ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับถุงยางอนามัย



"ใส่ถุงแล้วไม่แมน ไม่ใส่ดีกว่า" "ไม่เป็นธรรมชาติ ขอแบบเนื้อแนบเนื้อดีกว่า" ฯลฯ ความเชื่อต่างๆ เหล่านี้ถูกปลูกฝังอยู่ในจิตสำนึกของหนุ่มไทยหลายๆ คน ร้ายกว่านั้นบางคนเชื่อว่าการจะตั้งครรภ์หรือติดโรคอะไรสักอย่าง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน แต่มันอยู่ที่ความสามารถเฉพาะบุคคลมากกว่า ซึ่งถ้าใครทำได้จะดูดีมาก ซึ่งความคิดเหล่านี้หากถูกปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งเหมือนเป็นภัยร้ายต่อผู้คิด นานๆ ไปจะกลายเป็นปัญหาระดับชาติได้

     10 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องถุงยาง ที่ไล่เรียงเกี่ยวกับถุงยางอนามัย ในอนาคตอันใกล้อาจจะมีความเชื่อที่ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริงแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก ก็ใช้วิจารณญาณในการใช้ดีกว่า เพื่อให้รอดและปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ต้องการ เข้าทำนอง "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่อย่าเลยเถิดถ้าไม่มีถุงยาง "

1. ถุงยางอนามัย ใส่แล้วไม่แมน
      ความเชื่อแบบนี้ผิดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะสิ่งที่จะบ่งบอกความเป็นลูกผู้ชายนั้นมีอีกหลายอย่าง และในความเชื่อของผู้หญิงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ การมีเซ็กส์กันโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันนั้นถือเป็นการไม่ให้เกียรติด้วยซ้ำ ถึงแม้เนื้อต่อเนื้อจะให้ความรู้สึกดีกว่าก็ตาม แต่การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังก็ถือว่าเราเป็นลูกผู้ชายเช่นกัน ยิ่งในปัจจุบันถุงยางอนามัยถูกออกแบบให้บางเฉียบจนแทบไม่รู้สึกว่าสวมใส่อยู่ ดังนั้นเปลี่ยนความคิดแบบนี้ได้เลย

2. ถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ได้
        ความเชื่อแบบนี้ทำให้ใครหลายคนคิดว่าถ้าป้องกันไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่ก็แล้วกัน แต่ในความเป็นจริง การไม่ใส่อะไรเลยในการมีเพศสัมพันธ์จะยิ่งน่ากลัวกว่าเสียอีก หากถุงยางที่คุณสวมใส่ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่แตก ไม่ฉีกขาด ก็สามารถป้องกันเชื้อต่างๆ ได้ เพราะผลจากการทดลองยืนยันว่าเชื้อโรคอย่าง HIV ไม่สามารถลอดผ่านเนื้อเยื่อของถุงยางอนามัยที่ได้รับรองมาตรฐานได้ ที่สำคัญในการประชุมเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ล่าสุดที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย บ่งชี้ว่าการใช้ถุงยางอนามัยนับว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรคติดต่อเหล่านั้นได้ (แต่อย่าลืมนะครับว่าเขาแค่ป้องกัน ไม่ใช่ฆ่าเชื้อ HIV)

3. ถุงยางหลากสี หลายกลิ่น อันตราย
      ปัจจุบัน ผู้ผลิตถุงยางอนามัยออกถุงยางกลิ่นและรสชาติใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายทางเพศสัมพันธ์ โดยสารที่นำมาใช้นั้นก็ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในจุดที่สำคัญแต่อย่างใด รวมทั้งสีและกลิ่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในถุงยางอนามัย ก็เป็นสารที่ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัย ถึงแม้จะกลืนหรือกินลงไปก็ตามแต่ถ้าใครทำใจไม่ได้จริงๆ เป็นห่วงแฟนกลัวว่าสารเหล่านี้จะเข้าไปสะสมในร่างกายมาก ก็เลือกใช้ถุงยางแบบที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นแทนก็ได้

4. ถุงยางผิดไซส์ ไม่ธรรมชาติ
       การเลือกขนาดของถุงยางอนามัยก็มีส่วนช่วยทำให้การมีเพศสัมพันธ์ดีขึ้นได้ ปัจจุบันส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันจะมีสองไซส์ คือ ขนาด 49 มม. กับ 52 มม. แต่ก็มีบางรุ่นที่มีใหญ่กว่าปกติ เอาเป็นว่าเลือกให้เหมาะกับขนาดของตัวเองจะดีที่สุด เพราะหากเกิดการเลื่อนหลุดหรือฉีกขาดขึ้นมา คนที่จะเครียดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนใส่นั่นเอง

5. ถุงยางไม่ธรรมชาติ นับวันธรรมชาติกว่า
       ความเชื่อข้อนี้ยิ่งทำให้คุณเข้าใกล้ความเป็นพ่อคนมากขึ้น หรือถ้าเป็นผู้ที่รักสนุกเฉยๆ ก็มีแววสูงในการเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อ อย่างแรกก็คือธรรมชาติของฝ่ายหญิงนั้น การตกไข่ถึงแม้จะนับวันได้ว่าจะสุกช่วงไหน มีประจำเดือนช่วงไหน แต่ก็อาจจะมีคลาดเคลื่อนบ้างเนื่องจากความเครียดหรือร่างกายผิดปกติได้ นอกจากนี้การไม่สวมถุงยางนั้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือถ้าเป็นโชคดีร่างกายของฝ่ายหญิงมีอาการผิดปกติ ตกไข่ทีเดียวเดือนละสองใบ ก็ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ วิธีแก้ง่ายๆ ใส่ถุง ใส่ถุง

6. ถุงยางกลับด้าน รู้สึกแปลกใหม่
      ความคิดคนสมัยนี้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ไม่รู้ว่ามีใครเคยได้ยินบ้างหรือเปล่าว่าใส่ถุงยางกลับด้านแล้วจะสนุกกว่าเดิม ความจริงแล้วการใส่ถุงยางก็เหมือนกับการใส่แว่นหรือคอนแทกเลนส์น่ะ คือต้องใส่ให้ถูกต้อง มันถึงจะชัดเจน และไม่เจ็บ

7. ถุงยางหลายชั้น อึดกว่าป้องกันหนาแน่น
      เสี่ยงเกินกว่าจะเชื่อครับ เพราะการใส่ถุงยางอนามัยเกินกว่า 1 ชั้นขึ้นไป มีโอกาสที่ชั้นของถุงยางจะเกิดการเสียดสีกันและทำให้เกิดการฉีกขาดได้ เพราะจริงๆ แล้วถุงยางอนามัยถูกออกแบบมาให้ใช้แบบใส่ชั้นเดียว ส่วนความรู้สึกที่ว่าอึดกว่าเดิมหรือไม่นั้น ก็อาจจะมีส่วนเพราะว่าการสวมใส่แบบสองชั้นจะช่วยทำให้ความรู้สึกลดลงไปด้วย ดังนั้นก็ต้องเลือก แต่ถ้าอยากให้อึดจริงๆ ปัจจุบันเขาก็มียาใช้เฉพาะที่อยู่แล้ว 

8. ถุงยางทาน้ำมัน ลื่นปรื๊ดๆ
      ผิดแล้วก็ยังผิดซ้ำผิดซาก การใช้สารอะไรก็ตามที่ไม่ได้ถูกระบุว่าให้ใช้เฉพาะทาบริเวณถุงยางอนามัยถือเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้ถุงยางคุณภาพลดลงอย่างตั้งใจ และมีโอกาสที่จะฉีกขาดหรือรั่วได้ ยิ่งหากเป็นสารบางชนิดจะทำให้ยางละลาย ทำให้ถุงยางที่เราใช้มีโอกาสแตกได้มากขึ้นกว่าเดิม เอาเป็นว่าแบบเดิมๆ ก็ดีแล้ว หรือถ้าอยากได้แบบลื่นๆ เขาก็มีเจลที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะที่

9. ถุงยางทำได้ทุกท่วงท่า โลดโผนโจนทะยาน
      อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังใส่อยู่นั้น สามารถรองรับทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ เพราะของย่อมมีแตกหักและเสื่อมสลาย ดังนั้นการกระทำที่รุนแรงหรือเซ็กส์ที่ยาวนานเกินไป อาจมีผลทำให้ถุงยางฉีกขาดหรือแตกได้ ขอแบบพอดีๆ ดีกว่า

10. ถุงยางใช้ซ้ำได้
      ใครที่เชื่อหรือมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ เลิกด่วน เพราะอันตรายมาก นอกจากจะไม่ป้องกันโรคแล้ว ยังก่อให้เกิดการเสียดสีที่เป็นอันตรายต่อทั้งของคุณและของแฟนคุณ เพราะถุงยางอนามัยนั้นจะมีสารหล่อลื่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น















ที่มา ...Mix Magazine


Create Date : 31 พฤษภาคม 2556
Last Update : 31 พฤษภาคม 2556 20:41:09 น. 1 comments
Counter : 1989 Pageviews.  

 


โดย: teawpretty วันที่: 27 กรกฎาคม 2557 เวลา:4:09:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]