16 ปีที่ผ่านไปในโลกเสมือนจริงของพันทิปดอทคอม ( Pantip.com )
พอดีว่าเมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม 2555) ผมได้รับเกียรติไปร่วมงานปาร์ตี้แนะนำพันทิปโฉมใหม่ "Pantip.com 16+1" มาครับ โดยในงานนี้เป็นการแถลงข่าวรวมทั้งเปิดตัวรูปแบบใหม่ของเว็บไซต์ Pantip.com ซึ่งมีการพัฒนารายละเอียดและลูกเล่นต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นในบล็อกนี้ผมเลยมาขออนุญาตเล่าเรื่องราวและรายละเอียดให้แก่เพื่อน ๆ ได้ทราบกันครับ
งานนี้จัดที่เซ็นทรัลเวิร์ดครับ ผมไปถึงตั้งแต่ช่วงบ่าย ๆ ฝนยังตกพร่ำ ๆ อยู่เลยครับ
ไปถึงแล้วก็ต้องลงทะเบียนก่อนเลยครับ ผมไปถึงโต๊ะลงทะเบียนก็มีน้องจากทีมงานพันทิปคนหนึ่งรีบเดินมาถามผมทันทีว่าใช่ "อาคุงกล่อง" ไหม? เธอจำผมได้จากงานไทยแลนด์บล็อคอะวอร์ดในปีแรกที่ผมได้รบรางวัลครับ ต้องขอบคุณน้องคนนี้มากเลยครับ (น้องเค้าชื่อไรหว่า? ลืมถามชื่ออ่ะ) ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีตัวตนอยู่จริงในสังคมพันทิปแห่งนี้ครับ
มีให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วยครับ เลยทำให้ผมมีความรู้สึกเหมือนเป็นซาเล้ง ... เฮ้ย เป็นเซเลปคนดังเลยครับ ... อิอิ
ก่อนอื่นผมก็ต้องขอเกริ่นออกตัวก่อนว่า ตัวผมเองก็เข้าสู้โลกอินเตอร์เน็ตมาได้ประมาณเกือบ 15 ปีแล้วเช่นกัน โดยในช่วงแรกที่เริ่มต้นมีอินเตอร์เน็ตเข้ามาในประเทศไทย เป็นช่วงที่ฟองสบู่เริ่มแตกในปี 2540 พอดีเลย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่โดนพิษของวิกฤติต้มยำกุ้งเล่นงานเอาเหมือนกัน ผมต้องออกจากธุรกิจด้านการเงินมาล่องลอยอยู่สักพักหนึ่ง ซึ่งในช่วงนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่ผมเริ่มเข้าสู่โลกอินเตอร์ (ในสมัยนั้นยังไม่ใช้คำว่า โลกออนไลน์ หรือว่า โลกไซเบอร์ เหมือนเช่นทุกวันนี้) โดยสาเหตุที่ว่า ผมคงต้องพื้นที่เล็ก ๆ ในสังคมที่ไหนสักแห่งที่ไม่จำเป็นต้องกำหนดตนที่แท้จริงลงไป กล่าวง่าย ๆ ก็คือผมต้องการเข้าสู่โลกที่ไม่มีใครรู้จักผม ไม่มีการรู้จักตัวตนที่แท้จริงซึ่งกันและกัน แต่ผมต้องการมิตรภาพ ผมต้องการมีเพื่อนมีคนคุยด้วย ต้องการให้มีใครสักคนที่รับฟังเราเพื่อให้เราลืมปัญหาที่เราประสบอยู่ในขณะนั้น เรียกว่าเหมือนกับการปลอมตัวเข้าสู่โลกอีกแห่งหนึ่งเลย โดยที่ตัวเราสามารถกำหนดความเป็นตัวตนของเราใหม่ได้
และเว็บไซต์แรกที่ผมได้รู้จักก็คือ เว็บไซต์พันทิปดอมคอม (Pantip.com) นี้เองครับ ในช่วงเวลานั้นอินเตอร์ในประเทศไทยยังไม่ฮิตหรือบูมเท่าทุกวันนี้ เว็บไซต์ในช่วงเวลานั้นถึงแม้ว่าจะมีเป็นล้านเว็บแล้วแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเว็บไซต์ของชาติประเทศทั้งนั้น (ช่วงนั้นนิยมโหลดเว็บโป๊กันเยอะมาก เพราะว่าในช่วงนั้นยังไม่มีหน่วยงานไหนมาคอยบล็อกเว็บไซต์เหมือนในทุกวันนี้ครับ) ส่วนเว็บไซต์ของไทยที่ดัง ๆ มีอยู่ไม่กี่เว็บเอง ซึ่งเว็บไซต์แรกที่ผมเข้าไปเล่นก็ไม่พ้นที่เว็บไซต์พันทิปดอทคอมแห่งนี้ครับ ในตอนนั้นเป็นช่วงแรก ๆ ที่เว็บไซต์พันทิปเริ่มก่อตั้งเหมือนกัน ผมเข้ามาครั้งแรกผมก็เล่นห้องแซทรูมก่อนเลยครับ ประมาณว่าห้องจ๊ะจ๋า 1 , ห้องจ๊ะจ๋า2 , ห้องจ๊ะจ๋า 3 และห้องจ๊ะจ๋า 4 (ซึ่งในภายหลังเพิ่มห้องขึ้นถึง 7 ห้อง และหลัง ๆ มีห้องภูมิภาคให้คุยภาษาถิ่นด้วย) ผมเข้าห้องแซทรูมก็เพราะว่าผมต้องการเพื่อน ต้องการติดต่อพูดคุยกับคนอื่น โดยพอผมเข้าห้องจ๊ะจ๋า 1 ผมก็จะใช้นามแผง(ล็อกอินสำหรับห้องแซทรูม)ชื่อหนึ่งโดยกำหนดตัวตนเป็นคนหนึ่ง แต่พอผมเปลี่ยนไปเข้าห้องจ๊ะจ๋า 2 ผมก็เป็นนามแฝงเป็นอีกชื่อหนึ่งและกำหนดบทบาทตัวเองเป็นอีกคนหนึ่ง ดังนั้นในโลกแห่งอินเตอร์นี้ผมสามารถกำหนดบทบาทแสดงเป็นคนได้มากมายหลายคน
(เฮ้ย ... ทำไมผมช่างเป็นคนตอแหลขนาดนี้ฟ่ะ)
ผมชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าคุยกันเรื่องต่าง ๆ ทั่วไป ในสมัยนั้นคนที่เล่นแซทรูมได้จะต้องเป็นคนที่มีประสาทไวมาก ๆ ต้องสามารถคุยโต้ตอบกับคนที่กำลังออนไลน์อยู่ในห้องแซทได้เกือบทุกคน ประมาณว่าในห้องมีคนออนไลน์อยู่ 20 คนก็ต้องทักทายพูดคุยให้ได้เกือบทั้งหมด (ยกเว้นใครที่ใคร่อยากจะคุยกับใครโดยเฉพาะแค่ 2 คนก็ได้) ในช่วงที่มีคนออนไลน์คุยกันเยอะนั้นบทสนทนาของเราที่พิมพ์ออกไปจะปรากฏให้เห็นอยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วก็จะค่อย ๆ เลื่อนหายไปจากจอ ดังนั้นใครที่พิมพ์ได้เร็ว ๆ หรือพิมพ์ได้สั้น ๆ แต่ได้ใจความเยอะก็จะสามารถแซทคุยกับคนอื่นได้เยอะ ซึ่งนั้นเองคือจุดแรกเริ่มของภาษาอินเตอร์เน็ต ที่กลายเป็นภาษาวิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ อาทิเช่นคำว่า อิอิ , หุหุ มักจะถูกใช้กันมาก เวลาใครถามอะไรมาแล้วตอบไม่ได้ ตอบไม่ทันเราก็พิมพ์ อิอิ , หุหุ ไว้ก่อน แล้วก็เริ่มมีคำสั้น ๆ ออกมาใช้เช่น ดีจ้า = สวัสดีจ๊ะ , จิง = จริง , กุ = กู , เค = โอเค ฯลฯ เพื่อลดจำนวนตัวอักษรที่จะต้องพิมพ์ลงไป
ผมได้เจอพี่สิน ( yyswim) เพื่อนบล็อกที่ผมนับถือเป็นพี่ชายที่แสนดีท่านหนึ่งเลยครับ พี่สินมาถึงก่อนผมไม่นานเลยรีบทานก่อนเลยครับ
ขออนุญาตแอ็คท่าถ่ายภาพกับพี่สินเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยครับ
เข้าไปในงานกันเลยดีกว่าครับ
มีอาหารค็อกเทลไว้เลี้ยงต้อนรับครับ
ในสมัยแรก ๆ ที่ห้องแซทรูมกำลังฮิตมาก ๆ ก็มักจะมีดาวเด่นประจำห้องแซท หรือว่ามีขาประจำที่คอยเฝ้าห้องแซทตลอดเวลาเลยก็มี ประมาณว่าต้องนัดเวลาแซทกันเลย ประมาณว่าพอ 2 ทุ่มก็เข้าห้องแซทรูมคุยเป็นประจำกัน ใครอยากจะจีบกันก็จีบกันกลางห้องแซทรูมเลย แล้วก็จะมีพวกที่อยากคุยแต่พิมพ์ไม่ทัน คนพวกนี้ก็จะคอยแต่อ่านเดียวแต่ชื่อยังเห็นว่าออนไลน์อยู่ คนพวกที่อยู่ในห้องแซทแต่ไม่พิมพ์คุยกับใครก็จะถูกเรียกว่าเป็น ปลิง ครับ ซึ่งถือว่าเป็นศัพท์ที่ถูกบัญญัติขึ้นมาประจำห้องแซทอีกคำหนึ่ง
โดยครั้งแรกสุดที่ผมเข้าห้องแซทในอินเตอร์เน็ตนั้น ผมจำเป็นต้องไปขอใช้อินเตอร์เน็ตไทม์จากที่ทำงานของเพื่อนผม ซึ่งเพื่อนผมคนนี้เขาทำงานสื่อสารมวลชนอยู่ในบริษัทใหญ่จึงมีอินเตอร์เน็ตให้พนักงานได้ใช้ สำหรับคนที่ต้องการมีอินเตอร์เน็ตไว้ใช้ที่บ้านต้องเป็นคนที่มีเงินเท่านั้นจึงจะสามารถซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และซื้อชั่วโมงเน็ตมานั่งเล่นที่บ้านได้ ในสมัยนั้นเครื่องซีพีตั้งโต๊ะราคาเครื่องละ 6-8 หมื่นบาท โน๊ตบุ๊คส์เครื่องละ 2 แสนบาท ในช่วงแรกที่ผมเข้าอินเตอร์เน็ตนั้น ผมต้องเข้าด้วย เนวิกเกเตอร์ ซึ่งเป็นบราวเซอร์ตัวหนึ่งในยุคแรก ๆ ที่โลโก้ของโปรแกรมเป็นภาพประภาคารที่มีไฟหมุน ๆ ครับ เวลาที่เรียกข้อมูลไฟก็จะหมุน ๆ รอบประภาคาร ถ้าไฟหยุดหมุนก็แสดงว่าเน็ตค้างโหลดไม่ขึ้นแล้ว ในช่วงนั้นเว็บไซต์ของไทยนอกจากจะมีพันทิปแล้วก็มีแค่สนุกดอทคอมเท่านั้นเองที่ผมรู้จัก
พอถึงช่วงต่อมาก็เป็นช่วงที่อินเตอร์เน็ตเริ่มมีใช้มากขึ้น ทุกคนเริ่มมีแอ็คเคาน์อีเมล์ หรือที่เรียกว่า จอหมายอิเล็คทรอนิคเพื่อการติดต่อกันมากขึ้น ทุกคนก็ต้องรีบไปแห่เปิดอีเมล์กันที่ Hotmail.com หรือ yahoo.com ต้องรีบไปสมัครเพื่อจองชื่อของตัวเองไว้ก่อนที่คนอื่นจะเอาไปใช้ แล้วก็เริ่มมีระบบสนทนาออนไลน์ที่ชื่อ ไอซีคิว (ICQ) เกิดขึ้นมา เรียกว่าฮิตกันมากจนคนจำเสียงเรียก โอ๊ะโอ๋ ได้แม่นเวลาที่มีข้อความใหม่มาถึงเรา โปรแกรมไอซิคิวนี้ได้ถูกพัฒนาให้มีการคุยกันแบบออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้น จนกระทั่งห้องแซทรูมเริ่มล่าสมัยไปโดยปริยาย คนทั่วไปเริ่มหันมาโหลดโปรแกรมไอซีคิวลงเครื่องคอมเพื่อคุยกันหมด แล้วห้องแซทรูมก็เริ่มหายและตายจากไป ผมก็หันมาเป็นเซียนไอซีคิวแทน ผมชวนเพื่อน ๆ ในแซทรูมเปลี่ยนมาคุยในไอซีคิวกันดีกว่า โดยการคุยสนทนากันแบบออนไลน์ 2 คนนั้นก็ต้องมีข้อหัวการสนทนา ซึ่งในช่องนั้นที่ฮิตกันมากก็จะคุยกันเรื่องหัวข้อในกระทู้นั้นกระทู้นี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระทู้ที่ถูกตั้งอยู่ในพันทิป โดยในช่วงนั้นกระแสสังคมในโลกอินเตอร์เน็ตที่มาจากพันทิปเริ่มมีบทบาทและเป็นที่พูดคุยกันมากขึ้น ดังนั้นผมก็จึงต้องตามเข้ามาอ่านกระทู้ต่าง ๆ ในพันทิปด้วย แต่ในช่วงนั้นผมยังไม่มีล็อกอินที่ถาวร เพราะว่ายังปรับตัวรับไม่ได้กับการที่ต้องแสดงตัวตนที่ชัดเจนลงไปในอินเตอร์เน็ต ผมจึงเป็นได้แค่ ปลิง อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่ในพันทิปเป็นเวลาหลายปีเหมือนกัน
ขอแสดงความยินดีกับเว็บไซต์พันทิปดอทคอมด้วยครับ ที่ยืนยาวมาถึง 16 ปีแล้ว (ในภาพนี้น่าจะเป็นจากธนาคารไทยพาณิชย์นะครับ)
สองผู้ยิ่งใหญ่ในโลกไซเบอร์เมืองไทย คุณวันฉัตรจากพันทิปและคุณอดิศักดิ์จากโอเคเนชั่น
น้องแย้ พริตตี้ที่ร่ำลือกันว่าค่าตัวแพงที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ เธอก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในพันทิปดอทคอมเหมือนกันครับ โอโห ... วันนี้เธอมาแบบ "ใหญ่ทุกอย่าง" จริง ๆ เธอสวยมาก ๆ เลยครับ (ขออนุญาตแซวนิดนึงน๊า)
แล้วในยุคต่อมาก็เป็นยุคที่อินเตอร์เน็ตเริ่มเฟื่องฟูมากขึ้น โดยวัยรุ่นสมัยใหม่ที่เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ ซึ่งก็มีเว็บไซต์ยอดฮิตเกิดขึ้นในสมัยนั้นก็คือ ไฮไฟว์ (Hi5) เว็บไซต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นโดยเฉพาะ มีการโหลดอัลบั้มภาพลงไปไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ดูได้ สามารถฝากข้อความต่าง ๆ ไว้ได้ มีลูกเล่นอารมณ์และอีโม่ต่าง ๆ มากมายที่วัยรุ่นชอบใจเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้นใครไม่มีไฮไฟว์ถือว่าเชยมาก ๆ เลยครับ ผมก็ถือว่าเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งผมเลยไม่พลาดที่จะมีไฮไฟว์ไว้โชว์สาว ๆ เหมือนกันครับ
ในช่วงเวลานั้นเองที่คนเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น เว็บไซต์ของไทยที่เกิดใหม่ก็มีมากขึ้น มีทั้งเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม , หรรษาดอทคอม , กระปุกดอมคอม , เว็บไซต์หาคู่อนนไลน์ , เว็บไซต์สำหรับนัดพบกัน , เว็บไซต์บันเทิงเฉพาะทาง ฯลฯ แต่เว็บไซต์ที่มาแรงมาก ๆ มักจะเป็นเว็บไซต์วาไรตี้ที่ตอบสนองความต้องการทุกอย่างของผู้เข้าชม ดังนั้นการแข่งขันระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็เริ่มมีมากขึ้น ทางการเริ่มมีกฎหมายออกมารองรับเรื่องอินเตอร์เน็ตอย่างเป็นทางการ มีความชัดเจนในการกำหนดตัวตนในโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งในช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่ผมเริ่มสมัครเป็นสมาชิกในพันทิปอย่างเป็นทางการ (ประมาณต้นปี 2550) โดยในครั้งแรกผมสมัครโดยเลือกใช้ชื่อล็อคอินว่า อีตากล่อง หลังจากสมัครไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ก็มีอีเมล์จากทีมงานพันทิปมาบอกผมว่า ...
ชื่อล็อคอินที่คุณเลือกนั้นไม่สุภาพ กรุณาเลือกใช้ชื่อใหม่ค่ะ
ผมได้แต่คิดในใจว่า มันไม่สุภาพตรงไหนหว่า? แล้วผมก็เลยเลือกใช้ชื่อล็อคอินใหม่ว่า อาคุงกล่อง มาจนถึงทุกวันนี้ ผมต้องขอบคุณทีมงามพันทิปด้วยที่ไม่ยอมให้ผมใช้ชื่อที่ไม่สุภาพตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นผมคงต้องโดนเรียกนำหน้าชื่อว่า อี ไปตลอดแน่ ๆ ครับ หลังจากที่ผมเป็นสมาชิกของพันทิปแล้ว ผมก็เริ่มจากการทำบล็อกส่วนตัวของผม โดยผมเขียนเรื่องราวต่าง ๆ มาอัพบล็อกเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน โดยในช่วงแรก ๆ ผมมักจะเขียนเรื่องตลกเป็นช่วงใหญ่ครับ
ในงานมีวงดนตรีจากสหภาพดนตรีมาร้องเพลงให้ฟังด้วยครับ
บรรยากาศภายในงาน ใครเป็นใครชื่อล็อคอินอะไรก็ดูกันเอาเองนะครับ เพราะว่าผมไม่รู้จักเลยสักคน ส่วนใหญ่ที่เขาเชิญมาจะเป็นล็อคอินระดับตำนานจากห้องต่าง ๆ ในพันทิปทั้งนั้นครับ (ไม่ค่อยเห็นคนในบล็อกแก๊งค์เลยครับ)
ทีมงานพันทิปครับ
ที่ผมเกริ่นยืดยาวมาทั้งหมดนี้ผมก็เพียงอยากจะให้เพื่อน ๆ ได้ทราบว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่และเฝ้ามองดูเว็บไซต์พันทิปดอมคอม (Pantip.com) นี้มาโดยตลอดเกือบ ๆ จะ 15 ปีแล้วเหมือนกันครับ ต้องยอมรับว่าพันทิปเป็นเว็บไซต์ที่อยู่ยงคงกระพันเป็นอย่างมาก ในขณะที่เว็บไซต์อื่น ๆ ที่เคยดังหรือเคยเป็นที่นิยมต่างก็ห่างหายไป บางเว็บก็ปิดตัวไป บางเว็บก็เปลี่ยนรูปแบบไป แต่เว็บไซต์พันทิปกลับเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ ก็ได้ครับ ผมเชื่อว่าเกือบทุกคนเคยมีไฮไฟว์ใช่ไหมครับ? ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมมาก ๆ แต่พออีตามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กก่อตั้งเฟสบุ๊คส์ขึ้นมา โดยจัดตั้งขึ้นเป็นโซเซียลเน็ตเวิร์คนั้น ทุกคนก็เริ่มแห่มาสมัครเฟสบุ๊คส์กันหมด จนกระทั่งไฮไฟว์ต้องตายหายไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ใครยังจำพาสเวิร์ดเข้าไฮไฟว์ของตัวเองได้บ้างล่ะครับ? แทบไม่มีใครเข้าไฮไฟว์กันแล้วเดี๋ยวนี้เขาหันไปเล่นเฟสบุ๊คส์กันหมดแล้วครับ
แต่ว่าทุกวันนี้ยังมีคนเข้าเว็บไซต์พันทิปอยู่และยังคงเข้าอยู่ตลอดไป เพราะว่าในพันทิปดอทคอมนี้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อินเตอร์จำนวนมากในประเทศไทยได้อยู่ กระแสสังคมในหลาย ๆ ประเด็นก็เริ่มต้นจากเว็บบอร์ดพันทิปแห่งนี้ กระทู้ที่เป็นประเด็นประวัติศาสตร์หลาย ๆ ประเด็นก็เริ่มต้นจากพันทิปดอทคอมแห่งนี้ อย่างเช่นเรื่อง ไม้ตรวจสอบวิญญาณ GT 200 (เครื่องตรวจจับระเบิด) จากห้องหว้าก้อ หรือว่าจะเป็นคำศัพท์แสลงต่าง ๆ ที่เริ่มต้นจากพันทิปดอทคอมแห่งนี้ อย่างเช่นคำว่า เกรียน ที่เกิดขึ้นในห้องศุภชลาศัย , "มาม่า" ที่มาจากแผลงมาจากคำว่าดราม่า จากห้องเฉลิมไทย ฯลฯ รวมทั้งการพูดคุยถึงข่าวสารทางสังคมที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีคนจำนวนมากเข้ามาพูดคุยกันในเว็บบอร์ดของพันทิปแห่งนี้ อย่างเช่น เรื่องแผ่นดินไหว , เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด , เรื่องน้ำท่วม ฯลฯ (ช่วงใกล้ ๆ ปลายปีนี้คงจะคุยกันเรื่องโลกจะแตกแน่ ๆ ครับ)
ท่านนี้เป็นล็อคอินดังจากห้องบลูพลาเน็ตครับ
เดินขึ้นไปโรงภาพยนตร์โรงที่ 3 ที่เป็นสถานที่จัดงานครับ
เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกันที่ได้เข้าฟังพรีเซ็นเตชั่นในโรงหนัง พี่สินเล่นนั่งเสียห่างกันเลยครับ (ทางทีมงานเค้าระบุเลขที่นั่งไว้แล้ว)
และเป็นครั้งแรกของผมที่สามารถจะถ่ายภาพหรือถ่ายวีดีโอในโรงหนังได้โดยที่ท่านไม่โดนจับครับ จริง ๆ นะครับทุกคนเอาสมาร์ทโฟนมาถ่ายวีดีโอเก็บไว้กันทุกคนเลยครับ
เมื่อวานนี้ในงานเปิดตัวพันทิปโฉมใหม่นั้น ในวีดีโอพรีเซ็นเตชั่นได้มีคุณวันฉัตร (ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์พันทิป) ได้มาเล่าเรื่องราวว่าแนวคิดของเว็บไซต์พันทิปนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร โดยคุณวันฉัตรเล่าว่า ...
... ในตอนแรกนั้นผมก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับขายสินค้าไอทีอยู่ แล้วผมก็เริ่มจัดทำเว็บไซต์ขึ้นมา ... แต่ว่าในตอนนั้นผมยังใส่รูปลงไปในเว็บไซต์ไม่เป็น จนกระทั่งมีคุณหมอท่านหนึ่งที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ได้ส่งอีเมล์ที่มีข้อความ 2 ย่อหน้ามาบอกวิธีการทำให้แก่ผม ซึ่งข้อความแค่ 2 ย่อหน้านั้นสามารถทำให้ผู้อ่าน(คุณวันฉัตร)สามารถเข้าใจวิธีทำได้ ผมเลยเกิดแนวคิดขึ้นมาว่า เราน่าจะทำเว็บไซต์ที่สามารถทำให้คนทั่วไปเข้ามาถ่ายทอดความรู้ให้แก่กันได้เหมือนในอีเมล์นี้ได้ เพราะว่าการติดต่อทางอีเมล์นั้นก็รับทราบกันได้แค่ 2 คนเอง ... หลังจากนั้นก็เลยมีแนวคิดในการทำเว็บบอร์ดที่พูดคุยเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมา จนกลายเป็นเว็บไซต์พันทิปดอทคอมมาจนถึงทุกวันนี้ ...
(ผมพยายามสรุปคำพูดของคุณวันฉัตรมาเขียนให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนะครับ ซึ่งมันอาจจะไม่ตรงตามที่คุณวันฉัตรพูดทุกคำ เพราะว่าผมเขียนออกมาจากความจำและความเข้าใจของผมครับ ถ้าท่านใดต้องการฟังอย่างละเอียดทุกคำพูด ผมคิดว่าน่าจะมีคนเอาวีดีโอนี้มาโพสให้ท่านเข้าไปดูแน่ ๆ ครับ)
สำหรับในงานเมื่อวานนี้นั้นในงานมีการเปิดตัวพันทิปโฉมใหม่ คุณบอย (ขออภัยที่ผมจำชื่อจริงของท่านไม่ได้) ตำแหน่งประมาณว่าเป็น เฮดโปรเจคแมเนเจอร์ดีเวอร์ล็อปเม้นท์เวบมาสเตอร์ออฟพันทิป (เอามันทุกคำเลย ... ต้องมีถูกบ้างล่ะ) ของการพัฒนาโปรแกรมใหม่ได้มาพูดบรรยายถึงรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีสิ่งใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาถึง 16 จุด ซึ่งผมอาจจะจำไม่ได้ทั้ง 16 จุดแต่ผมก็จะลองเล่าให้ท่านฟังอย่างคร่าว ๆ ครับว่ามีอะไรที่เพิ่มเติมมาใหม่บ้าง เอาแบบว่าที่เป็นจุดที่น่าสนใจก็แล้วกันครับ
(ทีมงานพันทิปฟังไว้นะครับ ที่หลังอย่าไปจัดงานพรีเซ็นในโรงหนัง มืดก็มืด จะจดก็ไม่ได้ ฟังก็ไม่ทัน ผมไม่มีสมาร์ทโฟนเอาไว้ถ่ายวีดีโอแบบคนอื่นด้วย แล้วยังไม่มีใบสรุปข่าวแจกอีก รายละเอียดเรื่องราวก็เยอะ ใครจะไปจำได้หมดล่ะ ... อิอิ)
คุณบอยเริ่มกำลังพูดถึงเว็บไซต์พันทิปโฉมใหม่ครับ
ทีมงานผู้พัฒนาพันทิปโฉมใหม่
สิ่งแรกเลยที่ได้ยินจึงจำได้ก็คือ พันทิปได้เพิ่มห้องขึ้นมาใหม่ 3 ห้อง เป็นห้องไอทีที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ซิลิคอนวัลเลย์ ห้องภูมิภาคเอาไว้คุยภาษาถิ่น .. เฮ้ย เอาไว้คุยในจังหวัดให้มันแยกย่อยลงไปอีก และห้องพันทิปที่เอาไว้คุยเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้เว็บพันทิป
เพิ่มรูปแบบของกระทู้ใหม่ เดิมมีรูปแบบของกระทู้แค่ 2 แบบก็คือ กระทู้สนทนาและกระทู้โหวต แต่มีการเพิ่มรูปแบบใหม่เป็นกระทู้คำถาม, กระทู้สนทนา , กระทู้โพล , กระทู้รีวิว , กระทู้ข่าว และกระทู้ขายของ สิ่งในแต่ละรูปแบบกระทู้นั้นก็มีลูกเล่นใหม่ ๆ เพิ่มเติมตามมาด้วย จะให้ผมเล่าทั้งหมดก็คงจะไม่ไหวครับ เพื่อน ๆ เอาไปลองเล่นกันเองดีกว่าครับ
มีการจัดหน้าใหม่ โดยการจัดคอมเม้นท์มาแสดงในแต่ละหน้าไม่ให้มากเกินไป แค่จำนวนหน้าละ 50 คอมเม้นท์ เพิ่มที่จะไม่ให้ต้องโหลดนาน ถ้าอยากจะอ่านในหน้าต่อ ๆ ไปก็สามารถคลิกเข้าไปดูได้
มีลูกเล่นเกี่ยวกับการแสดงออกเพิ่มเติม หรือมีไอคอนอีโม่เพิ่มเติม จากเดิมที่มีแค่ให้กดถูกใจ จะมีทั้งกด ถูกใจ , ขำกลิ้ง , หลงรัก , ซึ้ง , สยอง , ทึ่ง ฯลฯ รวมทั้งมีการติดตาม (Follow) ล็อคดินดัง ๆ ที่ท่านสนใจเป็นพิเศษด้วย เพื่อที่จะตามดูได้ว่าล็อคอินที่ท่านชื่นชอบนั้นมีการตั้งกระทู้ใหม่ ๆ อะไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้ท่านต้องลองเขาไปเล่นกันดูครับ
มีการติด Tag หัวข้อกระทู้ได้มากขึ้นถึง 5 คำ อาทิเช่น ตั้งกระทู้กีฬาในห้องศุภชลาศัย , กีฬา , ฟุตบอล เพื่อความสะดวกในการเสิร์ชจากจากเสิร์ชเอ็นจิ้นต่าง ๆ (กูเกิ้ล) จะได้ค้นหาเจอกระทู้ของท่านได้ง่ายมากขึ้น รวมทั้งท่านสามารถเข้าถึงกระทู้ (เลือกเข้าชม) ได้ง่ายมากขึ้น รวมทั้งท่านสามารถโพสแผนที่ของกูเกิ้ลลงไปในกระทู้ของท่านได้ด้วย ทั้งกูเกิ้ลแม่ม(แผนที่) และกูเกิ้ลสตีท (ภาพถ่ายถนน) ท่านสามารถโพสวีดีโอที่ถูกอัพโหลดไว้ในยูทูปได้ง่ายมากขึ้น โดยสามารถเอามาแปะลงไว้ในกระทู้ของท่านได้เลย นอกจากนั้นยังสามารถโพสภาพถ่ายในลักษณะที่เป็นสไลด์ได้ด้วย
นอกจากนั้นยังมีอะไรใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ซึ่งผมเองก็จำได้ไม่หมดครับ ท่านต้องเข้าไปลองเล่นดูเองครับ แต่เท่าที่ทราบแน่ ๆ ในพันทิปโฉมใหม่ท่านสามารถโพสรูปได้ด้วยจำนวนไฟล์ภาพที่ใหญ่ขึ้นถึง 700 K ครับ (เดิมในพันทิปโพสภาพได้ไม่เกิน 200K และในบล็อกแก๊งค์โพสภาพได้ไม่เกิน 150K ) รวมทั้งกระทู้ทุกกระทู้ในพันทิปหลังจากนี้จะถูกเก็บไว้ในเซิฟเวอร์ตัวใหม่ โดยเป็นการเก็บไว้ตลอดกาลซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีแล้วท่านก็สามารถกลับมาเสิร์ชหากระทู้ของท่านเจอครับ
โดยเว็บไซต์พันทิปโฉมใหม่นี้จะเปิดให้ทุกท่านเข่าไปทดลองใช้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม นี้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงทดสอบระบบด้วยการใช้งานจริง หลังจากวันที่ 31 ตุลาคม ไปแล้วจะปิดการทดลองใช้ แล้วจะทำการเปลี่ยนเว็บไซต์พันทิปเป็นรูปแบบใหม่อีกครั้งในวันที่ 1 มกราคาม 2556 ต้อนรับปีใหม่หน้าเลยครับ
โดยในช่วงนี้ท่านสามารถเข้าไปทดลองใช้งานพันทิปโฉมใหม่ได้ที่ ...
//beta.pantip.com/
โดยทุกท่านที่เข้าไปทดลองใช้ในช่วงเวลานี้ (วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม) ไม่ว่าท่านจะโพสกระทู้ หรือว่าคอมเม้นท์ตอบกระทู้ก็ตาม ท่านจะได้รับสติกเกอร์โคลัมบัสติดตัวไว้โดยตลอด โดยสติกเกอร์นี้จะถูกติดไว้ในโปรไฟล์ส่วนตัวของท่าน ซึ่งเป็นการแสดงว่าท่านเป็นล็อคอินรุ่นบุกเบิกระบบใหม่ของพันทิป ที่ท่านสามารถเอาไว้คุยให้ลูกหลานของฟังได้ในอนาคตครับ
ภาพถ่ายที่ถ่ายตอนแรกทางทีมงานเค้าจัดพิมพ์ออกมามอบให้เป็นที่ระลึกด้วยครับ
บรรดาล็อคอินระดับตำนาน ซึ่งเป็นล็อคอินรุ่นแรก ๆ ของห้องเฉลิมไทยครับ ใครเป็นใครก็ชมกันเอาเองนะครับ
พี่สินถ่ายภาพกับล็อคอินชื่อดังครับ คนขวามือคือ ชายกลางแห่งห้องก้นครัวครับ
แอบถ่ายภาพล็อคอินท่านอื่น ๆ ที่มาร่วมงานมาให้ชมกันนิดหน่อยครับ
ทีมงานพันทิป
พวงกุญแจที่ระลึกจากพันทิปครับ
ส่วนหนึ่งหลังจากที่ผมได้เข้าไปร่วมงานเปิดตัวพันทิปโฉมใหม่มาแล้ว ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่พันทิปต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือเปลี่ยนโฉมใหม่นั้น เนื่องจากพันทิปยังคงต้องการแย่งชิงพื้นที่ในโลกอินเตอร์ของคนไทยกลับมาจากเฟสบุ๊คส์ให้ได้ การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มรูปแบบและลูกเล่นใหม่ ๆ ลงไป ก็เพราะต้องแข่งขันในเชิงธุรกิจเพื่อความอยู่รอด รวมทั้งการแข่งขันที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางด้านรายได้ในอนาคตด้วย แต่ส่วนหนึ่งที่ท้าทายทางทีมงานพันทิปก็คือ การเปลี่ยนแปลง นั้นเอง ต้องมาคอยดูกันว่าผู้ใช้หรือผู้เข้าชมเว็บพันทิปนั้นจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มากน้อยขนาดไหน? เพราะว่าในหลาย ๆ ประเด็นที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการใช้ใหม่เกือบทั้งหมดเลย และระยะเวลาของการยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือระยะเวลาที่ผู้ใช้จะคุ้นเคยกลับรูปแบบใหม่นั้น จะกินเวลามากน้อยขนาดไหน? รวมทั้งกระแสตอบรับจากผู้ใช้เดิมและผู้ใช้ใหม่ที่จะมีเพิ่มเติมมากขึ้นในอนาคตจะมาในลักษณะใด?
แต่ผมยังเชื่อว่าเว็บไซต์พันทิปสามารถต่อสู้และเอาชนะกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้ เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ ทีมงานอาจจะต้องเหนื่อยกันสักพัก ผมยังเชื่อว่าในเรื่องของกระแสสังคมนั้น เว็บไซต์พันทิปนั้นยังสามารถทรงอิทธิพลมากกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ รวมทั้งโปรแกรมใหม่ ๆ ที่เป็นคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ๊คส์ , ทวิตเตอร์ , อินสตาแกรม , What app หรือ ไลน์ ฯลฯ
ขอเพียงแค่อย่าให้ทางทีมงานพันทิปทั้ง 60 ชีวิตท้อถอยไปเสียก่อนนะครับ
อย่างน้อยผมก็เชื่อมั่นว่ายังมีผู้ใช้ที่เป็นล็อคอินในระดับตำนานหลายท่านที่ยังคอยให้กำลังใจแก่พวกท่านอยู่ เพราะผมเชื่อว่าล็อคอินระดับตำนานเหล่านั้นเขาไม่สามารถถอนตัวให้ก้าวพ้นออกมาจากโลกเสมือนจริงที่ชื่อว่า พันทิปดอทคอม (Pantip.com) แห่งนี้ได้หรอกครับ
เชื่อผมเถอะครับ ...
อิอิ
Create Date : 12 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 12 ตุลาคม 2555 15:07:29 น. |
|
56 comments
|
Counter : 7610 Pageviews. |
|
|
|
ข้อมูลระดับตำนานเลยครับ
พี่อาคุงเล่นเน็ตก่อนผมเยอะเลยครับ
พันทิปผมไปดูไม่กี่ห้องครับดูอย่างเดียวไม่กล้าเม้นท์ครับ 555
ดูภาพแล้ว
เพื่อนบล็อกดูเหมือนไม่ค่อยเเยอะนะครับพี่