ขนมหม้อแกง
..............
หรือขนมกุมภมาศ เป็นขนมที่เกิดขึ้น
ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์
คือ คุณท้าวทองกลีบม้า หรือมารี กีมาร์
เป็นผู้สอนให้คนไทยทำ
เรียกชื่อตามภาชนะที่ใช้ใส่ขนม คือ กุมภ แปลว่า หม้อ
และ มาศ แปลว่า ทอง กุมภมาศ จึงแปลว่า หม้อทอง
ขนมหม้อทองในสมัยนั้น เป็นขนมที่ทำขึ้นในวัง
สำหรับถวายพระเจ้าแผ่นดิน หรือพระสงฆ์ ซึ่งถือเป็นของสูง
โดยนำส่วนผสมไข่ขาว ที่เหลือจากการทำขนม
ซึ่งใช้เฉพาะไข่แดง และกะทิผสมกัน
ใช้ใบตองฉีกเป็นเส้นเล็กๆ ลงไปกวนด้วยมือ
เติมแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียวบด
กวนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลโตนด
เทลงในหม้อทองเหลือง หรือหม้อทอง
นำไปผิงไฟอ่อน
โดยให้ความร้อนกระจายทั่วทุกส่วนของภาชนะ
เพื่อขนมจะได้สุกพร้อมกัน
การผิงขนมในสมัยก่อน จะต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญ
และจะต้องคอยเฝ้าดูการผิงตลอดเวลา
ถ้าผิงนาน ขนมจะแข็งกระด้าง ไม่อร่อย
หรืออาจไหม้ แล้วโรยด้วยหัวหอมเจียว ให้มีกลิ่นชวนกิน
ขนมหม้อทอง ต่อมาได้นำเผยแพร่ แก่ประชาชน
โดยทำถวายพระสงฆ์ ในงานบุญงานกุศล
เรียกชื่อใหม่ว่า ขนมหม้อแกง
การทำขนมหม้อแกง ตามลักษณะต้นตำรับเดิม
ปัจจุบันยังคงพบเห็นตามงานบุญ งานกุศล ในชนบท
และยังพบเห็นขนมหม้อแกงมีจำหน่ายอยู่
ขนมหม้อแกงเป็นขนมที่นิยมบริโภคของคนไทย
แหล่งผลิตขนมหม้อแกงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย
คือ จังหวัดเพชรบุรี ขนมหม้อแกงที่ดีต้องมีความหอม
รสชาติหวานมัน เนื้อนุ่มเนียน
ผิวหน้าเป็นสีน้ำตาลค่อนข้างเรียบ
ขนมหม้อแกงมีหลายชนิด
เรียกตามส่วนผสมที่ใส่ในขนม
ได้แก่ หม้อแกงไข่ หม้อแกงถั่ว
หม้อแกงเผือก และหม้อแกงเม็ดบัว
ส่วนผสมของขนมหม้อแกง
ที่ทำให้หม้อแกง มีกลิ่นหอมหวาน
และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ น้ำตาล
ควรเป็นน้ำตาลโตนด นิยมใช้ไข่เป็ดมากกว่าไข่ไก่
และกะทิ ช่วยทำให้ขนมหม้อแกงหอมและหวานมัน
ขอบคุณที่มา fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ