั้นเป็นการชงแบบใช้แรงดันไอน้ำอัด โดยเครื่องชงจะเห็นเป็น 2 ส่วน โดยส่วนซ้ายมือจะเป็นคล้าย ๆ เยือกแก้ว สำหรับใส่ผงกาแฟที่บดแล้วลงไป โดยมีท่อที่ต่อไปยังกระบอกต้มน้ำส่วนขวามือ โดยปลายของท่อนั้นจะต้องติดผ้าขาวสำหรับเป็นตัวกรอง (ฟิลเตอร์)ไว้ก่อนที่จะใส่ผงกาแฟลงไป สำหรับหม้อต้มทรงกระบอกที่เห็นทำจากทองเหลืองด้านขวามือนั้นใช้สำหรับต้มน้ำ โดยจะเห็นว่ามีคานโยกอัตโนมัติสำหรับทำหน้าที่เคลื่อนยกหม้อต้มให้ขึ้นหรือลงได้ ส่วนด้านล่างที่เห็นจะเป็นสีขาวขุ่นนั้นคือตะเกียงไฟสำหรับต้มน้ำที่มีฝาสลักนิรภัยสำหรับเอาไว้ปิดเพื่อดับไฟตะเกียงด้วย
ขั้นตอนการชงก็ใส่ผงกาแฟบดไว้ในเหยือกแก้วด้านซ้ายมือ แล้วใส่น้ำร้อนลงไปในหม้อต้มด้านชวามือ ปิดวาวล์ของหม้อต้มให้แน่นเพื่อไม่ให้อากาศเข้า หม้อต้มจะเคลื่อนต่ำลงไปอยู่ใกล้กับตะเกียงที่อยู่ด้านล่าง เมื่อจุดไฟที่ตะเกียงก็จะเริ่มทำการต้มน้ำ เมื่อน้ำในหม้อต้มเดือดก็จะดันไอน้ำจากหม้อต้มด้านขวาไปสู่เยือกแก้วด้านซ้ายที่มีผงกาแฟบดรออยู่ ไอน้ำจะพุ่งเคลื่อนผ่านท่อไหลผ่านผ้ากรองเข้าไปผสมกับผงกาแฟ เมื่อไอน้ำจากหม้อต้มถูกดันออกไปจนหมด หม้อต้มก็จะมีน้ำหนักเบาจึงทำให้หม้อต้มเคลื่อนขึ้นด้านบนพร้อมทั้งดึงสลักนิรภัยทำให้ฝาลงมาปิดครอบดับไฟได้อย่างสนิทพอดีเลย สักพักเมื่อหม้อต้มเย็นตัวลงภายในหม้อต้มนั้นเป็นสุญญากาศ ทำให้อากาศจากในเยือกแก้วด้านซ้ายดันน้ำร้อนที่ผสมกับผงกาแฟแล้วกลับไปสู่หม้อต้มทางด้านขวาอีกครั้ง โดยที่มีผ้าขาวทำหน้าที่กรอกกากกาแฟไว้ เมื่อน้ำกาแฟที่ชงเรียบร้อยแล้วถูกดันกลับมายังหม้อต้มด้านขวาอีกครั้ง หม้อต้มก็เคลื่อนต่ำลงมาอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง หลังจากนั้นก็หมุนเปิดวาวล์เพื่อให้อากาศเข้ามาในหม้อต้ม ก็พร้อมที่จะเปิดก๊อกเพื่อรินกาแฟเอสเปรสโซสำหรับเสิร์ฟได้ทันที
ดูแล้วกระบวนการชงเอสเปรสโซแก้วนี้ก็ไม่ต่างกับการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เราเคยได้เรียนในสมัยเด็ก ๆ เลย แต่ดูแล้วมันช่างน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าครั้งที่เราเป็นเด็กเยอะเลย เพราะว่าเราสามารถดื่มความอร่อยจากกาแฟรสชาติดี ที่เราเพิ่งเห็นวิธีการชงตามหลักการวิทยาศาสตร์เรื่องการเดือดของน้ำได้อย่างชัดเจน
เขาว่ากันว่า ....
ถ้าอยากจะดื่มกาแฟให้ได้รสชาติที่แท้จริงนั้น คุณจะต้องดื่มจากข้างใน
การดื่มจากข้างในนั้นก็คือการดื่มเรื่องราวความเป็นมาของกาแฟ รวมทั้งรายละเอียดของตัวกาแฟชนิดนั้น ๆ ลงไปด้วย โดยดื่มด่ำไปพร้อมกับรสชาติอันกลมกล่อมซึ่งสัมผัสได้ที่โคนลิ้น จนกระทั่งรับรู้ไปถึงเส้นใยประสาทที่อยู่ในสมอง เพื่อกระตุ้นต่อมที่สร้างสารเคมีแห่งความสุขให้หลั่งย้อนไหลกลับออกมาอีกที
ดังนั้นการที่ท่านได้กาแฟขี้ช้างแบล็คไอวอรี่ (BLACK IVORY COFFEE) จึงถือว่าท่านได้ดื่มเรื่องราวของช้างไทยลงคอไปพร้อมกับกาแฟที่สุดแสนอร่อยด้วย ช้างไทยถือว่าเป็นสัตว์ประจำชาติ เป็นสัตว์ที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน อีกทั้งกาแฟชนิดนี้เป็นกาแฟที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย จึงเรียกได้ว่าเป็นกาแฟสัญชาติไทยโดยกำเนิด เป็นกาแฟของไทยถูกต้องโดยชัดเจนเนื่องจากคุณเบล็คได้ทำการจดลิขสิทธิ์ของกาแฟขี้ช้างไว้ในประเทศไทยแล้วด้วย
ยามเมื่อดวงตะวันกำลังจะเคลื่อนหลบจากมุมตั้งฉาก ในช่วงหลังจากมื้ออาหารเที่ยงของท่าน ถ้าท่านได้มานั่งดื่มกาแฟรสชาติดี รวมทั้งทานของหวานแสนอร่อยเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างภายในกระเพาะอาหารให้ครบถ้วน ยิ่งถ้าได้ดื่มเหล้าคอนยัคที่มีรสนุ่มอีกสักหนึ่งจิบด้วย น่าจะทำให้กระบวนการย่อยอาหารของท่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อแอลกอฮอล์ในปริมาณเพียงเล็กน้อยได้ทำปฏิกริยากับคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ มันจะช่วยสร้างความกระปี้กระเป่าและความสดชื่นให้แก่ท่าน ทำให้ท่านพร้อมจะกลับไปสู้กับงานและภาระที่เหลือในยามบ่ายได้อย่างเต็มที่ ชีวิตการทำงานในหนึ่งวันของท่านก็น่าจะดำเนินไปอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การดื่มกาแฟที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับกาแฟขี้ช้างในชื่อของ กาแฟแบล็คไอวอรี่ (BLACK IVORY COFFEE) นี้ ในเซ็ตประกอบไปด้วยเมล็ดกาแฟ 1 ซองน้ำหนักประมาณ 35 กรัม ที่จะทำการชงให้ท่านเห็นวิธีการชงด้วยเครื่องชงแบบโบราณตามที่ผมเล่ามาข้างต้น ซึ่งจะได้กาแฟเอสเปรสโซสำหรับดื่มประมาณ 4-5 แก้วซอต (แก้วแบบจอกประมาณ 1-2 ออนซ์) เสิร์ฟพร้อมชุดของหวานที่ประกอบไปด้วย มากาฮอง ช็อคโกแล็ต มาสมาโร่ ฯลฯ รวมทั้งเฮนเนสซี่ คอนยัค สำหรับ 2 ท่าน ราคาเช็ตละ 999.- บาท โดยเซ็ตกาแฟนี้พร้อมจะให้ท่านลองลิ้มชิมรสความอร่อยอยู่ที่ เดอะบาร์ โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ เท่านั้น
สำหรับท่านใดที่อยากจะไปลองลิ้มชิมรสกาแฟขี้ช้างด้วยตัวของท่านเอง ท่านสามารถโทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ เบอร์โทร 02 626 1841
ท้ายสุดนี้ผมต้องขอขอบคุณคุณเบล็ค (Mr.BLAKE DINKIN) ที่ให้ข้อมูลในฐานะเป็นผู้สร้างกาแฟขี้ช้างนี้ขึ้นมา รวมทั้งขอขอบคุณ คุณเหมียว และโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ที่เปิดโอกาสให้ผมได้ประสบการณ์ความประทับใจในการ ลองลิ้มชิมรส ... กาแฟขี้ช้าง ในครั้งนี้ด้วยครับ
สำหรับท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกาแฟขี้ช้าง กาแฟแบล็คไอวอรี่ (BLACK IVORY COFFEE) ท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
//www.blackivorycoffee.com
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกนี้ ขอให้ท่านมีความสขมาก ๆ ครับ
อิอิ
Create Date : 19 กรกฎาคม 2556 |
|
52 comments |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2556 19:07:10 น. |
Counter : 7174 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Why England IP: 78.137.234.80 19 กรกฎาคม 2556 2:45:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 19 กรกฎาคม 2556 10:37:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปู IP: 115.87.73.102 19 กรกฎาคม 2556 10:44:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: auau_py 19 กรกฎาคม 2556 13:21:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณ ปลายฉัตร IP: 58.11.23.173 19 กรกฎาคม 2556 19:25:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: andrex09 19 กรกฎาคม 2556 19:47:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่อาเดียว IP: 115.67.2.115 19 กรกฎาคม 2556 20:21:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ถปรร 19 กรกฎาคม 2556 20:34:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid IP: 183.89.134.184 19 กรกฎาคม 2556 21:03:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: คมไผ่ 19 กรกฎาคม 2556 21:31:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 20 กรกฎาคม 2556 7:14:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 21 กรกฎาคม 2556 17:44:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 22 กรกฎาคม 2556 13:02:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: schnuggy 23 กรกฎาคม 2556 19:27:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 23 กรกฎาคม 2556 23:14:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: คมไผ่ 23 กรกฎาคม 2556 23:21:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 24 กรกฎาคม 2556 6:26:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 24 กรกฎาคม 2556 7:08:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝากเธอ 24 กรกฎาคม 2556 10:42:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิลเม 24 กรกฎาคม 2556 11:10:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 24 กรกฎาคม 2556 16:03:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 24 กรกฎาคม 2556 17:56:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชีริว 24 กรกฎาคม 2556 21:29:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 24 กรกฎาคม 2556 22:28:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: andrex09 24 กรกฎาคม 2556 23:00:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ALDI 25 กรกฎาคม 2556 1:31:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 26 กรกฎาคม 2556 12:41:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝากเธอ 26 กรกฎาคม 2556 23:34:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 27 กรกฎาคม 2556 14:58:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: andrex09 27 กรกฎาคม 2556 21:01:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: haiku 28 กรกฎาคม 2556 21:33:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]
|
อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า อาคุงกล่อง เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ
ปัจจุบัน อาคุงกล่อง เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม อาคุงกล่อง จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย
"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"
ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)
akungklong@gmail.com
|
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณมากๆสำหรับบล๊อกดีๆความรู้แปลกใหม่เพียบ ร้านสวยมากๆ รูปสวยเครื่องชงกาแฟสวย สรุปว่าชอบหมด ถูกใจๆค่ะ