All Blog
j147 ภาค2 (มีอ้างอิง)


 j147





ผมฟังเพลง

Relaxing Piano Music: Romantic Music, Beautiful Relaxing Music,
 Sleep Music, Stress Relief


























ผมพบคำหลายคำตีความยากเพื่อความเข้าใจตรงกัน
เพราะบางคำได้กลายมาเป็นภาษาสากล ผมไม่อยากอุตริไปตีความด้วยตนเอง
แม้จะมีภูมิปัญญาให้ตีความบ้าง


คือเป็นผู้ตามดีกว่า
ไม่ต้องมีปัญหาและปวดหัว
แต่ถ้าบางอย่างจำเป็นก็จะทำ
เท่าที่มันถูกและเป็นตรรกะ
ที่พึงประสงค์

คือคำหลายคำเริ่มเพิ่มขึ้นมาเป็นนิยามตลาด

ที่มี่ใช้กันดาษดื่นแต่บางครั้งไม่รู้ว่า
มันสื่ออะไรกันแน่



แต่บางครั้งผู้ด้อยปัญญาหรือระดับ"ข่อย"

มันบ่อฮู้
คือ
"เปิ้ลบ่อฮู้"

คืออ้างคำนี้แบบทารกอ้าง

เราหมดสิทธิ
เข้าไปเอาผิดตรงๆ



แต่กฏหมายไม่ละเว้นเท่าที่ผมเห็น
สิ่งสากลทุกคนต้องรู้เช่น ลัก ฆ่า..หลายอย่าง
ทั้งชนิดเทียมและไม่เทียมคำ


 แต่หลักการนี้
เราสามารถเอาความง่ายเข้าว่า
ตือมีคุณธรรมประจำตัว
ในสันดานเป็นตัวขี้นำและวัด
ไม่ใช่เกิดเอง
หรือคิดมาเอง
เอาที่สังคมส่วนมากยอมรับ





เช่นที่
ที่เรียนรู้เรียนทราบเรียนตามมาจาก

มาจากศาสนา
หรือ มหาลัยหรือ รร....

คุณธรรม จริยธรรมในระดับนี้

เราก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้



ตอนนี้ผมเองไม่เข้าใจคำเหล่านี้
ผมนำคำนี้มาใช้คือคำว่า "ฮั้ว"
เพราะมพบว่า เผ่ากิยองตินมีการใช้ตัวนี้
กับสถานการณ์ที่บ้านอานองเต


เผ่าดิบองจิบอกผมมา



คือว่าเมื่อ
ในทัศนะของผม


เมื่อโลกมันกลมดิ่งวิ่งอย่างกลมชัดและเห็น
จนตาคนในยุค ไอ ทีสามารถมองเห็น
ได้จริงตามที่คิดคาด



จะพบว่ากฏหมายมีคำว่า
"การชดใช้ค่าเสียหาย"
ทางสงครามเรียกว่าปฏิมากรรมสงคราม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ค่าปฏิกรรมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หมายถึง การจ่ายค่าทดแทน การถ่ายโอนทรัพย์สินและเครื่องมือซึ่งเยอรมนีถูกบังคับให้กระทำภายหลังจากสนธิสัญญาแวร์ซาย ภายหลังจากความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยมาตรา 231 ว่าด้วยความผิดฐานเป็นผู้ริเริ่มสงคราม เยอรมนีและพันธมิตรถูกบังคับให้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความสูญเสียของฝ่ายพันธมิตรทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากสงคราม และจำเป็นต้องจ่ายในรูปของค่าปฏิกรรมสงคราม

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1921 คณะกรรมการค่าปฏิกรรมสงครามระหว่างฝ่ายพันธมิตรประกาศจำนวนเงินทั้งหมดทึ่เยอรมนีต้องชดใช้คิดเป็น 269,000 ล้านมาร์ก (ทองคำบริสุทธิ์ราว 100,000 ตัน) หรือคิดเป็นกว่า 23,600 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งคิดเป็น 785,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามค่าเงินในปี ค.ศ. 2011[1]) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากในยุคนั้นมองว่ามากเกินกว่าจะยอมรับได้[2] จำนวนเงินที่เยอรมนีต้องผ่อนชำระในแต่ละปีได้รับการลดลงใน ค.ศ. 1924 และใน ค.ศ. 1929 จำนวนเงินที่ต้องชำระทั้งหมดได้ลดจำนวนลงมากกว่า 50% การผ่อนชำระยุติลงเมื่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แห่งพรรคนาซี ก้าวขึ้นสู่อำนาจใน ค.ศ. 1933 โดยมีการชำระค่าปฏิกรรมสงครามไปแล้วหนึ่งในแปดของทั้งหมด[2] การผ่อนชำระงวดสุดท้ายมีขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ตรงกับวันครบรอบยี่สิบปีการรวมประเทศเยอรมนี[2]

อ้างจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%...


นั่นก็คือเมื่อละเมิสิทธิอื่นที่ไม่ถูกต้อง
มีการชดใช้เกิดขึ้น
 แม้ทางตราทางอ้อมทางลับางสะดวกสุดแท้แต่



เช่น

สงครามโลกเคยมีตัวอย่างนี้ในสมัยสงครามโลก

ผมจะไม่กล่าว


แต่กรณีการล่าเมืองขึ้น
ของเมืองมหาอำนาจในอดีต
เช่นอังกฤษ ฝรั่งเศส...
เกือบทั่วโลกดั่งที่ทราบโดยประวัติศาสตร์การเรียนรู้มา


นั้นเคยทำต่อพวกสู้ไม่ไหวแพ้และยอมตกเป็นเมืองขึ้น
จะด้วยเหตุใดก็ตาม

เ้ดยเหตุผลบางอย่าง
ของปัญหาการเมืองสากลในอดีต




สิ่งที่ตามมาเขา
จากการนี้


คือการชดใช้เกิดมาในรูปความช่วยเหลือจากประเทศล่าอาณานิคมเหล่านั้นขึ้นมา


ตามมาเมื่อสองร้อยปีพันปีก็ได้
รวมทั้งย้อนยุคไปอีกด้วย
ที่ผ่านไป

คิดว่า

องค์การ  ยู.เอ็น   ก็ดี 
องค์กาต่างๆก็ดี
เกิดขึ้นมาในการชดใช้
ช่วยเหลือกลับ

โดยทั้งทางตรงและทางอ้อม


ให้ผู้เสียหายโดยไม่ต้องร้องขอ
หรือเดินขบวนเรียกร้อง
เพราะชาติล่าเมืองขึ้นเหล่านี้มีคุณธรรมและจริยธรรม



ต้องยอมรับว่าหลายอย่างที่เห็น
ในโลกปัจจุบันอยูกันได้อย่างเป็นสุข

เพราะคุณธรมของตัวนี้
จากประเทศเหล่านี้

แต่ต่อมาการสัญญาชดใช้
จะมาในรูปของสัญญาระหว่างกัน
ไม่ว่าทำอะไรอย่างไรที่ไหน

มีสีญญากันเป็นต่างตอบแทน
อย่างเป็นธรรม
ที่เห็นได้ทั้งสองฝ่าย

หมือนการทำสงครามโลกนอกระบบในระบบ
บนโต๊ะกลม  โตะ๊สี่เหลี่ยม หรืออื่นใดเหลี่ยมที่จัดมีไว้
ก็ได้


ว่าอย่างนั้น


ผลคือความดีและคุณธรรมนั่นเอง
สามารถคงโลกไว้ได้อย่างงดงาม



หมายความจะทำอะไรต้องมีขื่อมีแป
มิใช่ทำ
ตามอารมณ์ส่งเดช
อันนี้สงเคราะห์เข้ากับสังคมมุษย์



ที่ต้องรับผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่มีทำ
และสิ่งที่เกิดขึ้น

เช่น

คนทำความชั่วมีสัญญาไว้ว่าต้องมีโทษ
และเมื่อขืนทำลงอีกหลังสัญญา
แล้ว
ก็รับโทษตามสัญญาอะไรอย่างนี้




เมื่อเราทกคนทำใจได้อย่างนี้แล้วก็อยู่อย่างกันชื่นมื่น
ว่าอย่างนั้น
อันนี้ผมว่า


สำหรับเรื่องการฮั้วนี้

ผมนำมาพูดเพราะมองเห็นภาพที่บ้านอานองเต
เมื่อผมมาดูและสังเกต


พบว่ามีการฮั้วเกิดขึ้นไม่มากก็น้อบในหลายรูปแบบและมุมมอง

ที่ตาผมเห็น
แต่ปากปิดไว้เฉยๆ
มีปัญหาอะไรให้ทนายดูให้
และทำใจเป็นชาติทหารกล้ามองกล้าคิดกล้าสู้
กล้าปะติดปะต่อเพื่อชาติสังคมและตนเอง



และในทางทางตรงทางอ้อมทั้งรู้ตัวไม่รู้


ไปจนถึงมีปมเผ่ากิยองตินฆ่าพ่อแม่ผม

เพื่อจะได้ครอบคริองผมและเดินแผนต่อไป
เพื่อฆ่าผมอย่างเลือดเย็น

เช่นใช้นโยบายสะเทือนอารมณ์ผมต่างๆนานา
ให้ผมขาดสมาธิในการดำรงชีวิต
หรือท้ายสุดทำผมให้เป็นหุ่นกระบอก

ด้วยวิธีการสะกดจิต


เพราะผมไม่สนองตอบ
ต่อผลประโยชน์ที่
เผ่ากิยองตินเขาจะได้รับตามคาด


สงสัย

ผมสงสัยเรื่องนี้
ต่อมาผมวิเคาระหในรายละเอียดต่อไป
เพื่อสานต่อและขยายความต่อไป


แต่ว่าอันนี้เป็นนวนิยาย
ที่แต่งขึ้นมิใช่สถานการณ์จริง
แต่เป็นสถานการณ์สงสัย
และลองจำลองขึ้นมาดู



อย่างไรก็ตาม
เพราะผมพบมีคราบเลือดโดยนัยเปรียบเทียบ
ที่น่าสนใจติดอยู
ในความทรงจำ
ที่ผมหวนรำลึกได้
แล้วพามาปะติดปะต่อเป็นเรื่องเป็นราว

ขึ้นตามสูตรพิสดาร



ผมมีสิทธิสงสัย
แม้เป็นคนธรรมดา
ถ้าฟ้องต่องมีหลักฐาน
พยานพิสดาร


และที่ธรมดาทกอย่างก่อนส่งขึ้นศาลได้
อันนี้ผทเทำความใจอย่างนี้

ก็ตำรวจก่อนจับคนร้ยก็สงสัยก่อน
และหาข้อมูลจนพบว่าเป็นไปตามที่สงสัยจริง
ก็จับตัวผู้กระทำผิดจริง
มาลงโทษได้สมคาด



แต่มิได้หมายความว่า
เป้นการป้อนหรือสร้าง
ข้อหาอะไรหรือยัดเยียดกัน

หรือใส่ความ


ให้เป็นผู้ผิดคล้ายหลักการ"ฮั้ว"ก็เปล่า


ถ้ามีหรือไม่มี
เราอาจจะคิดมากไปเอง จนเลยความจริง
หรือคิดน้อยไปเองจึงไม่พบความจริง

ถ้าคิดพอดีๆคาดว่าจะพบความจริงได้ในทกอย่างและสรรพสิ่ง







เพาะว่าทางออก
คือมีมือที่สามสี่ห้าเชิงบวก
มาช่วยแก้
ต่างอยู่แล้วในยุคไแอที

เหมือนกาตรวจสอบคนร้ายด้วย ดี.เอ็น.เอ
ผมจำได้ตัวนี้มาด้วยลายนิ้วมือ
ถ้าไม่ผิดเกิดจากความคิดอันอลังการของนักนิยายคนหนึ่ง
ผมคิดเอาเองก่อนอ้างอิง


ต่อมาจึง

สูตร ดี เอ็น เอ
สามารถนำสิบจนพบคนทำ
แทนการใช้กล้องวงจรปิดจับ
หรือเครื่องจับเท็จจับ
คนทำผิดเป็นต้น


สิ่งเหล่านี้มันสามารถ
นำมาสู่การควบคุมคุณธรรม
พฤติกรรมมนุษย์ในรุ่นต่อๆไปได้โดยอัตโนมัติ
แน่นอนและอย่างชาญฉลาดเหลือจริงๆว่าอย่างนั้น




ทางปรัชญาเรียกว่าการ  "สงสัย"คือธาตุของนักปรัชญา

จนกลายมาเป็นทัศนะ
เมื่อสงสัยมากขึ้นเลยกลายเป็นสูตรปรัชญาตามมา

ทุกอย่างเกิดจากการสงสัย

สายวิทย์เจริญขึ้นมาเพราะถูกสงสัยก่อน

เพราะฉะนั้นผมว่า


การสงสัยจึงเป็นสิ่งดีงาม
ที่เกิดขึ้นในกรอบ

เว้นการทำนอกกรอบ
เช่นไปแอบดูเขาพลอดรักยามปลอดงาน
อย่างนี้เรียกว่าสงสัยนอกกรอบ



การฮั้ว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การฮั้ว หรือภาษากฎหมายเรียก การสมยอม (อังกฤษ: collusion) คือ การตกลงกันระหว่างบุคคลสองฝ่ายหรือกว่านั้น ซึ่งบางครั้งเป็นการผิดกฎหมายหรือเป็นการลับ เพื่อจำกัดการแข่งขันอย่างเสรี โดยวิธีฉ้อฉล ชักนำให้สำคัญผิด หรือหลอกลวงเกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมาย หรือเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ซึ่งกฎหมายห้ามไว้ โดยวิธีฉ้อฉลหรืออาศัยความได้เปรียบโดยไม่เป็นธรรม มักปรากฏในระหว่างกลุ่มองค์กรหรือบุคคลเมื่อแบ่งส่วนตลาด กำหนดราคา จำกัดการผลิต หรือจำกัดโอกาส[1] วิธีฮั้วอาจรวมถึง การกำหนดค่าแรง การชักค่าจ้างไว้ หรือการแถลงเท็จซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฮั้วทั้งหลาย[2]

คำ "ฮั้ว" ในภาษาไทย มาจากคำ "围" ในภาษาจีน ซึ่งอ่านว่า "เหวย์" (wéi) ในสำเนียงกลาง และหมายความว่า รวมหัวกัน



อ้างจาก:https://th.wikipedia.org/wiki/



และในบทนี้ผมเริ่มเอาสิ่งแปลกแหวกแนวแต่ถูกต้องศีลธรรมมาสอดแทรกไว้ด้วยมิใช่เรื่องลามกอนาจาร

หรือที่หวงห้ามเช่น

เรื่องการใช้ชีวิตทางเพศที่ดีเป็นต้น เพิ่มเติมเข้ามา

แต่ตอนนี้ยังไม่พบอะไรน่าสนใจจึงต้องรอ

เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน


จาก

นวนิยาย

เรื่อง

บ้านอานองเต















Create Date : 12 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 13 มกราคม 2561 4:17:33 น.
Counter : 712 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends