ออกกำลัง “สมอง” กันดีกว่า



ง่าย
และได้ผลที่สุด คือการ คิดเลขในใจ
          
หนึ่งในบทเรียนสอนเลขตอนเด็ก ครูเคยสอนให้ ′คิดเลขในใจ′ บวก ลบ คูณ หาร
เท่าไร เก็บไว้ในใจก่อน แล้วเริ่มจัดการกับโจทย์อื่นต่อไป

เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นสมัยสมองยังสดใส ยังอยู่ในวัยเอ๊าะ
รุ่นหนุ่มรุ่นสาว ขอบอก...เรื่องหมู ๆ





           แต่...
ทำไมหนอเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่คิดว่าหมู กลับเป็นหมูหิน คิดยากคิดเย็น
สปีดการคิดก็ตก บางรายยิ่งร้ายเพราะจะบวก ลบ คูณ หาร
ยังไงก็คิดไม่ออกเอาเสียแล้ว

          
อาการแบบนี้อาจจะไม่ได้เกิดกับแค่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว
เพราะอาจจะรุกรานไปเกิดในรูปแบบหลง ๆ ลืม ๆ ความจำน้อยลง สมองสั่งงานช้า
สับสนวันเวลา จำสถานที่ ไม่ได้ หลงทิศหลงทาง พูดซ้ำถามซ้ำ ใช้คำผิด ๆ ถูก ๆ
อารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่รับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
เกิดความกลัวหวาดระแวง ร้ายไปกว่านั้นอาจมีอาการประสาทหลอนก็เป็นได้

          
ถ้าใครเป็นหรือใครมีคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน วัยใด
โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุอานามล่วงเข้าหลัก 6 แล้ว พึงนึกไว้ได้อย่างหนึ่งว่า
ภาวะ ′สมองเสื่อม′ น่าจะมา
เยือนแล้ว

           จากงานวิจัยพบว่า ในปี 2040
น่าจะมีคนเป็นโรคสมองเสื่อมมากถึง 81 ล้านคนทั่วโลก โดยพบว่าคนอายุ 65 ปี
ในประเทศตะวันตกจะป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม 1% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุก
ๆ 5 ปีที่อายุเพิ่มขึ้น และยังพบอีกด้วยว่า ผู้ที่มีอายุ 86 ปีขึ้นไป
จะป่วยด้วยโรคนี้มากถึง 32%

           สำหรับในประเทศไทย
แม้จะยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยโรคนี้อยู่ประมาณ 200,000-300,000 คน

          
โรคนี้แม้จะไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยเจ็บป่วยหรือพิกลพิการใด ๆ
แต่ความร้ายกาจของโรคจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องการสั่งงานของสมอง
ความจำ ความฉลาด การควบคุมอารมณ์ และไม่สามารถแยกถูกผิดได้

          

ต้นเหตุทั้งปวงนี้เกิดจากเซลล์ประสาทที่แม้จะถูกผลิตและสร้างขึ้นใหม่มาอยู่
เรื่อย ๆ แต่ก็กลับเสื่อมสภาพลงเร็วกว่าปกติ
โดยเฉพาะกับเซลล์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
เช่นเดียวกับบอวัยวะทุกส่วนในร่างกายที่หากไม่ได้ใช้งานในส่วนไหนก็จะลีบฝ่อ
ไปเอง ฉันใดก็ฉันนั้น เช่นเดียวกับสมอง






ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะยืดเวลาสมองให้เสื่อมช้าไปมากที่สุด
นั่นคือต้องจับสมองมาเอ็กเซอร์ไซส์ และวิธีการเอ็กเซอร์ไซส์ที่ดี ง่าย
และได้ผลนั้น คือการใช้วิธี ′คิดเลขในใจ′
มาเป็นตัวช่วยนั่นเอง


น.พ.สุวินัย
บุษราคัมวงษ์ แพทย์ด้านอายุรกรรมสมอง
สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท 2
กล่าวว่า ′การคิดเลขในใจทุกวัน วันละ  หลาย ๆ ครั้ง
จะเป็นการกระตุ้นให้สมอง ออกกำลัง
กระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทไปเชื่อมต่อกับเซลล์สมองส่วนอื่น ๆ
เพิ่มให้เส้นใยประสาทของเซลล์ประสาทมีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น
และยังเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ที่ประสาท
ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม
เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนจากพ่อค้าแม่ค้าที่แม้จะสูงอายุ
แต่ยังคิดค่าอาหารและเงินทอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

          
ส่วนวิธีการคิดนั้น คุณหมอแนะนำว่าให้คิดเลขทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอน
ค่าอาหาร รายรับ รายจ่ายแต่ละวัน ด้วยสมองของตัวเอง แทนการใช้เครื่องคิดเลข
หรือแม้แต่นับนิ้วก็ไม่ได้

           คิดไปเริ่มจากหลัก 2 หลัก
จากบวกไปลบ แล้วค่อย ๆ ก้าวไปสู่การคูณและหาร โดยเริ่มจากง่าย ๆ
จากสูตรคูณแม่ 1-12 ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น

          
หรืออาจจะลองหัดใช้งานมือข้างไม่ถนัด
ลองหัดเป็นนักวิเคราะห์หรือคาดการณ์หนังละครที่ดู
หรือลองทบทวนเรื่องราวเก่า ๆ ย้อนหลังในทุกวัน ว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง
เพราะอะไรถึงทำเช่นนั้น เหล่านี้ก็ช่วยได้

          
นอกจากนั้นแล้ว อย่าลืมที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผักใบเขียวจัด ๆ
ออกกำลังกายใหสม่ำเสมอ นอนให้พอ เลี่ยงดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ อย่าอ้วน
อย่าเครียด ที่สำคัญอย่าลืม บริหารสมองกันด้วยนะ...จะบอกให้...







Free TextEditor







































































































Create Date : 08 พฤษภาคม 2553
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 23:01:11 น. 0 comments
Counter : 638 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.