ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

วิธีถนอมสายตาให้ลูกน้อยในยุคไซเบอร์



ทุกวันนี้เด็กๆและคอมพิวเตอร์แทบจะเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ เด็กในวัยเรียนหลายๆคน และ แม้แต่เด็กวัยก่อนเข้าเรียน ( เตรียมอนุบาล ) ก็ยังใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่ง I-Pad I-Phone โทรศัพท์มือถือสาระพัดรุ่นทุกวัน ซึ่งคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของครอบครัวแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรหันมาดูแลสายตาและการมองเห็นของเด็กๆ ให้มากขึ้น เพราะจากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดโรคทางสายตาที่มากับคอมพิวเตอร์(computer vision syndrome CVS) ซึ่งจะเกิดกับเด็กได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

      แต่จาก ผลการสำรวจคำแนะนำในการใช้คอมพิวเตอร์กับเด็กในโรงเรียนอนุบาล พบว่า คอมพิวเตอร์ สามารถช่วยปรับปรุงความพร้อมของเด็กๆ เพื่อเตรียมตัวเข้าโรงเรียน และทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งในการศึกษาหนึ่งของนักเรียนก่อนวัยเรียนจำนวน 122 คนที่ลงทะเบียนและเริ่มเรียนในโปรแกรมเด็กๆในกลุ่มทดลองที่ได้มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน 15-20 นาทีต่อวัน โดยเปรียบเทียบระหว่าง เด็กที่ใช้ซอร์ฟแวร์ที่เหมาะสมกับการพัฒนาการศึกษา และอีกกลุ่มไม่ใช้คอมพิวเตอร์ แต่เริ่มรับหลักสูตรการเรียนแบบพื้นฐานตามปกติ โดยทำการประเมินผลก่อนเข้าชั้นเรียนและ 6 เดือนหลังการเข้าชั้นเรียน โดยประเมินผล 4 ด้านคือ ความพร้อมทางการเรียน ทักษะการมองเห็น ทักษะในการเคลื่อนไหวและการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ

      ผลปรากฏว่า เด็กที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์จะมีการเตรียมพร้อมทางการเรียนที่ดีขึ้น และมีการพัฒนาความรู้ความเข้าใจมากกว่าเด็กที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเด็กที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนก็จะมีผลดังกล่าวดีกว่าเด็กที่ทำงานโดยคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนอย่างเดียวอีกด้วย

       ด้วยเหตุผลนี้ มันจะเป็นผลดีถ้ามีการวางแผนการดูแลที่ดีให้เด็กๆเมื่อต้องใช้เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อลดความเสี่ยงให้ลูกน้อยห่างไกลจากโรคทางสายตาที่เกิดคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าตัวน้อยต้องใช้คอมพิวเตอร์

      ต้องแน่ใจว่าเด็กๆจะนั่งสบายและมีท่าทางเป็นธรรมชาติดังนี้

ศีรษะมีความสมดุลกับคอ ไม่เอียงไปข้างหลังหรือเอนไปข้างหน้า
หน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15 องศา
นั่งหลังตรงและไหล่พิงสบายไม่เอียงซ้าย
หลีกเลี่ยงการนั่งทิ้งตัวไปข้างหน้าเหนือคีย์บอร์ด
      ต้นแขนอยู่ใกล้ลำตัวและอยู่ในท่าทางสบาย ไม่เอียงซ้ายขวาหรือเอนไปข้างหน้า
ท่อนแขนราบแนบไปบนโต๊ะ ข้อศอกทำมุม 90 องศา
ฝ่ามือเกือบอยู่ในระดับเดียวกับท่อนแขนและมีการโค้งข้อมือเล็กน้อย
เท้าวางราบไปกับพื้นหรือที่พักเท้า เข่าทำมุม 90 องศา มุมด้านหลังหัวเข่าควรเปิด ไม่เหน็บขาไปใต้เก้าอี้
และที่สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้แนะนำให้ลุกจากคอมพิวเตอร์ทุกๆ 20- 30 นาทีเพื่อยืนตัวตรง จะช่วยบรรเทาอาการเกร็งกล้ามเนื้อ และช่วยลดการเกิดโรคทางสายตาจากคอมพิวเตอร์

ลดความเสี่ยงจากอาการสายตาสั้น

      การถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมดูเหมือนว่าจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการของอาการสายตาสั้นในวัยเด็ก บางผลการวิจัยก็ชี้แนะว่าเป็นผลจากพันธุกรรมทางสายตา และความเครียดทางสายตาที่เกิดขึ้นจากคอมพิวเตอร์ก็อาจมีส่วนร่วมด้วย บางทีเด็กๆ จำเป็นต้องเพ่งสายตาเป็นอย่างมาก ทำให้สายตาเมื่อยล้าเนื่องจากมีการโฟกัสมากเกินไปนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในดวงตา นั่นคืออาการสายตาสั้น

      จักษุแพทย์หลายคนให้คำแนะนำแบ่งช่วยเวลาพักจากการใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ บางครั้งเราเรียกว่ากฎ 20-20-10 คือทุกๆ 20 นาทีเด็กควรจะพักสายตาจากคอมพิวเตอร์และมองไปที่อื่นอย่างน้อย หรือห่างออกอย่างน้อย 20 ฟุต เป็นเวลา 10 วินาทีนี่คือการผ่อนคลายที่เรียบง่ายเพื่อให้กล้ามเนื้อในสายตาได้พักและช่วยลดความเครียดทางสายตา จักษุแพทย์บางคนยังได้แนะนำแว่นชนิดพิเศษสำหรับใช้กับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยลดความเครียดทางสายตา
      เพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีความพร้อมสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน ให้จัดตารางเพื่อทำการทดสอบทางสายตาสำหรับลูกน้อยก่อนที่จะเปิดเทอมในแต่ละปี เพื่อประเมินทักษะการมองเห็นระยะใกล้สำหรับการใช้คอมพิวเตอร์และการอ่าน

      อย่าลืม ... แจ้งให้จักษุแพทย์ทราบ หากลูกน้อยได้แสดงสัญญาณของปัญหาทางสายตาหรือการมองเห็น เช่น กระพริบตาและขยี้ตาบ่อย ตาแดง หันศีรษะบ่อยหรือมีท่าทางที่ผิดปกติ หรือถ้าพวกเขาบ่นว่าตาพร่ามัวหรือเมื่อยล้าตาเมื่อเปิดอ่านหรือมีการใช้คอมพิวเตอร์ อาจบ่งบอกถึงปัญหาทางด้านการมองเห็น

      ถึงแม้ว่า การใช้คอมพิวเตอร์ในเด็กเล็ก อาจก่อให้เกิดปัญหาสายตาสั้น สายตาเอียง หรือโรคอื่นๆ ในเด็กตามมาได้แต่ผลวิจัยทางด้านการศึกษากลับพบว่า เด็กที่ใช้งานคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์เลย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมร่างกายของลูกน้อยได้ง่ายด้วย การเลือกรับประทานอาหาร เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ฟักทอง ผักบุ้ง ผักตำลึง หรือผลิตภัณฑ์นมที่มี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน หรือลูทีน ซึ่งจะช่วยในการมองเห็น และถนอมดวงตานอกจากนี้ อาจเน ช่วยให้ทุกการเรียนรู้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของลูกน้อยพร้อมเสมอ

















ที่มา...Nestle


Create Date : 04 เมษายน 2556
Last Update : 4 เมษายน 2556 20:29:23 น. 1 comments
Counter : 1359 Pageviews.  

 


โดย: teawpretty วันที่: 27 กรกฎาคม 2557 เวลา:4:07:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]