All Blog
j39


  jjy7001Smileyต่อไปจะท้าวความถึงยายสักหน่อย
เพราะใกล้ชิดผมมากที่ผมพอจะรู้อะไรดี
ผมไม่กล้าถามยายเมื่อสมัยที่ยายมีชีวิตอยู่
แต่ทราบจากเมื่อคุยกันได้ฟังมาว่า
ยายมีพ่อสองคนเช่นกัน


ยายเป็นลูกสาวคนเล็ก
จากพี่ชายคนโตอายุ 109ปี
บวชเป็นพระและเป็นเจ้าอาวาสและพระคู่สวดนาค
วัดอยู่ห่างไกลกัน10 กม   ทางเหนือจากบ้านอานองเต

หรือที่ดเรียกเป็นทางราชการสงฆ์ว่าพระอนุสาวนาจารย์
ยายมีพี่สาวหนึ่งคน
เคยบวชเป็นชีเมื่อแก่ละอยู่กับแม่ผมตอนนั้นแม่ผมเป็นชีเช่นกัน

มีลูกหลานมีฐานะในปัจจุบันมีลูกเขยเคยเป็นครูใหญ่
ในรร.ประชาบาลของพื้นที่

ยายมีพี่ชายคนอีก
คนหนึ่งเคยอยู่บ้านใกล้
ห่าง 2กมจากอานองเต


อีกคนหนึ่ง


อยู่ไกลไปทางทิศเหนือของไทย
ที่นั้น
ยายมีญาติใกล้ชิดเป็นสมภารเป็นรองเจ้าคณะอำเภออุปัชฌาย์และมีสมณศักดิ์(ปกปิด)
และเป็นหมอผี ท่านจับผีใส่ขวดท่านเคยให้เงินผมกินขนมและเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
ท่านตายไๆปแล้ว
ทั้งหมดตายหมดแล้ว


เมื่อพ่อของยายตาย
แม่ของยายมีสามีอีกหนึ่งคน
มีลูกสองคนศักดิ์เป็นน้องของยายเป็นผู้หญิงเสียชีวิตหมดแล้ว

ทุกคนข้างยายแม่ของแม่ผมได้รับมรดกตกทอดมาครบสมบูรณ์ทุกคน
จากบรรพบุรุษ

ยายเป็นคนกินหมากพลู
จำได้ว่าปลูกพริกไทยหนึ่งต้นไว้หน้าบ้าน
รดน้ำทุกเช้าเย็นได้ผลมาก


เด็กๆเพื่อนบ้านชอบมาขอยายไปทำเครื่องแกงอาหารป่า

ตาและยายเป็นคนแก่วัด
ตาได้รับเลือกให้เป็นมัคทายกวัด 
แต่ยายได้รับเลือกให้เป็นมัคทายิกาวัด
ยายเป็นอยู่นานมากหลังตาตายแล้ว

ยายมีผลงานหนึ่งชิ้นปรากฎตกทอดมาถึงปัจจุบันคือ


จักสานกะล่อมข้าวใหญ่มากในระดับหมู่บ้าน
ปลวกมอดไม่กิน
ท่านทำอย่างไร
อันนี้ผมได้ช่วยทำบ้าง
กล่าวคือไม้ไผ่สีสุกแช่น้ำไว้หนึ่งระยะ
และเอาขึ้นมาจากนำ
หลังจากเหลาเป็นตอกใหญ่แล้ว
ก่อนหรือหลังขั้นตอนนี้ผมจำไม่ได้
คือเหลาตอกก่อนแช่หรือแช่ตอกก่อนเหลา

และสานเป็นกะล่อมด้วยมือและสมอง
ทำยากมาก
แล้วใช้ขึ้ควายดินเหนียวผสมแกลบประมาณนี้ที่ผมจำได้
ฉาบทาแล้วบรรจุเป็นยุ้งข้าวเปลือก
ตอนนั้นที่บ้านอานองเตมีนาลึกและนาตื้นทำดำนาทุกปี
ให้เช่าบ้างไม่ให้เช่าบ้างเมื่อยายแก่แล้วไม่มีใครทำ


ตอนทำาผมจำได้เมื่อตอนเด็ก
ผมไปส่งคดข้าวห่อไปกินกลางนา
บางครั้งฝนตกพรำ
ผมจำได้ดีสนึกมาก
ที่ยนามีปูนาให้จับเล่่น
มีแมงดานาให้จับเล่น
มีปลาดุกปลาช่อน
ปลาหมอให้จับเล่นมีปลิงนา
ซึ่งล้วนมีพิษเล็กน้อยทั้งนั้น
นาทั้งสองชนิดแต่ขายหมดแล้วสมัยยายและแม่


เพื่อเอาเงินมารักษาตัวและใช้
ยายเล่าให้เพื่อนยายฟังว่า
ยายเคยรับจ้างโกยขี้ช้างเมื่อตอนเด็ก
ยายผิวดำตัวเล็กแต่ไม่มากร่างกายแข็งแรง


งูเห่ากัดและตายในเวลาต่อมาช่วงชราภาพ
ภายใต้การพยาบาลของแม่
ตอนงูเห่าที่บ้าอานองเตกัด
เป็ฯงูเห่าดอกจันมีแม่เบี้ยตัวเล็ก
งูชนิดนี้มีพิษแบบงูเห่า
กัดใครแล้วตายทันทีโดยมาก

ตอนงูเห่ากัดผมอยู่ใกล้
ได้ช่วยปฐมพยาบาลตามหลักมอแปดที่เรียนมา


เอาเชือกรัดต้นแผลอย่าให้เลือดแล่นเข้าสู่หัวใจ
ถ้ากัดที่หัวคอหอยผมไม่รู้ว่ทำอย่างไรเหมือนกัน
ตอนกัดยายมันกัดที่เท้าตาตุ่ม
ขณะยายเอื้อมหยิบอะไรบางอย่างที่นยุ้งข้าง
มันหลบซ่อนอยู่ใต้ไม้ตับกองไม้ปีกมะพร้าว
ที่ซ้อนกันไว้เพื่อรอใช้

แล้วพาไปหาหมอพร้อมงูตัวที่กัด
ยายจึงไม่ได้ตายทันที


งูเห่าดอกจันชุมมากสมัยยายมีชีวิต
แต่ปัจจุบันงูเห่าแพ้สารพิษจากสารเคมี
ที่ชาวบ้านใช้ตามนโยบายเกษตรกรรมแผนใหม่


งูเหล่านี้หนีไปอยู่เขาหมด
แต่ผมระวังงูตลอดเวลา
เมื่อมาพักอาศัยที่บ้านอานองเต
เพราะงูมันน่ากลัวสำหรับผม

งูเห่าดอกจันกัดแล้วมันไม่หนีมันจะอยู่บริเวณที่มันกัดคนตามนั้น
ผมระวังงูมากเมื่อพักอาศัยที่บ้านอานอง
แม้ว่างูอาจจะไม่มีเเล้ว


และยิ่งสมัยผมต้องพึ่งตัวเองมากที่สุด
ในบั้นปลายชีวิต


ตมปกติผมไม่เคยถามอะไรยายเป็นการส่วนตัวเมื่อยายมีชีวิตอยู่
แต่ยายเท่าที่ผมเห็นเป็นคนธัมมะธัมโม แก่วัด ทำบุญเก่ง
เมื่อมีเงินเกินงบทำทันที


ที่บ้านอานองเต
มีพระมาเยี่ยยมประจำ
ส่วนใหญ่เป็นสมภารเจ้าวัด
มีเกจิอาจารย์สายสมาธิแห่งชาติ
มาเยี่ยมตาและยายเป็นประจำ

มีค้นหน้าวัว และต้นสาละปลูกไว้อายุนานมาก
จำไม่ได้ว่าได้มาอย่งไร


ที่บ้านอานองเตเก่ามีกุฎิพักพระศาลาพักพระ
สามารถทำบุญพระได้อย่างที่วัดได้
แต่เป็นเครื่องไม้และจาก
ตาทำไว้
รับแขกพระที่สัญจรไปมา


เรื่องการใส่บาตรนั้นเป็นภาระกิจที่ตาและยายททำทุกวัน
ไม่เคยขาดแม้แดดจะออกฝนจะตก
บ้านใกล้วัด
เมื่อพระที่วัดขาดเหลืออะไรยายสนับสนุนหามาให้
ไม่หวังผลตอบแทน
และยายสั่งผมว่าห้ามไปกวนพระ
หรือนอนเล่นที่วัด
แม่สั่งผมอย่างนั้นเหมือน

ที่บ้านอานองเตต้องมีคนใช้ประจำ
หมายถึงที่บ้านอนองเตเก่า
คนใช้ได้รับรางวัล 
สมัยก่อนไม่เรียกเป็นเงินเดือน

ญาติฝ่ายยายและฝ่ายตาชอบฝากบุตรหลานมาอยู่ด้วย
เพื่อฝึกชีวิต


พงศาวลีวิทยานี้ผมทราบว่าที่มหาวิทยลัยเปิดไทยมีสอนวิชานี้
ซึ่งอันนี้ที่ผมเล่าทั้งหมด


เป็นส่วนหนึ่งของพงศาวลีวิทยา สำหรับครัวเรือนบ้านนอกได้อย่างดี
ถ้าผมทำวิชานี้คิดว่าคงได้คะแนนบ้าง


เพราะฉะนั้นการบอกเล่า
เรื่องต่างๆเหล่านี้


ถือว่าเป็นพงศาวลีวิทยา
มิถือว่าเป็นการโฆษณาตนเองและรากเง่าเหล่ากอบ้านนอกของตนเอง
ว่าเป็นใครมาจากไหนและอย่างไร
ผมเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าเป็นอย่างนั้น


เพราะทำให้เรารู้อดีตและวัฒนธรรมอย่างละอียดลออในระดับรากหญ้าของสังคม
ว่ามีอะไรที่เหมือนกันไม่เหมือนกัน

ทั้งหมดทั้งสิ่งอ้นโดยสิ้นเชิง

อนึ่งที่บ้านอานองเต
หลังพ่อและแม่ผมตายแล้ว
มีพิพาทเชิงะพิศดารนิดหน่อยและหลายภารกิจ
ที่ผมไม่อยากจะกล่าวถึงเปลืองเวลาและหน้ากระดาษเปล่า
ตอนนี้
และผมไม่ได้แต่งงาน
ไม่มีแม่บ้านและคนครัวและคนใข้

มีแขกด่วนไปมาจะพาไปพักรีซอร์ทเพื่อนแม่ที่ชายทะเล
และเพราะงบประมาณไม่เพียงพอ


และเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย
การทำบุญประจำปีงดไปเพะราะ
ไว้ทุกข์ในภาระกิจของพ่อและแม่ที่ทิ้งเอาไว้
การบูรณะซ่อมแซมบ้านอานองเป็นไปอย่างช้า ๆ
โดยผมคนเดียวทำ
เพียงรักษาของเก่าเท่านั้น

บ้านอานองเตปัจจุบัน
การใส่บาตรทุกวันขาดไป
การทำบุญประจำปีขาดไป
การเยียมเยือนงดไป
ไม่เหมือนบ้ายอานองเตเก่าที่เคยกระทำมา


แต่เชื่อว่าถ้าชีวิตผมลงตัวกว่านี้
และเมื่อผมตายลงทางมูลนิธิคิดว่าจะทำ
เพราะสมบัติผมตกแก่มูลนิธิ


เมื่อถึงวันพร้อมอันนั้น
คงต้องใช้ประเพณีเดิม
ที่บ้านอานองเตเก่าทื่เคยทำมา
และพบญาติกันอีกอย่างสนุก


และกอร๋์ปกับร่างกายผมไม่สมบูรณ์อายุมากแก่แล้ว
การกำหนดการว่า


เมื่อไหร่บ้านอานองเตจะฟื้นมาอีกครั้ง
ยังไม่มีกหมายกำหนดการแน่นอน
อันนี้ต้องขออภัย

เทพเทวาวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ขอจงรับทราบและเมตตาต่อ
ที่มาประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ร้ายในช่วง


บั้นปลายของชีวิตด้วย
ซึ่งตาทิพย์ของท่านเทพคง
มองเห็นว่า


ตอนนี้สถานการณ์ชีวิตผมนั้นและบ้านอานองเต


เป็นเช่นไร


อย่างไรก็ตาม
บุญคุณจองอานองเตในอดีตนั้นมีมากมายนัก
เกินกว่าที่ผมจะเล่าขานเก็บกินได้หมด
ไปอีกกี่สิบชีวิตคนเป็นแน่
ผมเชื่อว่าอย่างนั้น

หรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับเป็นการปล่อยให้เพื่อนญาติธรรมอื่นได้
เดินบุญแถวหน้าแทนส่วนที่อานองเตเคยทำมาแล้วด้วย
คิดว่าอย่างนั้น

ขึงงดทุกอย่างเพื่อไว้ทุกข์มารดาและบิดาของกระผม
คิดว่าอย่างนั้น


อันนี้ถือว่าปกติ
มีเกินมีขาดมีพร่องมีเต็ม
ในสังคมมนุษย์
เป็นธรรมชาติของการวิวัฒนการของครอบครัวชนบทในสังคม

ผมเขียนเว้นวรรคบางครั้งยาวบางสั้นบ้าง
เพื่อให้ติดตามง่ายเมื่อมีผู้ติดตาม
สายตาผมไมดีแล้ว


สุขภาพไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก

แต่ผมพยายามกำหนดให้ดีที่สุดคือ
ภาษาไทยที่เขียนไม่วิบัติ
สื่อได้

และกรกดไลค์กดแชร์ กดโพสจ์
ผมทำอย่างสำรวมที่สุด
คือไม่ใช่้ตลอดเวลา
เป็นการกวนสมาธิสำหรับคนที่อาจจะต้องการมีสมาธิพักผ่อนจากสื่อบ้างก็ได้
กรณีมีการใช้เทคนิคมือถือไม่ถนัด


แต่ผมพยายามกดไปบ้างในโอกาสอันควร
เพราะเป็นธรรมเนียมการใช้และการไม่ใช้
เพื่อสื่อและโฮสต์ของสื่อและงานสื่อ


หากว่าหาบลอ็กนี้ไม่เจอ
กรุณาหรือโปรดสุดแท้แต่
เซิร์คในกกูเกิล  กดjjy จึงจือหยาง
ก็จะพบผมได้ที่นั้นเช่นกัน
จากบล็อกนี้หรืออื่นที่ถึงกันโดยอัตโนมัติ
แล้วตามติดได้


เพราะคอมนั้นบางครั้งก็อาจจะมีปัญหามาก
ช้าบ้างรวนบ้าง
ไฟตกไฟตัดไฟกระชากไฟรวนอะไรอีกหลายอย่าง
ไวรัสคอมพิวเตอร์บ้าง
เครื่องเสียบ้าง
มีปัญหาทางเทคนิคบ้าง
เป็นให้หากันไม่เจอ


ขาดตอนอะไรเหล่านี้
ก็ขออภัย


แต่ตัวหนังสือมันสื่อและพูดได้ดีคงเดิม
ตามระบบที่ว่า อาร์ท   ลองกา   ลา วี   ชอตตา
ถึงแม้อะไรจะเสียไปบ้าง
ผมเหนื้่อยอีกแล้ว
ขอพักและจะเล่าต่อไปใหม่


จนพบข้อยุติในการสืบค้นญาติอย่างลงตัว
ผมต้องขออกตัวว่าไม่ได้หาเรื่องแต่งนิยาย
หรืร่ายยาวอะไร
บอกตรงๆว่า
 ผมเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนตอนหนุ่มไฟแรงเร็วแข็งแรง
ปะติดปะต่อในอดีต


แต่ปัจจุนล้าส่วนมาก ไม่ทันเพื่อนตามเคย
เขียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย


ที่คาดไม่ถึง
ผมเชื่อว่า
มันน่าจะลงตัวที่สุดด้วยงิธีนี้
แม้จะเป็นเส้เนทางสายไหมแบบโบราณ ๆ แบบนี้


และเป็นการทำตัวเองให้มีประโยชน์ปัจจุบัน
ในหัวข้อใช้เวลาที่มีว่างให้เป็นประโยชน์
ต่อตนเองและเพื่อมนุษย์
ถ้าจะเกิดมีได้

เพื่อกรผ่อนคลาย
หรือเพิ่มควมเครียดในเชิงบวก
รู้เท่าทันโลก
วิธีนี้อาจจะเป็นแสงเทียนคลำหาข้อยุติได้
ด้วยวิธีที่ว่า


เห็นสิ่งใดดีนำไปใช้เทียบเคียง
เห็นสิ่งใดมันไม่สนุก
ก็หาทางเลี่ยงเทียบเคียง
หรืออาจจะสานสนธิการเดินทางสืบค้น


หรือการมีความปฏสัมพันธ์
กับชีวิตมนุษย์ที่สัมพัทธิ์ทั้งในและนอกประเทศได้่บ้าง
คิดว่าอย่างนั้นครับ


จาก
จึงจือหยาง  jjySmiley



Create Date : 25 พฤษภาคม 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 21:41:25 น.
Counter : 701 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends