7 วิธีฉลองวาเลนไทน์ แบบ "สาวโสด" เรื่อง  :  ตะละแม่วีนัส ทำไมโลกนี้ถึงต้องมีวันวาเลนไทน์ด้วยนะ สาวโสดจะทำอย่างไร ในเมื่อหาแฟนได้ไม่ทันกินทันใช้ หรือว่าจะต้องมานั่งเหงาหน้าเศร้าอยู่คนเดียว เหลียวไปทางไหนก็เห็นแต่คนเกี่ยวก้อยกระหนุงกระหนิง ดอกกุหลาบบานฉ่ำทั่วทุกหัวระแหง ไม่เอาน่า อย่านั่งหน้าเศร้าใช้ความโสดทำร้ายตัวเองอย่างนั้น ทำตัวให้สดชื่นเข้าไว้ ลุกขึ้นมาปรับอารมณ์และสภาพจิตให้สดใส พร้อมส่งความสุขและความรักให้กับคนทั้งโลก ส่งอี-การ์ดหรือโทรศัพท์จ๊ะจ๋าหาเพื่อนฝูง ถึงแม้เพิ่งถูกแฟนหนุ่มสลัดทิ้งหรือหย่าสามีมาหมาดๆเราก็ต้องทำให้ได้ จงก้าวไปข้างหน้า อย่ามัวนั่งเสียใจว่าฉันเป็นผู้หญิงไร้คู่กวนตัวไร้สามีกวนใจ ถ้าไม่อยากเห็นบรรยากาศดอกกุหลาบบานสะพรั่งทั้งแดงทั้งชมพู ทนบาดตาบาดใจไม่ได้ ให้เดินทางท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ได้ ยิ่งไกลยิ่งดี แต่ถ้าทำไม่ได้ต้องมานั่งจุมปุ๊กอยู่กับบ้าน ลองใช้วิธีเหล่านี้ดู เพื่อให้ชีวิตโสดรอดพ้นวันวาเลนไทน์ได้อย่างสง่างาม 1. ฉลองในหมู่เพื่อนฝูง  บางคนแค่เห็นขนมหรือสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำเป็นรูปหัวใจในวันวาเลนไทน์ก็พาลจะจับไข้ซะแล้ว ลองชวนเพื่อนร่วมงานไปกินอาหารกลางวันประเภทที่ไม่บ้าตามเทศกาลกับเขาด้วย พยายามกินให้อิ่มทั้งของคาวของหวาน อารมณ์จะได้ไม่เสียกลายเป็นโมโหหิว หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่บ้านเสียเลย เชิญเพื่อนมาเยอะๆ โดยเฉพาะเพื่อนที่เป็นสาวโสดด้วยกันยิ่งดี จะได้ฉลองกันให้ระเบิดเถิดเทิงไปเลย 2. เอาใจใส่ตัวเองให้มากหน่อย  ช็อกโกแล็ตวาเลนไทน์ก็อร่อยดี แต่ทำไมไม่ลองทำอะไรดีๆให้ตัวเอง เช่น ไปนวดหน้านวดตัว ทำเล็บ หรือสวมชุดแดงสวยเริ่ดเชิ่ดใส่ เวลาเราสวยเราจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาทำปากหวานใส่ก็ได้เนอะ 3. มอบความรักผ่านตัวอักษร ลองใช้เวลาส่งมอบความรักด้วยการส่งการ์ดถึงวงศาคณาญาติ รวมทั้งหลานเหลนตัวเล็กตัวน้อยส่งให้หมด เขาอาจจะคิดว่าเราเพี้ยน แต่เป็นความเพี้ยนที่น่ารักนะ 4. มองโลกในแง่ดี  ทำใจเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ คิดซะว่านี่คือเทศกาลหนึ่งเหมือนวันแม่ วันฮัลโลวีน วันคริสต์มาสหรือวันสงกรานต์ก็ได้ ถ้าคุณมีชีวิตรอดผ่านวันครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาคนนั้น ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว แค่วันวาเลนไทน์ทำไมจะผ่านมันไปไม่ได้ ใช่ไหมคะ 5. กระจายความรัก  ลองมอบความรักให้กับคนที่ด้อยโอกาส หรือคนที่ไม่มีใครเหลียวแล ถ้าปีนี้เราต้องอยู่คนเดียวแบบโฮมอะโลน ลองเอาขนมนมเนยไปมอบตามบ้านเด็กกำพร้าหรือบ้านพักคนชรา นอกจากจะทำให้จิตใจอ่อนโยนมีเมตตาแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ ใครจะไปรู้ เราอาจถูกคุณปู่วัย 90 ขอแต่งงานก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็ได้รับรอยยิ้มจริงใจจากคนวัยคราวพ่อคราวแม่ซึ่งเอ็นดูเราอย่างที่สุด ได้บุญแล้วยังอิ่มอกอิ่มใจอีกด้วย 6. พักสักวันเถอะ  ลางานมันเสียเลย ไม่ไปทำงานแค่วันเดียวมันจะเป็นไรไป ออกไปเช่าวีดิโอหนังเจ๋งๆสัก 2-3 เรื่อง เชิญเพื่อนฝูงมาเฮฮาปาร์ตี้เป็นคืนเฉพาะสาวๆเท่านั้น ถ้าปรากฎว่าเพื่อนทั้งฝูงล้วนแล้วแต่เป็นสาวโสดไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็เฮฮาให้มันส์ระเบิด ขอให้คืนนี้เป็นคืนของค้างคาวสาวอาละวาดเท่านั้น แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันทำงานก็เพลาๆหน่อยนะคะ ไม่งั้นอาจเป็นโสดทั้งเรื่องผู้ชายและเรื่องงานก็ได้ 7. อึดอัดนักก็ระบายออกเสียเลย  จงปาวารณาตัวเป็นนักต่อต้านวาเลนไทน์ตัวยง สาธยายถึงความอยุติธรรมของเทศกาลนี้ เจอใครก็พยายามชี้แนะให้เขาเห็นถึงความไม่เข้าท่าและไม่เอาไหนของวาเลนไทน์ และบอกเล่าถึงข้อดีของการอยู่เป็นโสดรับผิดชอบตัวเอง เมื่อหักเหความคิดกลายเป็นอีกด้านไปเสียได้ เราจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่และมีความสำคัญขึ้นมาเชียวละ แทนที่จะมานั่งเศร้าหดหู่อยู่คนเดียว  ทั้งนี้ทั้งนั้นจุดสำคัญคืออย่าตัดสายสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อย่านั่งก่นเศร้าหงอยเหงากับตัวเอง อย่าเมาหัวราน้ำ เท่านี้วาเลนไทน์ก็จะกลายเป็นแค่วันหนึ่ง พิเศษก็แค่คนต้องซื้อกุหลาบแพงหูฉี่กว่าปกติเท่านั้นเอง ที่มา: //webboard.yenta4.com/topic/452803   Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2557     1 comment Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2557 21:40:14 น.     Counter : 2201 Pageviews.   Share Tweet

5 อาการหึงที่ไม่น่ารักเอาซะเลย ถ้าการหึงอย่างมีเหตุผลก็ยังพอทน แต่ถ้าหึงถึงขั้นคลุ้มคลั่งต้องระวังแล้วค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าอาการหึงจนเกินงามมีอะไรบ้าง 5 อาการหึงที่ไม่น่ารักเอาซะเลย เฮ้อ 5 อาการหึงที่ไม่น่ารักเอาซะเลย 1. โทรศัพท์มาเช็กกลางดึก ถ้าโทรฯ มาเจ๊าะแจ๊ะหวานแหววไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าโทรฯมาเพื่อเช็กว่าเราอยู่บ้านหรือเปล่าก็อีกเรื่อง โดนบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เองค่ะ 2. อยากรู้อยากเห็น ตอนแรกก็เหมือนจะหลงรักเราหัวปักหัวปำเลยอยากรู้เรื่องของเรา แต่แล้วก็เริ่มซักไซ้เรื่องผู้ชายเก่าๆ ของเราและเริ่มหมกมุ่นกับมัน ถ้าเรารู้สึกอึดอัด นั่นอีกสัญญาณบอกค่ะ 3. ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแฟนเก่า เลิกกันแล้วก็คือจบ แต่คนขี้หึงย่อมไม่ยอมจบ เขาจะหงุดหงิดหากเรายังติดต่อหรือพูดคุยกับคนเก่าๆ ในรายที่อาการหนักอาจพานไปถึงพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งหมาแมวของเรา เพราะกลัวถูกแบ่งปันความรัก 4. ค้นข้าวของๆ เรา พฤติกรรมแบบนี้คนทำกันเยอะ เวลารู้สึกไม่มั่นคง หรือสงสัยว่ากำลังถูกสวมเขา 5. ขู่ฆ่าตัวตาย คนขี้หึงจะขู่สารพัด ดีไม่ดีอาจถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายหากเราเลิกรา อย่ามองข้ามการข่มขู่แบบนั้นนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องไม่แฟร์เป็นเผด็จการแท้ๆ เลยเชียว ถ้าอาการหนักมากควรพาไปหาหมอซะเลย เกือบทุกคนที่มีช่วงอ่อนแอและแอบตามดูพฤติกรรมของคนรักบ้างบางเวลา แต่สำหรับคนขี้หึง จะคอยสืบเสาะอยู่เรื่อย เช่น รื้อค้นกระเป๋าเราซะกระจุยกระจายโดยไม่เจออะไร หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ควรเตรียมรับมือได้เลยค่ะ   Create Date : 06 มกราคม 2557     1 comment Last Update : 6 มกราคม 2557 22:10:32 น.     Counter : 1364 Pageviews.   Share Tweet

108 พันท่า เทคนิคท่วงท่าร่วมรัก...ท่ามิชชันนารี โดย รศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ การร่วมรักเป็นการตอบสนองทางกายที่เกิดขึ้นเมื่อสารเคมีแห่งความพิศวาสได้หลั่งออกมาจากต่อมไร้ท่อที่ควบคุมความเป็นชาย เมื่ออารมณ์พิศวาสเกิดขึ้นการร่วมรักระหว่างคนสองคนจึงเป็นการร่วมแรงร่วมใจกระทำการบางสิ่งบางอย่างที่ใฝ่ฝันไว้ว่าจะกระทำร่วมกันจนไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งความสุขสม ท่วงท่าและลีลาของการร่วมรักจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะปฏิบัติการได้อย่างครบถ้วนกระบวนความจนเกิดความสุขสมไปถึงดวงดาวด้วยกัน จนเกิดสายใยแห่งความผูกพันทางใจที่ตามมาหลังจากให้ความสุขทางกายแก่กันและกันแล้ว ท่วงท่าลีลารักต่างๆ ต่อไปนี้จึงน่ารู้ ++ ท่ามาตรฐาน...ท่ามิชชันนารี เป็นท่วงท่าที่หนุ่มสาวใช้ร่วมรักกันมากที่สุด แม้ว่าบางคนจะบอกว่าเป็นท่วงท่าที่ทำให้ผู้หญิงไปถึงดวงดาวได้ช้า และผู้ชายมักจะหลั่งเร็วก็ตาม เป็นท่าที่ผู้ชายอยู่ด้านบนหรือ MAN ON TOP และผู้หญิงเป็นฝ่ายรองรับอยู่ด้านล่าง มีประวัติศาสตร์ของท่วงท่าร่วมรักนี้บอกต่อๆ กันมาว่า นานมาแล้วเมื่อคณะนักสอนศาสนาคริสต์ได้เดินทางไปยังหมู่เกาะฟิจิเพื่อที่จะเผยแพร่ศาสนา ได้ค้นพบว่าพวกชาวเกาะทั้งหลายไม่ได้สนใจที่จะมารับฟังข้อคิดดีๆ ของศาสนาเลย กลับมัวแต่ร่วมรักกันในหลากท่วงท่าลีลาพิศวาสอย่างมีความสุขและเมามันในอารมณ์ คณะนักสอนศาสนาดังกล่าวจึงเดินทางเข้าเฝ้ากษัตริย์และลอบบี้จนกษัตริย์ยอมออกกฎหมายมาว่า...ต่อไปนี้ชาวเกาะทุกคนจะสามารถร่วมรักกันได้ท่วงท่าเดียวคือ ผู้หญิงนอนหงายราบ และผู้ชายเป็นฝ่ายปฏิบัติการอยู่ด้านบน ห้ามร่วมรักกันในท่วงท่าอื่นจะได้ไม่หมกมุ่นในเรื่องกามารมณ์มากจนเกินไป ...จึงได้มีการเรียกชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่คณะนักสอนศาสนาว่า "ท่ามิชชันนารี" จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ในท่วงท่ามิชชันนารีนี้ มาตรฐานจะเป็นการที่ฝ่ายหญิงนอนหงายราบ แยกขาสองข้างออกจากกัน เพื่อเปิดประตูสวรรค์ให้ความเป็นหนุ่มไปสัมผัสรักในแง่มุมที่สอดรับซึ่งกันและกัน และการเคลื่อนไหวประสานสอดคล้องกันจนไปถึงดวงดาว ซึ่งในท่วงท่านี้บางครั้งอาจมีการปรับแต่งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ • ถ้าอยากมีบุตรง่ายๆ ควรจะหาหมอนมารองบริเวณแก้มก้นเพื่อให้มุมของช่องคลอดชันขึ้น และควรจะชันขาทั้งสองข้างขึ้น แยกหัวเข่าออกจากกัน เพื่อให้ปฏิบัติการส่งถ่ายตัวอสุจิเป็นไปได้โดยง่าย รวมทั้งคุณสามารถที่จะหลั่งน้ำอสุจิไว้ได้ลึกที่สุดใกล้ปากมดลูกที่อยู่บริเวณของก้นช่องคลอดได้ดีที่สุดและหลังจากคุณหลั่งแล้วให้เธอนอนในท่าชันขาดังกล่าวอีก 30 นาที เพื่อให้น้ำอสุจิละลาย ตัวอสุจิจะได้แหวกว่ายเข้าไปในมดลูกได้โดยง่าย • และถ้าเธอคนนั้นไปถึงจุดสุดยอดได้ยากแล้วละก็ ให้คุณใช้ร่างกายทาบทับลงบนตัวเธอ โดยคุณต้องยกตัวขึ้นสูงจนระดับสะโพกของคุณอยู่ที่ระดับเหนือเชิงกรานของฝ่ายหญิง แล้วทาบทับกันแนบสนิทในท่วงท่านั้น ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นทางการว่า COITAL ALIGNMENT หรือ CAT ในท่วงท่าที่บริเวณลำตัวช่วงกลางทับกันแนบสนิทแบบนี้ ถ้าคุณกระทำการเคลื่อนของรักของหวงเข้าออกโดยอาศัยกล้ามเนื้อของช่องท้องและสะโพกช่วยโดยไม่ขยับกายส่วนอื่นแล้ว อวัยวะของคุณจะเสียดสีสัมผัสตั้งแต่ปุ่มคลิตอริส ปลายเปิดของท่อปัสสาวะ และจี สปอท ที่เป็นศูนย์รวมประสาทสัมผัสทางเพศไปในขณะเดียวกันเลย ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ผู้หญิงไปถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ในท่วงท่านี้ต้องอาศัยการฝึกฝนร่วมกันเป็นประจำจนสามารถที่จะประสานการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน เพื่อที่จะไปถึงฝั่งฝันร่วมกัน ลองดูนะ แล้วจะรู้ว่า ฝันนั้นก็เป็นจริง • ถ้าเธอคนนั้นมีปากทางรักยังเปิดขยายไม่เต็มที่ การนอนหงายชันขาขึ้นโดยให้สะโพกอยู่ ปริ่มๆ บริเวณขอบเตียงนอนหรือขอบโซฟานั้นจะทำให้คุณมองเห็นปากทางสวรรค์ได้ดีขึ้น และสามารถยกพลเข้าไปภายในช่องคลอดของเธอเปิดรอคอยความรักของคุณอยู่ได้อย่างไม่ยากเย็น รวมทั้งเป็นท่วงท่าที่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่รูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ เจ้าเนื้อ หรือสะโพกใหญ่ด้วย Penhouse สนับสนุนเนื้อหา   Create Date : 24 ธันวาคม 2556     1 comment Last Update : 24 ธันวาคม 2556 22:59:46 น.     Counter : 5928 Pageviews.   Share Tweet

ปรับแสงไฟ ปรุงแต่งรสเซ็กส์ ปรับแสงไฟ ปรุงแต่งรสเซ็กส์ การเสริมเติมแต่งรสชาติเซ็กซ์นั้นมีนับร้อยนับพันวิธี มากมายเรื่องราวแห่งเซ็กซ์ถูกเล่าผ่านวงเหล้า วงกินเลี้ยง เพื่อนฝูง หรือสามี ภรรยา ทำให้เซ็กซ์กลายเป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขต แสงไฟสลัวๆ มีส่วนช่วยให้บรรยากาศของคุณดูเซ็กซี่และเย้ายวนขึ้น ลองนึกถึงเวลาที่คุณไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์สิ บ่อยครั้งที่แสงไฟในนั้นทำให้คุณมองสาวคนไหนก็สวยจนน่าเข้าไปกอดแทบทุกคน เพราะฉะนั้นใครที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง แทนที่จะต้องเปลี่ยนไปบรรเลงเพลงนอกสถานที่ให้เปลืองเวลาและเงินในกระเป๋า ลองวิธีง่ายๆ อย่างการเปลี่ยนแสงสีในห้องนอน ก็ช่วยได้ ใครที่ชอบสีสันสวยงามร้อนแรง อาจลองใช้เป็นสีโทนแดงเพลิง ก็มีส่วนช่วยให้สภาพจิตใจที่ห่อเหี่ยวกลับมารุ่มร้อนเหมือนเปลวไฟได้ การทำโคมสีแดงก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นสักนิดเดียว แค่คุณหาผ้าสีแดงบางๆ พอให้แสงทะลุผ่านได้มาคลุมโคมไฟ เพียงเท่านี้เซ็กซ์ที่ร้อนแรงก็รอคอยพร้อมเสิร์ฟให้คุณ บางคนอาจไม่ชอบสีแดงเพราะแยงตาหรือมืดไป แสงสีอื่นๆ ก็มีส่วนช่วยให้เซ็กซ์ของคุณเพลิดเพลินได้ไม่ใช่น้อย แสงสีนวลๆ นุ่มๆ ช่วยให้พลังเซ็กซ์ของคนที่ร้อนแรงเกินไป อ่อนโยนและนุ่มนวลลงได้ ใครที่สาวๆ ชอบบ่นว่าคุณช่างทำรุนแรงเหลือเกิน เกินใจของคนจะทน เวลาที่อยู่บนเตียง อาจลองเปลี่ยนรสชาติด้วยการใช้แสงแบบนี้ก็ได้ นอกจากโคมไฟแล้ว การใช้แสงจากเปลวเทียนก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย วิบวับของเปลวเทียนช่วยให้บรรยากาศวาบหวามกว่าไฟจากโคมไฟแน่นอน แต่ไม่ควรใช้เชิงเทียนสูงๆ ขายาวๆ เพราะหากล้มหรือพลาดพลั้งไปกระทบเข้าระหว่างบรรเลงกามกิจคงเป็นเรื่องใหญ่ แนะนำให้ใช้ประเภทเทียนหอมเพราะมักจะมาเป็นชุดที่มีจานรอง รวมทั้งส่วนใหญ่จะเป็นเทียนแท่งใหญ่และเตี้ย เท่านี้แสง 1 แรงเทียนก็จะช่วยเพิ่มความโรแมนติกแก่คุณและคู่รักให้ได้อารมณ์ที่เซ็กซี่และสร้างสรรค์จนไปถึงที่หมายสบายผิดกัน และหากใครที่ไม่ชื่นชอบลีลาเซ็กซ์ จากแสงไฟ อาจอาศัยแสงสว่างเพียงไฟจุดเล็กๆ จากปุ่มบอกสถานะการทำงานของแอร์ เพื่อให้เห็นเพียงเงารางๆ ก็พอ เพราะจินตนาการของมนุษย์นั้นไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ที่มา...MixMagazine   Create Date : 23 ธันวาคม 2556     1 comment Last Update : 23 ธันวาคม 2556 22:44:05 น.     Counter : 1029 Pageviews.   Share Tweet

ความรู้เกี่ยวกับมะเร็ง รู้ทันโรคมะเร็งเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้หญิง ทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บมีเยอะขึ้น บางทีก็มีโรคแปลกๆ เพิ่มขึ้นมากแม้ว่าจะมีสุขภาพดี อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อม ทั้งที่ใช่และไม่ใช่ตัวเราเปลี่ยนไปมาก วิถีการดำรงชีวิตของเรา ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย โรคหนึ่งที่ดูน่ากลัวก็คือโรคมะเร็ง ซึ่งในผู้หญิงเราแล้ว มีโรคมะเร็งในอวัยวะที่ทางฝ่ายชายเขาไม่สามารถเป็นกันได้เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ เป็นต้น (ส่วนมะเร็งเต้านมนั้นหนุ่มๆ ก็เป็นได้เช่นกันนับว่าไม่เสียเปรียบกันเกินไปนัก) ร่างกายของคนเรานั้น ประกอบด้วยเซลล์หลายชนิด และมีจำนวนมากมาย เราจึงควรรู้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็ง ตามปกติแล้วเซลล์ต่างๆ จะแบ่งตัวตามความต้องการของร่างกาย เช่น ถ้ามีการเสียเลือด ร่างกายก็จะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มเข้ามาทดแสน หรือเมื่อมีการติดเชื้อ ร่างกายก็จะผลิตเม็ดเลือดขาวเพิ่ม เพื่อทำการต่อสู้กับเชื้อแปลกปลอมต่างๆ แต่มีเซลล์อีกบางประเภทที่แบ่งตัวโดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ เซลล์แบบนี้ทำให้เกิดเป็นเนื้องอก ซึ่งแบ่งเป็นสองชนิดใหญ่ๆ คือ Benign และ Malignant Benign tumor           คือเนื้องอกธรรมดา เนื้องอกแบบนี้ไม่ใช่มะเร็งสามารถตัดออกและไม่กลับเป็นใหม่ ที่สำคัญคือไม่สามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ซีส (cyst), หูด (wart) เป็นต้น Malignant tumor           เซลล์ผิดปกติแบบนี้ จะแบ่งตัวทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะใกล้เคียง ที่สำคัญสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นที่อยู่ไกลโดยไปตามกระแสเลือด และน้ำเหลืองได้ เจ้าตัวนี้ล่ะค่ะที่น่ากลัว และสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด เรื่องที่พบจริง คือเด็กหญิง 10 ขวบป่วยมะเร็งเต้านม แคลิฟอร์เนีย-พบเด็กหญิงมะกันวัยแค่ 10 ขวบ แต่เป็นมะเร็งเต้านมแล้ว หนูน้อยฮันนาห์ โพเวลล์-อัซแลม หนูน้อยวัย 10 ขวบนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนประถมเอสคาโลนาในเมืองลอสแองเจลีส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ ได้ออกรายการ "กู๊ดมอร์นิ่ง อเมริกา" ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีเมื่อวันพุธ (3 มิ.ย.) เผยว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งปกติมักจะพบในสตรีวัยกลางคนขึ้นไปเท่านั้น หนูน้อยฮันนาห์เผยว่า รู้สึกมีอาการคันสีข้างเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนแม่ของเธอจะพบว่ามีก้อนเนื้ออยู่ และนำไปสู่การตรวจพบว่าหนูน้อยกำลังเป็นมะเร็งทรวงอก ซึ่งในเบื้องต้น แม้เธอจะได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นว่า เป็นมะเร็งทรวงอกแบบที่พบได้ทั่วไป แต่ครอบครัวของเธอเผยว่า ความจริงคือเธอเป็นมะเร็งชนิดอินแวสซีฟ ซีเครทอรี คาร์ซิโนมา หรือมะเร็งชนิดลุกลาม ซึ่งเป็นชนิดที่พบในเด็กช่วงยุคทศวรรษที่ 2504 ขณะที่พ่อของหนูน้อยเผยว่า สุขภาพอาการของฮันนาห์ยังคงดี และมะเร็งที่ตรวจพบนั้นก็เติบโตช้า หนูน้อยฮันนาห์เผยว่า รู้สึกถึงความเป็นเด็กข้างในตัวเอง แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เวลาที่ต้องไปอยู่โรงพยาบาล ก่อนจะพูดว่า ตัวเองเป็นเพียงแค่เด็กที่ต้องสู้กับโรคของผู้ใหญ่ และการที่เธอต้องเข้ารับการผ่าตัด และเริ่มทำการรักษาแบบเคมีบำบัด (คีโมเธอราพี) ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนป่วยตลอดเวลา อยากจะนอนอยู่แต่บนเตียง โดยขณะนี้ผมบนศีรษะร่วงหมดแล้ว แต่เธอยังคงมีความกล้าหาญ และหวังว่าจะไว้ผมได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ที่มา...................Womanandkid   Create Date : 23 กรกฎาคม 2556     1 comment Last Update : 23 กรกฎาคม 2556 15:04:45 น.     Counter : 1240 Pageviews.   Share Tweet