โรคหลอดเลือดสมองดับ ญ.ไทยอันดับ 1



          
รายงานผลการศึกษาภาวะโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย เมื่อ พ.ศ.2547 พบว่า
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของหญิงไทย และเป็นอันดับ 2
ของชายไทย สำหรับผู้ที่รอดชีวิตก็มีไม่น้อยที่ต้องพิการ
เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต กลายเป็นภาระของครอบครัว และสูญเสียรายได้





           โรคหลอดเลือดในสมอง
ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะโรคนี้ไม่ส่งสัญญาณเตือน
นอกจากอาการสำคัญที่มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
ผู้ป่วยจะมีลักษณะหน้าเบี้ยวหรือปากเบี้ยว แขนไม่มีแรง เดินเซ พูดไม่
พูดอ้อแอ้ หรือพูดไม่ออกเสียง
หากเกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอาการอย่างที่กล่าว
ผู้ประสบเหตุจะต้องรีบให้การช่วยเหลือนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือ
Stroke เพราะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองมีความผิดปกติ เป็นได้ 2 ชนิด
ประกอบด้วย หลอดเลือดสมองอุดตัน หรือหลอดเลือดสมองแตก
ส่งผลให้สมองหยุดทำงานอย่างเฉียบพลัน สมองขาดเลือดไปเลี้ยง
หรือมีเลือดออกแทรกทับในสมอง


           อย่างไรก็ตาม สาเหตุ
ส่วนให้สูงถึงร้อยละ 70 เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
เพราะการอุดตันของหลอดเลือดจากการเสื่อมหรือแข็งตัวของหลอดเลือด
ก้อนเลือดจากหัวใจ
หรือตะกอนเลือดจากผนังหลอดเลือดแดงที่คอหลุดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดในสมอง
หรือเป็นเพราะความดันเลือดลดลง จากการเปลี่ยนอิริยาบถรวดเร็วเกินไป





           ส่วนร้อยละ 30
ของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก มีลักษณะที่แบ่งได้เป็น 2
ชนิด คือ เลือดออกในเนื้อสมอง และเลือดออกที่ผิวสมอง

          
หากไม่อยากมีเอาสุขภาพไปเสี่ยงกับโรคหลอดสมอง ให้เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
สูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน
อย่าให้ความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
และบริโภคผัก-ผลไม้มาก ๆ.






Free TextEditor







































































































Create Date : 08 พฤษภาคม 2553
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 22:54:55 น. 0 comments
Counter : 723 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.