All Blog
j135ภาค2


 j135ภาค2

ผมฟังเพลง


Chopin: 4 Ballades (Zimerman)












จบเรื่องการบริจาคช่วยเหลือ
เมื่อความพร้อมที่จะทำมันขาดหายไป
จึงขอส่งท้ายภาคที่หนึ่งให้กับบ้านอานองเต
ที่จบไปหนึ่งภาคแล้วอย่างหวุดหวิด


หากความหวังมีตกมาใหม่
การบริจาคช่วยเหลือการให้เปล่า
ผมคิดว่าเป็นความดีชนิดหนึ่งที่ควรจะเป็นทัศนคติของคนยุคใหม่
ท่ท่าใครคิดได้อย่างนั้น
เชื่อว่ามันจะทำให้คนเราเดินข้ามพ้นโลกได้แน่นอน

ผมเขื่อว่าอย่างนั้น
ในฐาะที่เป็นพระเอกของนวนิยายเรื่องบ้านอานองเตเรื่องนี้
ที่ผมกล้าคิดที่จะพูด

แม้อีกหลายชีวิตจะขยาดคำนี้
เพราะเขาบางคนไม่รู้ด่วยซ้ำว่า
ว่าคำว่าบริจาคและการให้นั่น
ตัวตนมันคืออะไรสำหรับเขา

ลาก่อนภาคที่หนึ่งของเรื่อง



ผมขออนุญาตขึ้นภาค2




เรื่องบ้านอานองเตอันนี้ผมไม่มีดรามาว่า
จะทำเรื่องราวให้นิยายมันยาวแต่ประการใด
เพราะผมมีอุดมการณ์ในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้ขึ้น
เพียงเป็นปรัชญาการในการเปิดทางให้มี
การทำงานเวลาว่างของผมให้มีตัวตนขึ้นเท่านั้น


หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง

นี่คือเส้นทางบายพาสของผมก่อนที่จิตผมจะหยุดคิด
ว่าอย่างนั้น
อันนี้เชื่อว่าเป็นทางเลือกของคนรุ่นใหม่ชนิดหนึ่งที่ปลอดภัย


และแม้ผมจะเป็นแบบห้กมุมมอง
เหมือนนกซีกอลบินถลาเล่นน้ำกลางทะเลสาบเจนีวา
แล้วบินวกกลับหลังจาก
บินถลาหลอกสายตาคนชอบดูนกชนิดนี้ที่ทะเลสาบนั้น
ผมว่าอย่างนั้น


รับรองว่านวนิยายนี้
ไม่ยาวแบบหนังสือเอนไซโคบปีเดียแน่นอน

มันต้องจบและยุติลงได้ในไม่ช้า
มันจะกลายเป็นลำนำหรือโน้ตเพลงย่อที่เข้าใจง่ายและสนุกในที่สุด
ผมว่า
ที่โลกนี้ของคนมีสองคำที่ต้องตอบให้กับตนเองทุกวันที่มีวิตอยู่
 คือ
ทำ หรือ
ไม่ทำ

ในสรรพสิ่งอะไรสักอย่างในตัวในเอง
เหมือนมือคนมีสองมือคือ
ซ้ายและขวาเท่านั้น
ไม่มีคำว่ามือกลาง



และเพราะสมองผมคงจะไวและช้าเท่าช้างไปในขณะเดียวกัน
ขณะที่ผมนึกคิดที่ะทำหรือไม่ทำอะไรขึ้นมา



คือผมจะเอาแรงที่ไหนมาเขียน
ถ้าผมไม่คิดคำนึงอยู่อย่างนี้


ในเรื่องบ้านอานองเตยาวจะเท่า
สารานุกรมสากลหนังสือ


ผมเชื่อว่า
มันเป็นไปไม่ได้


ผมมีเหนื่อยเป็น
มีหมดแรงคิดและเจตนา
และมีตาย


และผมเป็นคนต้องมีพัก

อนึ่งผมพกพาอะไรจิปาถะ
มาอ้างอิงเชื่อมโยงเชิงแทรก
เชิงสับสนุนแนวความคิด

มีเชิงภูมิปัญญาบ้าง
ในเรื่องนี้

เพื่อให้เรื่องราวของบ้านอานองเต
มันได้เป็นบูรณาการ

เผื่อว่าคนที่พลัดหลงมาพบเข้าในบล็อกมนี้
ที่เรามาพบกันโดยบังเอิญ
ผมรับว่าไม่มีสำนวน
ทกอย่างเป็นความคิดเชิงสกัด
เหมือนคนคิดเลขบทยากเป็นเป็นที่ถือว่าง่ายมากสพหรับเขา
แต่คนที่คิดไม่เป็น
และคืดไม่ออก เลขคณิตศาสตร์นั้นมันยากเหลือเกินสำหรับเขา

ว่าอย่างนั้น

อย่างมีกรณีหนึ่ง

อาทิเช่น

ผมพาเพลงที่ผมแต่งขึ้นในบ้านของพระเอก
แทรกเข้ามาบ้างในนวนิยายนี้

อันนี้มิใช่เป็นการหยอกเย้ยถางถางทั้งเชิงลบ
ตามสูตรแต่งเพลงหรือบทบาทองมัน


แต่ผมอนุมานให้ทั้งหมดที่คิดได้ว่า


ทกอย่างผมสงเคราะห์มันเชิงบวก

เพื่อท้าทายจินตนาการ
ในท่านครูยุคคลาสิกและยุคนีโอทั้งหลายในปัจจุบันนี้ที่พบกัน
ก็หาไม่

แต่ผมเขียนทุกเพลงทุกอย่างตามอารมณ์ที่ผมจะบรรเจิดมีหรือจะเกิดมี
ใช้เหตุผลเขียนและอารมณ์สกัดทุกอย่างออกมา
ด้วยความมานะและความพยายาม
 โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรจากใครๆ
เป็นประการสำคัญ








และที่สำคัญเท่าที่วัตถุดิบของผมและสิ่งแวดล้อมจะพัดพาให้ผมคิดไป
พร้อมกับความรำลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษและพ่อแม่ของผมที่ตายไปแล้ว


อันนี้ผมขอสารภาพ






ฝนตกกระหน่ำลงมาสู่ดินอย่างต่อเนื่อง
หนักเบาดั่งเสียงเพลงที่เย็นๆ
มันเหมือนดั่งพรมลิขิต
ฝนตกดีจริง
ไม่รู้ว่ามันเหนื่อยกันมาจากไหน
จึงพามาตกกันตอนนี้

มันตกหลั่งลงมาเป็นสายน้ำ
โดยที่ผมไม่ต้องซื้อหามัน


มันเหมือน้ำตาเทวดาที่กำลังร้องให้


แต่อย่างไรก็ตาม

ผมก็ชอบฝน


ขออภัยต่อความเป็นจริงถ้าว่าถ้าน้ำฝนจะท่วมที่มุมใด
ผมต้องทำใจของผมให้สนุกไปกับมัน
แม้เพราะน้ำฝนปลายังชอบ

และอย่างไรก็ตาม
เพราะว่ามนุษย์จะหนีธรรมชาติไม่พ้น



ที่เราจะให้โอกาสธรรมชาติมันตอแยคนอย่างเราและเล่น

แน่นอนทั้งเราและธรรมชาติ
ปล้ำกันหยิกปล้ำกันข่วน
จนชินชาจนไมรู้สึกเจ็บอะไร

พบว่า
เราผลัดกันแพ้และผลัดกันชนะอยู่ร่ำไป
ระหว่างธรรมชาติกับคน

ฝนตกลงมาผมชอบ
หวัดนั้นคือปัญหาแรกของผม
นอกจากปัญหาน้ำมันจะท่วม
ที่ตีนบันไดบ้านผม
และหลังคาบ้านอานองเตมันจะรั่ว


สมมุติว่า
ถ้าหลังคาบ้านอานองเต
มันรั่ว
น้ำฝนจะหยดจะลงบนที่นอนผม


แต่ผมไม่กลัวเลยฝนเปียก
และถ้าจะมีน้ำนองบ้าน
ผมยิ่งภูมิใจอีก
ปลาะได้แวะเข้ามาเที่ยวบ้านอานองเตของเราเราได้


แต่สิ่งที่ผมกลัวและขยาดคือไฟฟ้าลัดวงจรและไฟฟ้ารั่ว
มันจะมาช๊อตชีวิตผมเอา



แต่ผมไม่กลัวอีก
เพราะคัตเอาท์เรามี
พอตัดหรือสับคัดเอาท์ออก

บ้านอานองเต
ก็สงบ

ก็กลับมาเป็นบ้านปกติสุขตามเคย
มันย้อนกลับมาเป็นบ้านมีมนุษย์และมีชีวิตจิตใจตามเคย
ดีกว่าบ้านโดนไฟไหม้แน่นอน


แม้บางครั้งบางเวลา
สรรพสิ่งจะกลับไปสู่ยคบุพกาลอีกครั้ง
อย่างคาดไม่ถึงก็ตาม



คือผมกับตะเกียงต้องกลับมาเป็นเพื่อนกิน
เพื่อนนอนของผมในยามมืดอีกครั้ง
เมื่อกระแสไฟฟ้าดับหมด
ตอนฝนมา


ผมพอใจ

เพราะไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร


ไฟกับน้ำไม่ถูกกัน
 เพราะมันเป็นสิ่งตรงกันข้าม
คือร้อนกับเย็น




แม้บางครั้งมองให้ดีไฟก็มาจากน้ำ
น้ำก็มาจากไฟ


ถ้าอยากจะมองให้ล้ำลึก

ไม่ต้องไปถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ธรรมชาติฟิสิกส์วิทยาและ
อีกร้อยแปด  อะไรหรอก



เรื่องที่เราจะโยงถึงมีอีกมากมายนัก


อาจจะ
เพราะปวดหัวเปล่า
ถ้าโยงไปแบบไม่มีขอบเขต


เอาเป็นว่าเท่านี้คือเท่านี้
จบ




ไม่มีอะไรจะเหนือไปกว่าคำฏีกา

ฝนคือเทพเจ้าสำหรับผม
ผมระวังสายไฟฟ้าสายไฟฟ้าอย่าไปโดนน้ำ
ถ้ามันโดนกันเมื่อไหร่


มันดูดกันและมีพลังมหาศาล เช่น
คนโดนเข้าคือตายเป็นประถม


คนตกปลาด้วยการใช้ไฟฟ้าช๊อต
ปลานั้นตายให้เรากินมากกว่าหนึ่งตัวที่เราต้องการ
ที่ผมไปพบมา



แต่ถ้าวิสัยคนที่ไม่ใช่กระแสไฟฟ้า
เมื่อตกปลาด้วยมือและคันเบ็ดมีเหยื่อ

อย่างดีมากที่สุดจะได้ปลา
เพียงตัวเดียวที่ปลาติดเบ็ดเพราะปลาตัวนั้นมันหลงเหยื่อ
ที่เราล่อหลอกมัน


ผมเชื่อมันว่าอย่างนั้น


เมื่อฝนมาผมปิดไฟทันที
สวิชต์คัทเอาท์ดึงออกหมด
ผมมีสามหม้อสามหลังคาเรือน
ที่แม่และพ่อทิ้งมรดกเอาไว้ให้
ผมดับหมดไฟเมื่อฝนมาสำหรับที่บ้านผมอานองเตสุดที่รัก



รอฝนไป

ผมจึงค่อยใช้บริการกับเขาอีก

อันนี้ผมถือว่าปลอดภัยเป็นที่สุดใหม่
ในเรื่องการใช้ไฟฟ้าของผมและทัศนคติ



พ่อผมชอบพูดคำนี้  "ปลอดภัยเป็นที่สุด"
เมื่อนั่งคุยปรารภชีวิตกับผมละแม่


ที่ดินที่บ้านอานองเตขายดี
จนแย่งกันซื้อ


เกือบจะกลายเป็นการปะทะกัน
ด้วยปากกระบอกปืนมาใช้เจรจาซื้อขายที่ดิน
แทน
ความเจตจำนงบริสุทธ์และเรื่อยเฉื่อย
ตกลงกันแบบเรียบง่ายสงบและมีสัญญา




แต่ผมเอาอยู่
คือทำอะไร
ต้องมี
คือคำมั่นสัญญา
และมีหลักฐานมีมัดจำ


ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไม่ทำอะไร


และถ้าทนายมีต้องใช้อย่าให้เขาว่างงานเลย
เพราะเขาช่วยเป็นพาหะสู่ความยุติธรรม



ถ้าให้ดียอมเสียเงินบ้าง
เพื่อความสงบของเราทั้งทายกายและทางใจจะได้มีขึ้น


สี่แสนกว่าครับหรือกว่า
มันแพงขึ้นทุกวินาทีใช่
ที่ดินนะที่ดิน

ที่ดินเฉยๆ

ต่อหนึ่งแปลงตอนนี้
ไม่มียางและสินส่วนควบอะไรเลย

ณ  ที่สวนอานองเตแห่งนี้

นี่คือราคาวันนี้ที่บ้านอานองเต
แต่ถ้าเหลือถึงพรุ่งนี้มันเป็นล้านต่อไร่
เพราะต่อไปมันบวกค่เงินเฟ้อเงินฟุบเงินฝืดอีก
ค่าสงครามอีกจิปาถะ
แต่ที่ดินจะแพงขึ้น
เรื่อยชนิดไม่ง้อสถานการณ์อะไร
กับใครทั้งสิ้นที่ผมพบ




แต่ถ้าผมเผลอใช้เงินเปลืองและผิดพลาด
ต้องขายอีกที่ดินสวนอานองเต



เพราะที่ดินสวนอานองเต
มันป็นไม้บรรทัดในการดำรงชีวตผม
และต่อการขายที่เพื่อยังชีพของผม



นายทุนรายใหม่บอกผมว่า
จะซื้อและขอดูโฉนดและจะเอา

ผมแบ่งรับแบ่งสู้
เพราะผมมีพันธะกับหลายคน
ที่จะตกลงซื้อขายกัน
และผมมิใช่นักธุรกิจที่ดิน

ตอนนี้นายทุนมาก
เพราะที่บ้านอานองเต
คนทำสวนยางมีรายได้ไวกว่าสวนมะพร้าว
และคือเรื่องราคา กลไกตลาด เกือบจะเป็นเหมือราคานทองคำ
และน้ำมันเสียแล้ว


และแม้ยางราคาโลกจะลดลง
แต่ก็ชั่วคราว
ถ้าเรารู้จักรอและอดทน



เพราะปัจจุบันการซื้อขายมีสภาพคล่องอย่างยิ่ง
เมื่อเทียบกับสมัยก่อน
คือทุกวันนี้ทุกอย่างอย่างซื้อขายได้หมด



ทำอย่างไร
เขาคนทำสวนยางมีรายไดต่อวันใช้แรงงานพม่า
เขาเข้าใจ
เขาจะรวมหุ้นกันก็ได้เพื่อสร้างอำนาจซื้อ
อะไรก็ได้
ถ้าเขารู้จักจัดการมันเป็น


แล้วเอาเงินหมุนเวียน
เข้าธนาคาร  เอาเงินหมุนเงินก็ได้หลายล้านวิธีการ
ที่ไม่ถือว่าฟอกเงิน


ผมจำได้ในฐานะพระเอก
เคยล่าวไว้แล้วว่า



ผมเคยเขียนเรื่องสั้น
อ่านแวบเดียวจบลงในนิตยสารแห่งชาติครั้งหนึ่ง
เรื่องบ้านทุ่งไร่าละเจ็ดล้าน
ถ้าไม่ผิดชื่อนี้



และงานของผมได้พิมพ์
และได้ค่าเขียน

ตอนแรก

เรื่องที่เขียนนี้เขียนที่
ข้างบึงใหญแห่งหนึ่งนอกช่านเมืองที่สุดเปลี่ยว

ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะๆได้พิมพ์
และติดใจ บก ใหญ่

แต่เรื่องนี้ผมกลับได้พิมพ์
งง



วันนี้
ผมพอจะคาดเดาได่แล้วว่า
เป็นเพราะอะไร

เพราะว่าเรื่องท่่ผมเขียนนั้นนี้
มันสะท้อนให้เห็นสังคมแต่ก่อนนี้กับบัจจุบันช่วงนั้น


คือตอนนั้นที่ดินนั้นถูกมาก
เมื่อเทียบตอนนี้

ดพราะต่อมาเมื่อไทยเปลี่ยนเป็นยุคอุตสาหกรรม
ท่่ดินแพงมากทีเดียว
ชนิดคิดเปอร์เซ็นตเพิ่มให้ไม่ทัน

และที่ดินคือทรัพยากรมีจำกัด
ที่ดินเป็นเรื่อง
มีครั้งเดียวและไม่มีอีกแล้ว
และไม่งอกอีก


ถ้าผมคิดขาย
ขายไปแล้วหมดแล้วหมดเลย
ไม่มีอีกว่าอย่างนั้น


"บ้านทุ่งไร่ละเเจ็ดล้าน"  ผมเขียน
จำไม่ได้แน่ว่าหกหรือเจ็ดล้นกันแน่

 แต่เอาเป็นว่า
ที่ดินแพงขึนก็แล้วกัน
ผมพยากรณ์ตามความที่เขียนเรื่องสั้นนั้น


ผมไม่มีเวลาไปตรวจดูที่ห้องสมุดกลาง
ในนิตยสาร
ที่กล้าวไว้


ผมสันนิษฐานว่า  บก.พิมพ์ให้ผม
เรื่องนี้ในต่อมาเชิงวิเคราะห์ว่า


เพราะ  บก. ท่านเห็นว่าเป็นเรื่องที่เตือนสติสังคมได้ดี
เป็นการแจ้งเกิดสังคมใหม่และเก่า
ได้ดีในเชิงรายงาน


และ  บก. จึงตัดสินใจพิมพ์คือนำเรื่องนี้ขึ้นแท่น

เพราะผมเคยมีเรื่องส่งให้
แต่ไม่ได้พิมพ์
แสดงว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ถูกโยนลงถังขยะไปแล้ว


ว่่าอย่างนั้น





บก ท่านผู้นี้ผมปกปิด
ท่าเป็นคนตงฉิน อารมณ๊์คมคาย
หนักแน่นแน่นอน
ตรงไปตรงมา
ไม่กินสินบน ไม่เห็นแก่ค่าโฆษณา
หรือเห็นแก่เงิน
เป็นลูกชาอดีตผู้ว่า

และแต่ท่านเห็นแก่วรรณกรรม
ปลอดกัญชายาเสพติด
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้คือตัวท่าน


ฉะนั้นงานที่ผมได้ขึ้แท่น
โดยท่านบก ท่านผู้นี้ในนิตยสารชื่อดังแห่งชาติครั้งนั้น

จึงถือว่าใช้ได้
แต่เสียดายที่ผมตอนนั้นไม่ว่างเขียนต่ออีก

เพราะติดเรียนหนังสือที่มหาลัยเปิดแห่งหนึ่งและผมต้องไปต่างประเทศ
และไม่มีเวลา

อันนี้ที่หาลัยเปิดครั้งหนึ่ง
ผมเรียนในวิชากฏหมายและเศรษฐศาสตร์คือคณะที่
ผมต้องเรียน


ที่เรียนเพื่อสนองตอบต่อยุค
อันเป็นยุคเลื่อนลอยและยุคแสวงหาของผม


และมหาลัยเปิดนี้มันเป็นตลาดวิชาจริงๆ
ผมจำได้ว่าตอนรัฐตั้งขึ้นผมโหวตให้ตั้งด้วย
และเคยส่งสัญลักษณ์ประกวดแข่งอีกต่างหาก

เพาะมหาลัยเปิดนี้ผมพบในอังกฤษครั้งแรกได้ผลมาก
ผมประทับใจ
ที่อังกฤษเขาเรียนทางโทรทัศน์ด้วย
เป็นต้น



ของขวัญวันนี้ที่อานองเตในยบทนี้
คือ
พบว่าหนูสองชนิดคือหนูท้องขาวและไม่ขาว
ชนิดท้องขาวนี้
กินกัดพืชผลไม้ชาวสวน
นอกบ้านในบ้านเก่งมาก เช่นหน่อไผ่เมื่อเริ่มงอกหน่อ
ถ้าหนูชนิดท้องขาวนี้ไปกัดหน่ออ่อนต้นไผ่
ที่เราปลูกไผ่ก็จะตาย



ส่วหนูอีกชนิดหนึ่ง
ท้องไม่ขาว
ชนิดนี้สกปรก
กินขยะโสโครก

เที่ยวในบ้านตลอดเวลาที่มันมีโอกาส
ทั้งสองชนิดนี้กลัวแมว


ส่วนท้องขาวจะมากลางดึกส่วนมาก
ผมพบอย่างนั้นที่บ้านอานองเต

ผทเหนื่อยขอพักสักนิดนึง









Create Date : 29 ตุลาคม 2560
Last Update : 13 มกราคม 2561 3:46:30 น.
Counter : 454 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends