All Blog
j63


Smileyjjy2021
ผมกำลังฟังบาช์ค
มันกระตุกความรู้สึกผมบ้าง แต่เพลินดีไม่หยอก



หมายเหตุความที่ไม่สิ้นกระแสความ
และอธิบายไม่หมดในบทที่แล้วมาและถือว่าตกค้าง


กล่าวคือจะพูดะไรกันต้องสิ้นกระแสความ
ถ้าไม่สิ้นประแสความก็งดพูด


เพราะเวลา  ไม่มี  ไม่พร้อม  ขัดข้อง
เรางดดีกว่า
คือไว้ทีหลังเมื่อมีเวลาจึงค่อยพูด
อันนี้สำคัญมาก
 จึงให้สิ้นกระแสความเมื่อทำอะไร
หรือไม่ทำ เพราะเป็นสาเหตุให้เข้าใจผิดกันได้
มันไม่ดีอาจจะบาปด้วย
ไม่มีเจตนาแต่มันนิ่ม
 แต่มันสื่อสู่การเข้าใจผิดได้ทีหลัง
ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้
รู้บอกว่ารู้
แสดงเหตุผลทันที
เป็นคุณสมบัติอันดีเยี่ยมสำหรับคนยุคใหม่นี้
ผมว่าอย่างนั้น
และถือว่าบล็อกนี้มีนโยบายเช่นนั้น


คือเพิ่มเติมเรื่องม้ากาบกล้วย
กล่าวคือ
ทางกล้วยนำมากรีดใบออก
แล้วด้านหัวนำมาทำเป็นหัวม้า(ต้นก้าน)
ด้านปลายทางก้านกล้วยทำเป็นหางม้า(ปลายก้าน)
ส่วนตอนกลางหัวถึงท้ายกรีดใบออกมาเหลือแต่ทางใบกล้าว
ใช้เชือกปอหนึ่งเส้นผูกด้านหัวด้านหาง
พอดีสำหรับเด็กคล้องบ่าได้
แล้วเวลาใช้


ใข้คล้องบนบ่าเด็ก
ใช้ขาคร่อม
เด็กทำท่าเหมือนขี่ม้าแข่ง
แล้วเด็กใช้ขาแทนล้อเดินหรือวิ่งก็ได้
ส่วนกระเป๋าโรงเรียนที่ถักด้วยหญ้ากระจูดมีหนังสือเรียน
เรื่องเด็กหญิงเรณูเด็กชายปัญญา
และตำราภาษาไทย
เรื่องนายมีจับตานาอะไรทำนองนั้น
พกนำพามาโรงเรียน

ผมลืมไปแล้วขอโทษที
แล้วก็สนุกกับการไปโรงเรียนด้วยม้ากาบกล้วย
ผมไม่ไดรับอนุญาตให้ไว้แกละหรือมีจุกจากตาและยาย
ตอนเข้าโรงเรียนอนุบาลของประชาบาลชั้นเตรียม

ส่วนน้าที่ไปส่งโรงเรียนถือข้าวห่อมีปิ่นโตเดินตามหรือเดินเคียงข้างสุดแท้แต่
ผมมจะขี่ม้ากาบกล้วเดินหรือวิ่ง
ตามประสาเด็ก


เมื่อมาถึงโรงเรียนเอาม้ากาบกล้ายวางพิงไว้ที่ครูอนุญาต
มีกติกาห้ามไม่ให้ใครไปเล่นของเพื่อน
นี่คือฉากหนึ่งของชีวิตนักเรียน

เด็กมีความสำคัญมากต่อมา
มีวันระดับชาติสำหรับเด็กอีกด้วยยังมีมาจนถึงปัจจุบัน
เด็กดีวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า
คำขวัญนี้ได้ยินเสมอ
สมัยปฐมวัยที่ รร.ประชาบาลนี้ผมไม่มีกิจกรรมอะไร
ไม่เหมือนตอนสมัยตอนเป็นเด็กประถมปลาย


ผมมีกิจกรรมประกวดระดับจังหวัด
แต่งแฟนซีเป็นชุดคนเจ็บ
จากหัวข้อเกิด แก่ เจ็บ ตาย
เพื่อนที่เป็นอธิบดีตอนนี้ท่านเล่นแต่งแฟนซีเป็นเนคนแก่
ปรากฏว่าปีนั้นได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัด
ผลการตัดสิน
เมื่อมีการประกวดประจำปี


และตอนนั้นผมอยู่คนละโรงเรียนที่ชอบขี่ม้ากาบกล้วยไป รร.
ตอนประกวดแฟนซีผมอยู่ รร. ราษฎร์ซึ่งต้องจ่ายค่าเทอม
ปักตัวอักษรสีน้ำตาลที่อกเสื้อนักเรียน
อักษรย่อโรงเรียน


และเมื่อผมโตขึ้นมีกิจกรรมพิเศษมาก
ตอน มหาวิทยาลัยปริญญา
ที่หนึ่งได้รับเลือกให้เป็นขวัญใจคณะติดต่อกันหลายปี
จนต้องเอาออก
และเป็นรองหัวหน้ารุ่นชั้น

เมื่อมาทำปริญญาใบที่สองผมได้เป็นประธานรุ่นคือหัวหน้าห้อง


นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในประเทศไทยตอนเรียนหนังสือ


แต่ตอนอยู่อังกฤษเรียน ม.ปลาย  หรือ เอ เลเวล
ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าชั้นวิชาเศรษศาสตร์ และเป็นรองหัวหน้าชั้นวิชารัฐธรรมนูญอังกฤษวิชารัฐศาสตร์
เพิ่มอีกนิด

ประเทศอังกฤษเขาไม่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็น
ลายลักษณ์อักษรเหมือนของไทย
ผมจำได้เท่านี้
คิดอะไรได้อีกจะมาบอกให้ฟัง
คือต้องชัวร์ด้วยฮะมิใช่่มั่วนิ่มอะไรอย่างนี้

กลับมาที่บ้านตาๆให้ท่องหนังสือทุกวัน
ในวัยเรียนต่อหน้าต่อหน้าแสงตะเกียงน้ำมันก๊าด
ขึ้นเสียงดังตามใจชอบที่บ้านญาติอีกแห่งเขาเอาอย่างดังๆเหมือนกัน
แข่งกันท่องเสียงดังแต่ไม่เห็นหน้ากันสนุกมาก
ประสานเสียงกันแข่งกันดัง
บ้านอยู่ห่างกันครึ่งกิโลเมตรติดข้างเขาเช่นกับบ้านอานองเต
เมื่อท่องเสร็จได้กินตังเมร้อนกับน้ำชาเป็นรางวัล(ตังเมคือน้ำตาลปึกที่ตำน้ำพริกขาพาไปกวนจนข้นด้วยไฟกระทะ
แล้วเทใส่กาบกล้วยปล่อยอุ่น แล้วนำมาเสิร์ฟกันกิน)
หมายเหตุโรคฟันชอบต้องแปรงฟันหลังกินตังเมเสร็จแล้ว


ตามีคำสั่งพิเศษ
ให้ท่องชื่อนาสมสกุลตนเองและที่อยูเลขที่บ้านที่บ้าน
ให้จำได้ขึ้นใจ
เผื่อพลัดตกหลงทางจะ
ได้มีคนมาส่งบ้านถูก

ผมเคยอยู่กับตาตอนเล็กๆ
ตาเคยปรารภจะพาผมไปไว้ที่สำนักเด็กกำพร้า
ที่สำนักแม่ชีวรมัย กบิลสิงห์  จังหวีดนครปฐม
ท่านบอกรับนิตยสารวิปัสสนาบันเทิงสารของสำนักนี้ด้วย
แต่ผมได้ย้ายไปอยู่กับพ่อเสียก่อน ๆตาพาไปให้ รร. เด็กกำพร้า
อยู่บ้านเด็กำพร้าของผมจึงดไปผมเป็นเด็กกำพร้าเทียมตาถือว่าอย่างนั้น

แสดงว่าตารู้อนาคต
ว่าผมเป็นเด็กต้องมีความอบอุ่นจากพ่อแม่
เป็นสำคัญเมื่อเราเป็นเด็ก

เห็นความสำคัญของการเป็นลูกในวัยเด็ก
ควรอยู่กับพ่อแม่มิใช่คนอื่น

ครั้งหนึ่งตอนที่พ่อแม่ทะเลาะกันขึ้น
มีเรื่องถึงกำนัน
มีศึกแย่งชิงผม
ท่านกำนันตัดสินให้ผมไปอยู่กับแม่เพราะผมยังเล็กมาก

อีกหลายสิบปีต่อมาผมได้แวะไปเยี่ยมตาเพราะตาป่วยเป็นวัณโรค
ท่านถามผมว่าเรียนอะไร
ผมเงียบและอมยิ้ม


ท่านให้ผมอ่านภาษาอังกฤษฉลากยาที่ท่านกินประจำ
ผมอ่านได้แปลได้
ท่านคงไม่รู้ว่าผมแปลถูกหรือผิดเพราะท่านไม่รู้ภาษาอังกฤษ
แต่ท่านรู้ตรงเวลากินและใช้
ท่านจึงรู้ว่า
ผมว่าถูกผมแปลถูก
ตาให้รางวัลหนึ่งร้อยบาทเงินเก่า
มีรูปแรกนาฝันหลังธนบัตร
ตอนลาจากกัน


ท่านบอกว่าเรียนแล้วไปเรียนต่อต่างประเทศ
ผมตอบว่าครับ


สมัยก่อนน้ำหวานยาธาตุเด็กจากอังกฤษโดยตรงที่ผมกิน
แม่ซื้อมาให้ผมทานจากร้านเพื่อนขายยาในตลาด
ผมกินประจำ
ยานี้ชื่อยวอเตอร์บิวรรี่ชวดใสสลากสีขาว


นมตราหมีผมได้กินทั้งกระป๋องอลูมีนเนียมชนิด
ผงและกระป๋องเล็กและนมข้นหวานตราเด็ก


ส่งตรงจากนอกเป็นสินค้าส่งมาทางเรือเพื่อขายให้คนไทย
มิใช่บริษัทต่างประเทศที่ผลิตในประเทศไทยหรืออื่นๆ เหมือนปัจจุบัน

ทุกอย่างมาจากนอกหมด
ไม่ว่าอุปกรณ์อะไที่ต้องซื้อเว้นสมุนไพร
สมัยก่อนที่มีแพร่หลายในเมืองไทยขณะนั้น
ที่บ้านอานองเตใข้ของนอกเป็นสิ่งจำเป็นเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าฐานะดีใช้จึงใช้ได้ เพราะตอนนั้นไทยยังไม่ผลิตอะไรเอง

ไม้ฉำฉา ลังที่ใส่อุปกรณ์มาจากนอกที่ไทยสั่งของมาใช้
ไม้เหล่านี้ตาชอบไปขอซื้อที่ตลาดมาทำอะไรเล่น
พบว่าปลวกมอดไม่กิน เบาและทนไม่เหมือนปัจจุบัน ไม่ทนปลวกทนมอด
เขาบอกว่าถ้าเรือทะเลบรรทุกของอับปางกลางมหาสมุทร
กล่องไม้ฉำฉาจะลอยน้ำได้ดวย

ตาเคยไปเอาระเบิดที่ยังไมะเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาเล่น
มันตกที่สถานีรถไฟใกล้าบ้านอานองเตหนึ่งชั่วสถานีระยะทาง
ตาขออนุญาตทหารแล้ว
ตาบอกว่าจะพาไปผ่าดินปืนออก
ในระเบิดปลดชนวนแล้ว
เอาดินระเบิดออกแล้วพาเหล็กหุ้มระเบิดไปทำระฆัง
ดินในปืนระเบิดเป็นสีขี้เถ้า
เหล็กหุ้มระเบิดหนาพอประมาณใช้เลื่อยตัดเหล็กผ่าตัดออกเป็นสองซีก
ตาทำด้วยมือ

พบว่าเมื่อลูกระเบิดผ่าออกได้ระฆังตีดังดีมาก สองใบ
ใบหนึ่งถวายวัด(ปกปิด)ไปในต่างอำเภอ
อีกใบหนึ่งถวายสำนักสงฆ์(ปกปิด)ป่าช้าเก่าในพื้นที่หมู่บ้านอานองเตเดียวกัน
และระฆังระเบิดนั้นยังคงใช้มาจนทุกวันนี้ที่วัดสองแห่งนั้น
ตีเพราะดังดีมาก
ดีกว่าระฆังที่เขาหล่อออกมาขายเพื่อ
ชุดซื้อถวายวัดเสียอีก

ผมรู้แล้งก็อนุโมทนา
เพราะการอนุโมทนา
ถือว่าได้บุญ
แม้ตนเองจะไม่ได้ทำตามคติของศาสนาหนึ่งด้วยมือและเจตนาของตนเองก็ตาม

ต่อมาตาตายอย่างสงบและศพท่านฝังไว้ที่สุสานข้างเขาบ้านอานองเตนั่นเองที่บ้านอานองเตเก่า
ตามประเพณีจีนคือทำเป็นฮวงจุ้ย
ยายแม้เป็นไทยแท้ ๆ ตาดำๆ เหมือนแขก ก็ทำไว้ด้วย
และเมื่อยายตายก็ฝังไว้มี่เดียวกันติดกันเป็นแบบคนคู่

ตาเคขไปกับผมไปรับเอาเด็กมาเลี้ยง
เด็กการเอาเด็กทารกใกล้บ้านอานองเต
ห่างกันหนึ่งกิโล
ตานำมาอุปการะเลี้ยงจนโตแล้วปล่อยไปเป็นเด็กผู้ชาย
เด็กคนนี้
เพราะพ่อแม่เขาตายท้องกลมเกิดรอดหนึ่งตายหนึ่ง
คนรอดตารับมาเลี้ยงดูให้
เป็นเด็กผู้ชาย


ตามีลูกชายสองคนแต่ตายไปเมื่อตอนเด็ก
มีศักดิ์เป็นน้องแม่
นอกนั้นเป็นลูกสาว
แม่ผมเป็นคนโต
 คนสุดท้องเกิดเมื่อตาและยายมีอายุมากแล้ว

ผมเป็นคนเลี้ยงดูน้าคนเล็กคนนี้ตลอเวลา
ในระดับพี่เลี้ยงเมื่อตอนเด็กที่สามารถกระเดียดเด็กด้วยกันได้
อันนี้เลี้ยงให้ฟรีเป็นเจตนามนุษยธรรมของตา
เลี้ยงพร้อมกับเด็กกำพร้าที่ตาเอามาเลี้ยง
แต่เด็กกพำร้าที่ตาเอามาเลี้ยงนั้นมี
พี่เลี้ยงเป็นผูหญิงวัยใกล้เคียง
กับผมเป็นลกสาวของน้องตาเอง
ที่ถูกนำมาฝากให้ตาปลูกฝังคุณธรรมให้
มาจากจังหวัดเพชรบุรี


ตามีเมียเดียวและยายมีผัวเดียว
ตอนตามีชีวืตแก่วัดและเคยได้เป็นมัคนายกหรือมัคทายกวัดใกล้เคียงบ้านอานองเตอีกด้วย
ตาพูดภาษาไทยเขียนไทยได้ดีมาก
เหมือนคนไทยทุกประการ
แม้ตาเชื้อจีนและพูดภาษไฮหลำได้ดีเยี่ยม แต้จิ่วก็พูดได้
แต่ภาษาเขียนจีนไม่เคยเห็น

แต่ภาษาเขียนของตาไม่เคยเห็น
ตาเคยเรียนภาษาขอมและตามีความรู้อ่านภาษาบาลีได้
เคยท่องจำและเรียนพระปาฏิโมกข์
อนุสรณ์ตาทิ้งไว้ให้ผมคือไม้คือไม้สามง่าม
ที่ใช้นสวดข้าวนาที่แห้งแล้ว
อันที่มีลักษณะเราเห็นเป็นอาวุธของเทพเนฟจูน
เก่ามากเหล็กอย่างดี
ไม้อย่างดีมอดปลวกไม่กินสนิมเกาะไม่กร่อน
ผมมอบให้พิพิธภัณฑ์
เพราะกลัวจะสูญหาย


สิ่งเดียวที่ตาเหลือมาเป็นอนุสรณ์และตกทอดมาถึงผม
ตาสวดมนต์แบบพระเก่ง
เคยบวชสองครั้งและตอนบวชอบธุดงค์ไปทั่วไปหมดแม้ปะเทศเพื่อนบ้านตายังเคยไป
ผมไม่กล้าถามว่าไปไหนทำอะไรมาบ้าง

ยายตอนป่วยผ่าตัดตาที่ รพ.ศิริราช
ผมไปเยี่ยม ตอนนั้นผมเป็นสามเณรอยู่ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ
ยายได้รับเกียรติให้ไปพักฟื้นที่
ขณะอยู่ที่กรุงเทพฯ
ที่ใต้ถุนเรือนภริยาขุนนางไทยท่านหนึ่งระดับคุณพระ(ปกปิด)
และยายเคยไปอยู่กับผมเป็นเพื่อน
ที่บ้านของขุนนางไทยระดับคุณหญิงภริยาท่านพระยาท่านหนึ่ง(ปกปิด)
ที่ซอยกุเชเช่ ถนนสีลมเพราะไปอยู่นอนเป็นเพื่อนผม

ขณะผมะมีธุรกิจยุคทำงานกับฝรั่ง
วันนี้เอาเท่านี้ก่อน
เพลงยังไม่จบดีของ โมซาร์ตThe Best of MozartSmiley
HALIDONMUSIC
HALIDONMUSIC 



Create Date : 01 กรกฎาคม 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 21:56:09 น.
Counter : 640 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends