All Blog
j130นวนิยายเรื่อง บ้านอานองเต่j130มีบทอ้างอิงประกอบ




Smileyj130


นวนิยายเรื่อง
บ้านอานองเตj130



เพลงครับเพลงผมต้องฟังเพลงก่อน
ก่อนที่ชีวิตผมจะเบิกบาน
เหมือนดอกดาวเรือง

มันเป็นปัจจัยที่ห้าเสียแล้วผม
ปัจจัยที่หนึ่งสองสามสี่คือ
ที่นอน ที่กิน ยา
 อะไรอีกอันผมจำไม่ได้เสียแล้วขอโทษที



the best of Latin Lounge Jazz,
Bossa Nova, Samba and Smooth Jazz Beat
- 20 Greatest Hits
Latin Jazz - All the Classic Jazz Songs from Brazil,
Cuba, Mexico and More ...
Soft Jazz Sexy Instrumental Relaxation Saxophone
Music 2013 Collection
Cesaria Evora Live D'amor 2004 (Complete Concert)
















คำแก้



ข้อแก้บทที่แล้ว
บทวรรณกรรมของผมบอกว่าหนีตำรวจและพ่อ
ฟังแล้วขัดกับความจริงของบ้านอานองเต
บางครั้งผมเผลอไป


เรื่องบ้านปู่ที่เมืองจีนพ่อเรียกว่าบางจีน
ถ้าไทยพ่อก็เรียกบางไทย



สมัยก่อนจีนท่านเมืองนี้
มันเป็นม่านเหล็ก
ยุคสงครามเวียดนามกำลังคึกคักในเอเซีย


หรือเหมือนหนังนิยายไผ่แดง

ผมว่านิยายที่ท่านคุณชาย
มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
ท่าน  บก. เจ้าของสยามรัฐ
ถ้าผมไม่ผิด


บทแทรก
หมายเหตุผมาแก้เพิ่มเติมตอนเขียนไม่มีเวลาว่างมีอ้างอิงดังนี้

ไผ่แดง เป็นนวนิยายแนวเสียดสีสังคม บทประพันธ์ดัดแปลงหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ในปี พ.ศ. 2497 โดยได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ เป็นตอน ๆ จนจบ และต่อมาได้นำมาตีพิมพ์รวมเล่มอีกมากกว่า 18 ครั้ง และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากกว่า 9 ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เวียดนาม พม่า เป็นต้น

ไผ่แดงดัดแปลงจากหนังสือชื่อ โลกใบเล็กของหลวงพ่อดอน คามิลโล (The Little World of Don Camillo) แต่งโดย โจวานนี กวาเรสกิ ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาอิตาลีเมื่อ พ.ศ. 2491

ไผ่แดงเป็นนวนิยายในแนวเสียดสีสังคมและการเมืองในสมัยที่การใช้นโยบายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น โดยที่ท่านผู้ดัดแปลงบทประพันธ์ได้ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้ง ปฏิกิริยาระหว่างกลุ่มคนต่าง ๆ ในลัทธิใหม่และลัทธิเก่า อุดมการณ์ทางการเมือง โดยรัฐบาลใช้นโยบายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างสับสนอลหม่าน โดยที่มีคำสั่งแปลก ๆ และพิสดารจากฝ่ายรัฐให้ประชาชนปฏิบัติ โดยที่ประชาชนเองยังไม่มีความรับรู้และเข้าใจในความหมายของคำว่า "คอมมิวนิสต์" เลยโดยเฉพาะในสังคมชนบทที่ห่างไกลจากแหล่งความรู้คือเมืองหลวงในสมัยนั้น

ไผ่แดง ได้นำมาเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2522



อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/ไผ่แดง  date as blog...post marked all reference note.

หมายเหตุ เรื่องเมื่อหิมะละลายผมหาไม่เจอในเนตถ้าเจอจะนำมาอ้างอิงแสดงทีหลัง


เขียนเอาไว้
ผมคิดว่างานเขียนดูเหมือนเป็นหมึกพิมพ์
ที่เปื้อนกระดาษ

แต่อ่านแสนสนุกเพราะสมัยก่อน
หาอ่านยาก

อะไรเกี่ยวกับม่านเหล็ก

ชื่อนั้นน่ากลัว
ผมเคยเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้
โดยการซื้อที่ตลาดนัดสนามหลวง
แต่ก่อนนี้


จากร้านขายหนังสือมือสอง

ผมกล้าหนีเข้าไป
ในเมืองจีน

ต้องสารภาพเพราะข้อมูลมันเป็นอมตะและล้าสมัย
ที่จะนำมาคิดในสมัยนี้
และมิใช่ผมอยากดังอะรัย
คือมีสาเหตุหลักอันหนึ่งด้วยที่ผลักดัน
คือผมโดนพ่อด่า

ผมจึงอยากจะไปฟ้องปู่ว่าพ่อด่าผม
พ่อชอบหยิกผม
ผมเจ็บว่าอย่างนั้น
จึงหนีไปหาปู่ที่เมืองจีน
ตอนนั้นระหวาางไม้เรียว
พ่อตีกับตำรวจมันคงเจ็บเท่าๆกัน
อารมณ์ตอนตัดสินใจหนีเข้าไปเยี่ยมปู่ที่จีน

ผมคิด



พ่อเขาตีผมเหมือนกันแล้วพ่อก็ร้องให้
แล้วเอายาทาแผลที่พ่อตีผมจนช้ำให้


ผมคิดว่าพ่อนี้บ้ารึป่าว
เพราะผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนราษฎร์
ชั้นเยี่ยม
ชื่อปกปิด
ที่พ่ออยู่

ตาพ่อของแม่พาผมมาฝากเข้า

ในกรณีนี้
ผมถือว่าผมเอง
เป็นปัญญาชนตัวน้อยๆ

ผมจึงมีสิทธิคิดว่าพ่อบ้ารึป่าว
เมื่อสิ่งไม่พึงใจผลุดขึ้นขึ้นมา
ว่าอย่างนั้น
ผมใช้สิทธิในความเป็นลูกเคารพพ่อ
จึงคิดในใจได้อย่างนี้


ต่อมา
แต่ผมได้ข้อสรุปเอง
ว่า
พ่อไม่บ้าเพราะถ้าพ่อบ้า
คงไม่ส่งเสียผมเรียน
จ้างคนซักเสื้อผ้าให้ขาวสะอาดแทนแม่ที่ไปบวชชี



แล้วให้ผมเป็นคนขึ้นมาแน่นอน

เพราะถ้าคนบ้า
ปกติจะไม่มีจิตสำนึกเป็นคุณสมบัติและ





และคนบ้าขาดความรับผิดชอบ
จะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าแม่ตามถนนถ้าเขาพบเจอ
ผมคิดว่า

คำไหนนอนนั้น
ไม่รู้จักกฎหมายและตำรวจ
ไร้ความสามารถหรือเสมือนตามกฏหมาย
ต้องมีคนอนุบาล
ทำนิติกรรมไม่ได้



ผมว่าอย่างนั้นนะ
 ไม่ทราบว่าถูกหรือผิด
ถ้าจะใช้เกณฑ์อะไรในเรื่องบ้านอานองเตนี้ผมแนะปรึกษาทนายก่อน
เพราะเรื่องนี้บ้านอานองเต

ที่ผมหมายถึงนี้

มันเป็นเพียงอาหารทางความคิด
เพื่อกินเพียงมื้อเดียว


และลืมไป









จึงและด้วย
ในเรื่องจีนวิทยานี้เอาละผมมาตรงนี้เลย
เพราะผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง
เมื่อหิมะละลาย

ของท่านนายตำรวจท่านหนึ่งระดับพันสมัยนั้น
เขียนไว้
มีตีพิมพ์ไว้เพื่อขาย

ขาย

ผมจำชื่อคนแต่งไม่ถนัด

ที่คือจำท่านไม่ได้ นามสกุล กูรมะโรหิต หรือสุชาโต
ไม่มั่นใจ


หนังสือเล่มนั้น
พายุมา
น้ำป่ามา
พาหนังสือปกแข็งเล่มนี้

ไปให้ปลวกกินหมดแล้ว
ผมเชื่อว่า
เพราะว่าผมทิ้งบ้านไปเป็นเวลายี่สิบปี


และ
เพราะท่านนายตำรวจคนเขียนหนังสือนี้
นี้เป็นหลานชายของ
แม่ชีท่านหนึ่ง
มีชื่อท่านหนึ่ง
ซึ่งเป็นเพื่อนอาวุโสของแม่ผม
ที่มาช่วยกันสร้างวัดสมัยหนึ่ง



และแม่ชีท่านนี้ท่านเอาติดตัวมาอ่านและทิ้งไว้กับแม่ผม
แต่แม่ผมไม่อ่านหนังสือนอกเวลาชนิดอื่นใดหรือนี้
เป็น

นอกจากตำราเรียนธรรมะ
เท่านั้น

ที่ต้องสอบแม่ผมจึงอ่าน








เพื่อนแม่ผม
ได้นำหนังสือนี้มา
คือติดตัวมา
ขณะมาอยู่ที่วัดป่าดังกล่าว
กับแม่ผม


ผมจึงได้อ่าน
เพราะชื่อน่าอ่าน
ตอนนั้นผมไม่รู้จักคำว่าว่าหิมะหรือเคยเห็นที่ไหนว่ามันคืออะไร



ท่านนายตำรวจสันติบาลท่านนี้ที่เขียนหนังสือนี้

ทราบว่าได้รับเชิญไปเที่ยวจีน
ผมเข้าใจอย่างนั้น

คือท่านเคยไปเยี่ยมเมืองจีน
และได้เขียนหนังสือนี้ขึ้นและต่อมาถูกพิมพ์ขาย
เพราะสมัยก่อนเมืองจีนใหญ่าเป็นเมืองลี้ลับ




แต่ผมไม่ได้เป็นสันติบาล
หรือสายสืบสำรองข่าวกรองอะไร
จุดไหนด้านไหนกับข่าวกรองกับใครนอกจากเป็นคนเฉยมีสังคม

หรือมิอะไร
อีกนอกจากนี้



ให้กับใครนอกจากรักสุขเกลียดทุกข๋
ตามภาษาคนทั่วไปที่ผมเป็นเท่านั้น

หรือเด็กทั่วไปเป็น





เพราะผมรู้ดีว่า

เรื่องการหาข่าวลับนี้อันตรายมาก
เมื่อถูกจับได้จะมีอะไรเกิดขึ้น
พบในหนัง

ผมจึงประกาศและแสดงเจตนาออกมาก่อนเลย
ผมไม่ได่้เข้ามาเมืองจีนเพื่อจะทำจารกรรม


ข้อนี้เอง

ผมจึงได้ใบผ่านด่าน
ชนิดหนังสือเดินทาง
สากลชนิดจำเป็น
สีขาว

เป็นภาษาจีนที่ผมอ่านไม่ออกแต่มีรูปผมติดอยู่


ที่ทำขึ้นที่เกาะฮ่องกงโดยตัวแทนคนจีนที่จะเข้าจีน
ที่เมืองท่าเก่าของอังกฤษ

ขณะที่หนังสือเดินทางผมระบุอาชีพ
ในหนังสือเดินทางของผม
ผมเป็นนักหนังสือพิมพ์
สมัยนั้นหนังสือเดินทางไทยของผม
ใช้ภาษาฝรั่งเศส
เป็นภาษาสากลในหนังสือเดินทาง

ของผม

เขายึดเอาไว้เป็นหลักฐาน
ที่ฮ่องกงก่อนเดินทางเข้าไปจีนใหญ่
ผ่านเรือไปมาเก๊า
จากมาเก๊าเข้าจีน


มันก็สนุกดี
เพราะได้เห็นของแปลก
เสียอย่างเดียว
ผมพูดจีนไม่ได้

พจนานุกรมคือเพื่อยากของผมครับ
พจนานุกรมจีนอังกฤษ
ที่ผมพอมีภูมิปัญญาขนที่
ฉลาดพอเพื่อซื้อแนบติดตัวไป


บริษัทอะไรผมจำไม่ได้
เป็นฝรั่งพิมพ์เล่มเล็กนิดเดียวผมชอบเล่มเล็กสีแดง

มันจึงทำให้ผมซื้อให้ได้
ผมเจอเข้า

ผมจึงชอบขึ้นมา
และซื้อติดตัวไปดวยเมื่อเข้าไปจีน
สมัยก่อนเขาเรียกว่าจีนแดง
แต่คนจีนตัวไม่แดงแต่ตัวเหลืองขาวญี่ปุ่น
ที่แดงคือว่า

ตอนนั้นเขาปกครองแบบคอมมิวนิสต์อย่างชนิดที่เขาเป็น

แบบสมัยก่อน
ผมเข้าใจอย่างนั้น
















เข้าไปเยี่ยมปู่
ที่เมืองจีนได้ด้วยโดยทางรถยนต์และทางเดินรถจักรยาน
ผมพบปู่สมใจ
และ
ไม่ผิดเหวัง


เพราะผมมีหู
หูผมคล้ายพ่อเด๊ะ


ส่วนหน้าผมคล้ายแม่เปี๊ยบ
ร่างกายผมบอบบางอ่อนแอ
แลมาเลเรียชอบ
ท่าทางผมเหมือนผู้หญิง
ท่าจะติดคุกคงตกใจตายเสียก่อน



ผมคล้ายกระเทยว่าอย่างนั้น


แต่ผมไม่ได้เป็นกระเทย
ไม่ว่าตอนนี้และตอนไหน
แต่ผมชอบเห็นกระเทยดี
เพราะผมเห็นกระเทยแล้ว
ผมรู้สึกได้อารมณ์
อมยิ้มในใจขึ้นมาทันทีทุกที



ผมเป็นคนธรรมดา
ไม่เป็นคนพิเศษที่่เดี่ยวนี้กระเทย
กฏหมายเขายอมรับกัน
ที่ผมพอจะทราบนิดนึง








ผมมีรูปถ่านอยู่ในเมืองจีนใหญ่
 พ่อเคยถ่ายให้และส่งไปให้
เพราะปู่ทางเมืองจีนเขาอยากเห็นหน้า
หลานชายของลูกชายคนโตของปู่คือผม
ปู่ผมแซ่แต้มีญาติที่ซัวเถา เกาะนี้มีเหล้าชื่อดัง


ปู่ต้องการรู้ว่าหน้าตาผม
หลานมันเป็นอย่่างไร
จำได่้ว่ารูปนั้นถ่าย

คนถ่ายลืมปรับเข็มขัดลูกเสือให้ผม
เข็มขัดลูกเสือ
หัวเข็มขัดมันปีนกัน

แต่ติดได้ที่สะดือผม
ผมใส่กางเกงเสื้อชุดนักเรียนมัธยมประถมสมัยก่อน
ปักชื่อ รร.  ชัดด้วยตัวหนังสือสองคำสองตัว
มีจุดระหว่างตัวอะไรเนี่ยะ
ผมจำได้แม่นมาก

เพระครูชอบเฃ้ามาเดินตรวจแถว

และเมื่อพบเจอ


นักเรียนทุกคนต้องดีและถูกในเรือง
ป้ายสองตัวอักษรสีน้ำตาล
อักษรย่อ  ชื่อ  รร.
ผมและทุกคนจึงจะได้รับอนุญาตให้
เข้าห้องเรียนได้


ตอนยืนเคารพธงชาติช่วงเช้า
ก่อนเดินคิวแถวเข้าห้องเรียน
ตามระเบียบชนิดไม่แตกฝูง






คือชื่อตัวอักษร

ชื่อ รร.สองตัวนี้สีน้ำตาลแน่นอน
ปักไว้บนหน้าอกเสื้อ
เสื้อสีขาว
อักษรนั้นต้องจ้างคนปักเฉพาะทาง
 รร.เขาไม่ทำให้

หรือมีเอเยนต์ รร.
อะไรคอยจัดแจงให้

เพราะเราทุกคนเป็น

ผมจำได้





กางเกงสีกากี
รร.กำหนดให้ใช้






ถักนูนตัวอักษรสีตัวหนังสือสีน้ำตาล








ต่อไป
ผมใช้ขาเดิน
และพกลมหายใจพร้อมด้วยความกลัว
และความหวาดระแวง
และความสนุกติดตัวเข้าไปด้วย
ส่วนเงินมีนิดเดียว

ตอนเข้าจีน
เพราะพ่อบอกว่า
เมืองจีนสมัยนั้นคนจีนไม่ค่อยชอบถูกเงินว่าอย่างนั้น
ใครมีเงินหลวงจีนเขาช่วยเก็บไว้ให้
ผมเข้าใจอย่างนั้น


และที่จริงผมก็มีเงินนิดเดียวติดตัวเข้าไปจีน
จริงๆ
พ่อไม่รู้ว่าผมจะมาหาปู่
ถ้ารู้คงจะให้เงินผมมา
หรือไม่อนุญาตให้ผมมาคนเดียว









การไปเยี่ยมปู่ที่เมืองจีน


อันนี้ขอแก้เป็น
ไม่ได้หนีตำรวจ
ด้วยเหตุผลตามสภาพที่กล่าวมา



เพราะผมมิได้
ทำผิดกฏหมายของตำรวจไทยหรือจีนเสียทีเดียว
ผมมีสถานภาพครอบครัวคนลี้ภัยสงคราวัฒนธรรมจากจีนโดยสัยชาติของพ่อ
ตามกฏหมายสากล และยูเอ็นโดย UNHCR
พ่อผมถือหนังสือต่างด้าวในไทยสีน้ำตาล
เสียภาษีให้ไทย
ชนิดคนต่างด้าวตลอดเวลา





แต่ในบางกรณี
ตอนนั้น
กรณีลูกครึ่งชาติของผม

ที่ผมยังเด็กอยู่
ผมรู้สึกว่ามีความปวดร้าวในชีวิตอย่างรุนแรง
ก็พอจะทำอย่างนั้นได้


คือไปหาปู่ที่จีนว่าอย่างนั้น
ผมจำได้ว่าตอนนั้นวันยผมต่ำกว่าเบญจเพศ

ว่าอย่างนั้น
ในการหนีพ่อไปหาปู่ที่จีน

นั้นผมคิดว่า
คือ

แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว
คือไม่เสรีที่จะทำทีเดียว
อันนี้ขอให้ท่านไปตีความเอาเอง



เมื่อผมได้สิทธิหลังถูกสัมภาษณ์
ผมมีสิทธิเข้าไปเมืองจีนไปเยี่ยมปู่แล้ว
เมื่อผมถูกสอบกับตำรวจอีกฝ่ายหนึ่ง
เชื่อว่าฝ่ายจีน
ตอนนั้น




เมื่อเขาไม่มีเหตุสงสัยว่าเป็นพฤติกรรม
ทางเมืองของผมนอกจาก
ปัญหาของเด็กน้อยและชีวิตชะตากรรมของผม


และเขาพบว่าผมไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไฝ่ใดจริง
ผมจึงมาในหัวข้อมีเหตุบรรเทา
ทั้งทางไทยและจีนหากมีปัญหาขึ้นมา
ทีหลัง


ถ้าเอาเครื่งจับเท็จมาจับผม

ผมก็ไม่มีอะไร

ว่าอย่างนั้น






แต่อันนี้สมัยที่กฏหมายเรื่องนี้

ยังไม่กำหนดรัดกุม
อะไรมาก
คือต่อรองกันได้
กล่าวคือมีเหตุผ่อนผันบ้างตามสภาพ
เหมือนคนตกเรือลอยแพกลางทะเลสากล
ว่าอย่างนั้น


แต่ผมขอแนะว่าต่อไปอื่นใดหรืออย่างไร
อย่าเอาอย่างผม


เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
เพื่อที่เราจะได้ตื่นตระหนก
คือไม่ต้องหวั่นกลัวกฏหมายอะไรจะเอาผิด
ถ้าเราไม่ฝ่าฝืนอะไรที่ไหนเสียแล้ว



ถ้าหากคิดว่าเรื่องประเด็นนี้

อย่างจะมี
หรืออยากจะมีเหตุบรรเทาอย่างไร
ก็อย่าหนีตำรจ


ถ้ามันมีปัญหากับตำรวจ

ก็คิดใหม่เสียว่า

อย่าไปทำมันเสียเลยดีกว่า
คืออดทนเท่า
นั้นที่ตัวเราเป็น


จนกว่าเขาจะพอนุญาตเสรีอะไรอื่นใดเราจึงทำ
ใช่ผมหัวอ่อนเพราะแม่ผมสอนไว้




จึงค่อยคิดค่อยทำ


แม้กรณีของผมนี้

เพราะมันก็จะผิดกฏหมายอย่างหนึ่งอยู่ดี
เมื่อผมได้มาอ่านเรื่องราวการไปม่านเหล็ก


แต่ผมก็จึงหลีกเลี่ยง
คือไม่หนีตำรวจ
แม้กระนั้น



และหลบหลีกไม่สมคบคิด
ทำผิดกฏหมายทั้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นดีที่สุดผมว่า

ผมว่าอย่างนี้


และผมจำได้ว่า

ขากลับจากจีน

ผมมีข่าว
ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์แห่งชาติ

ชื่อหนังสือพิมพ์ผมงดเปิดเผย

เพราะผมถือเรื่องทั้งหมดนี้เป็นละครและจึง
ค่อยปรึกษาทนายก่อนจึง
ค่อยเปิดให้ทราบทีหลัง
ไม่มีลีลา



คือสรุปปกปิด


และผมดังตอนนั้น
ทั่วโลกเลย

จากข่าวไทยและต่างประเทศ
เพราะเรื่องราวของผมแปลก



ดังเลยทีเดียวเพื่อนทำข่าวพาเรื่องของผมไปลง
หนังสือพิมพ์เขาคงคิดว่าหนังสือพิมพ์จะได้ขายดี
และเพื่อนจะได้ผลงาน
 เมื่อมีข่าวแปลก


ผมว่าอย่างนั้น

ผมจึงยอมให้เพื่อนไปลงหนังสือพิมพ์ดังกล่าว



และผมถูกสัมภาษณ์และถ่ายรูปลงหน้าปกหนังสือพิมพ์
ทั้งไทยอังกฤษ


 แต่ที่ดังตามข่าวขึ้นมา
ผมไม่ใช่อยากดังอะไร
คือตามสภาพ


เพราะสมัยนั้น
เรท่องม่านเหล็ก

มันอยู่ในช่วงอันตรายต่อสื่อและข่าวแพร่ในสมัยนั้น
เมื่อมีเหตุแปลกๆทำนองนี้เกิดขึ้น



และในการเป็นข่าวหรือสืบข่าวอย่างนี้


ในสมัยนั้น
มันเป็นสมัยสงครามเวียดนาม
ว่าอย่างนั้น
ทุกคนคงรู้ว่าอะไรก็อันตรายเสียหมด
เพราะ
ช่วงนั้น
มันมีสงคราม
สองขั้ว



ผมคิดอะไรออกอีก

จะเล่าให้ฟังเละขอปรึกษา
ทนาย
ถ้าทนายความเห็นชอบด้วย


ผมก็จะส่งขึ้นแท่นต่อไปอีก

แม้จะเป็นความจริงและเรื่องจริงสุดตามแต่
ในนิยายเรื่องบ้านอานองเตนี้



ที่เล่าออกไปแล้ว
จะไม่มีผลเสียต่อตนเองและผู้อื่น
นี่คือสารัตถะที่ผมยึดมั่น






เมื่อผมกลับมาถึงไทยแล้ว
ผมจำได้ว่า

ผมจึงต้องไปรายงานตัวกับตำรวจ
แสดง
เจตนารมณ์และเหตุผลและความบริสุทธิ์ในสมัยนั้น
ที่กรมตำรวจที่ปทุมวัน
ใกล้รพ.ตำรวจสมัยนี้

ว่าอย่างนั้น


และผมยอมให้ถูกตำวจสอบสวนตามกระบวนการ



การเสนอตัวเป็นพลเมืองดีของผม


และต่อมาผมก็ผมถูกปล่อยตัวเสรีต่อไป
เขาตำรวจไม่เห็นไม่กักตัวผมไว้
แม้เพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันสมัยมัธยม
ที่เป็นตำรวจสันติบาลอยู้ที่นั่นตอนนั้น
ก็ไม่เห็นติดใจถามอะไรผม
หรือจะคุยถามผมว่า

มีข่าวว่าไปจีนแดง
แล้วได้อะไรมาบ้าง










เมื่อเกิดเป็นคนต้องทำตนให้เป็่นคนปกครองง่าย
แล้วเชื่อว่า
เราจะมีความสุขที่สุดในชีวิต
ผมว่าอย่างนั้น




เพราะฉะนั้นอย่าเอาเยี่ยงอย่างผม
ที่ผมเป็นเช่นนั้นเอง
อยู่อย่างนี้


อย่างนี้ที่ที่กล่าวมาแล้ว



เพราะเรื่องราวของผมมันเป็น
กรณีบาดเจ็บทางใจอย่างมาก
และอาจจะเป็นกรณีเดียวในโลกว่าอย่างนั้น




ดูเหมือนจะมีพระเอกคือผมคนเดียวในโลกนี้
จริงเท่าที่ผมไปเจอมา
ในเรื่องบ้านอานองเตนี้
ที่เป็นผมว่ามา
เมื่อตรวจดู



เรื่องนี้เมื่อสืบประเด็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
มันเหมือนสมัยก่อนนี้
คนสูบกัญชากันได้บ้าง
กัญชาใส่แกงกับแล้วกินอร่อยเจริญอาหาร
คนผอมกลายเป็นอ้วน
คนขี้ขรึมเมื่อกินกัญชาข้าไปชอบนั่งอมยิ้มให้กับตนเอง
ผมคิดว่าอย่างนั้น






กัญาเขาว่าร่อยลิ้นกินข้าวได้
แต่ผมไม่เคยลองเพราะแม่ห้าม
ตอนนั้นกัญชายังไม่ผิดกฏหมายทีเดียว

 แต่มาสมัยนี้
อันเป็นสมัยหนึ่งอีก
กัญชาเป็นยาเสพติด
ใครมีหรือเสพติดคุกอย่างแรง


ว่าอย่างนั้น

ก็อีกละ


ก็ยังไม่ใช่ประเด็นนี้ทีเดียว

เอาเรื่องทำนองนี้

ลองให้เข้าจุด
โฟกัสมาให้ใกล้กับเรื่องของผมมากกว่านี้

ดีกว่า


เช่น
เรื่อง
คือกล่าวเรื่อง

การกินหมากพลูในไทย

อันที่จริงหมากพลูเป็นสิ่งผิดกฏหมาย
ตามตัวบท
ตามพะราชบัญญีติเช่นกัน


แต่คนแก่
ยังเสพหมากพลูกัน โดยกฏหมายตอนนี้ไม่เอาผิด
แม้ที่จริงผิดตามกฏหมาย
อันนี้มันอยู่ในกฏหมายชนิดหนึ่ง
ผมขออธิบายเท่านี้



แม้มันเป็นการทำความเข้าใจด้วยวิธีของผมเอง
เสียมากกว่า
แต่ผมว่ามันยังไม่เพี้ยนไป


ผมเพียงนำมาอ้างอิงเชื่อมโยง
เพื่อให้เข้ากันได้และเข้าร่วมกันได้เท่านั้นที่ผมกำลังทำ

เพราะการทำให้คนเขียนคนอ่านหนังนวนิยาย
ทั้งหมดที่กล่าวมา
ให้มีอารมณ์มาร่วมกัน
เรืองบ้านอานองเตมันก็จะได้

คลายเครียดได้ความรู้และสนุก
และคุ้มค่าที่เรามาพบกันครึ่งทางที่ไม่ได้นัดหมายนี้ได้

















เรื่องขอผมเข้าจีน
หนีพ่อไปจากไทยไปหาปู่ที่เมืองจีน

ก็เข้าทำนองนี้
ปมความผิดคล้าย
เรื่องคนแก่ไทยกินหมากพลู
ทั้งๆที่กฏหมายไทยกำหนดว่า

หมากพลูก็เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งที่ไม่ร้ายแรง








แต่วิธีตีความและล่วงละเมิดกฏหมายด้วยการตีความ
ตามความเห็นส่วนตัว
นั้นไม่น่าไว้วางใจ
ผมอาจขอแนะนำ
หรือว่าอย่างนั้นของผมเอง
หรือว่าตามนิยายมีสิทธิ์พูดไป


สรุปก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี

อันนี้นวนิยายเรื่องบ้านอานองเต
และผมที่เป็นพระเอกอยู่
ขอไปตามบทหนัง
จนกว่าไฟของผมจะหมด
แล้วทุกอย่างก็คงจบหมดลงด้วยดี



คือเมื่อผมไม่มีแรงเพื่อทำอะไรอีกต่อไป
ว่าอย่างนั้น
ก็จบ


แต่บทสรุปในเรื่องนี้ตอนหนึ่งนี้
ขอแจ้งให้ทราบว่า


ไม่มีนิยายหรืออุดมการณ์
ที่จะเห็นด้วยหรือส่งเสริมให้มีการกระทำผิดกฏหมาย
ในทุกกรอบแนวอื่นใดใดหรืออย่างไร

ที่ผมเป็นตัวพระเอกจะกำหนด
และในเรื่องนิยายบ้านอานองเตเรื่องนี้
จะเห็นด้วยแต่ประการใด

หากมีเหตุเชิงลบเกิดขึ้นในเรื่องบ้านอานองเตนี้
ต่อสังคมคนอ่านและคนติดตาม
  และถ้าถ้ามีอะไรผิดไป
และเป็นสิ่งไม่ชอบ



ไม่ว่าบทนี้หรือบทไหนในนิยายเรื่องบ้านอานองเตนี้
ก็ตามทีเถิด

แบบที่บางคนท่านว่า

ทำอะไรทำต้าแต่ผ้าอย่าเปิด
คือถ้าเปิดผ้า(ผ้าในที่นี้คือผ้าถุงที่คนนุ่ง)
กันแล้ว


ถือว่าเริ่มมีการละเมิดสิทธิ์ของกันและกัน



ว่าอย่างนั้น



จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน












พ่อทำสวนยางและสวนปาล์มให้เขาที่เป็นญาตกับแม่
ด้วยเหตุใดๆก็ตาม

ที่ผ่านมาในวาระแห่งชีวิต
ผมและวันวารที่ผ่านพ้นไป
ที่พ่อและแม่ผมได้ทำให้ญาติทุกคนตั้งตัวได้และรวยกันสืบต่อมา


ผมไม่ได้ไปอุดหนุนหรือช่วยเลย
ผมมิใช่ขี้เกียจหรือไม่เห็นด้วย หรือขาดเมตตาต่อเขาเหล่านั้น
หรือเห็นแก่ตัว



แต่ที่ผมไม่ช่วยพ่อแม่ทำให้เขา


เพราะผมคิดว่าต่อไปมีปัญหา
จากการที่
พ่อและแม่ผม
มีท่าทีอย่างนี้ต่อญาติและอื่นใดที่มีเกิดขึ้น
และ
ผมเชื่อว่า
ต่อไปมีเรื่องมีพิพาทต่อกันแน่นอน

ในช่วงผมรับมรดกเป้นต้น





เพราะว่าผมเห็นว่า
ทำงานแล้วไม่มีสัญญาล่วงหน้าเป็นหนังสือ
ต่อกัน
และมีพยานสองคนรับทราบ

ต่อไป
มีผลประโยชน์
เกิดขึ้น
จะมีปัญหา

และต่ามาพบว่ามีปัญหาจริง

ที่ผมกำลังประสบ



และท่าทีของพ่อและแม่ผมที่ผมรักและหวงแหน
ทั้งตามสูตรและนอกสูตร

ต่อมาผมพบว่า
ส่งผลให้พ่อแม่อายุสั้นลง
คือที่ท่านตายไวเพราะตรอมใจและเสียใจ

คงจะมาจากเรื่องนี้

คือเรื่องนิติกรรมสัญญา



จริงอยู่


เรื่องเงินผลประโยชน์อื่นใดใด
เมื่อมีเรื่องขึ้นมาอย่างใด
ก็ตาม


มันจะไม่เข้าใครออกใครว่าอย่างนั้น
มันเป็นตามธรรมชาติ


เพราะการตัดสินใจผิด

เมื่อคิดได้ก็สายเสียแล้ว

อันนี้เป็นปรัชญาที่น่าศึกษาและวิเคราะห์ในขีวิตและการจัดการของคน
วิธีเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ตนเอง
และคนอื่นได้
ต้องมั่นใจว่าเราระวังดีหรือไม่
พอหรือไม่



ก่อนที่จะทำอะไรลงไป

เหมือนดั่งว่า


เพื่อกันไว้ว่า
เมื่อเราคิดขับรถสู่ถนนหลวงนั้น
เมื่อใด

คือต้องพกมีสติติดตัว
และมีใจใฝ่ไม่ประมาทอยู่ด้วย
กับตัวเอง้เมื่อขับรถให้ใจไปกับรถ
ที่จะออกถนนหลวงหรือไม่
ถามตนเองเสียก่อนว่าอย่างนั้น





ถ้าคิดว่าไม่มีตัวนี้

อย่าคิดไปเลยถนนหลวง
มีหวังเจออุบัติเหตุแน่นอน


ต่อมาตามที่ผมคาดไว้เกิดขึ้นจริงคือ


เมื่อทำให้เขาไปอะไรก็ตาม
ต่อมา

ผมพบว่า

เขาทำลายหมด
ปาล์มที่เคยปลูกฝังลึก
ไว้อย่างดี

เขาขุดทิ้งหมด

แม้มีประโยชนฺแล้ว
 ยางพารา
็เช่นกัน

เขาตัดทิ้งหมดที่เวลาควรจะตัด
แม้ว่าได้ผลดี
และอื่นใดอีกที่ยังไม่นำมาคิด

สิ่งเกินคาด

เพื่อปลูกใหม่
ทำใหม่หมด


เขาตัดสินใจทำอย่างนั้น
ผมมองว่า

มีปมและผิดและเป็นลบ
เขาได้ลง

พ่อแม่ผมทำมาแทบตายทำให้มากกว่า
ทำเพื่อหวังสิ่งต่างตอบแทน



ทั้งๆที่พ่อแม่ผมทำมาแทบตาย
ผมเห็นและเป็นพยาน



เพื่อบุญอุทิศว่าไว่ตามนำตำราและตำนาน

พ่อผมแม่ผมว่าอย่างนั้น



อันนี้เแม้นเป็นญาติ
ก็จบลงด้วยการตัดญาติกันเลยในคนรุ่นต่อมา
ผมวิจุยวิจัยพบอย่างนี้










เรื่องมันผ่านไปแล้ว
ญาติและผู้ที่มิใช่ญาติ
มาเกิดเหตุเป็ลบ
ต่อกันอย่างนี้
ตัวอย่างหนึ่ง
ที่ใครๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง


ในเรื่องบ้านอานองเตนี้
ในส่วนที่เป็นลบ

อันนี้เพราะไม่ทำสัญญา
ก่อน
ก่่อนจะทำอะไร



เริ่มการทำอะไรที่
จะมีผลประโยชน์ตามใ
ต้องทำให้แน่ชัดเป็นสัญญาเสียก่อน

ทำก่อนค่อยตกลงกันทีหลัง

หรือหวังน้ำบ่อหน้าหรือบุุญคุณ


หรือตกลงกันไม่ชัดเจนก่อน
แล้วลงมือทำอะไร
ผมว่าคิดใหม่ดีกว่า
ว่า
ว่า
  อย่าทำมันเสียเลยดีกว่า
สบายกว่ากันเยอะเลย



ทำไปเป็่นการทำคุณบูชาโทษ
ดั่งท่านว่าไว้
ผมว่าอย่างนั้นและเข้าใจอย่างนั้น
เป็นแม่นมั่นเลย
เรื่องสัญญาเป็นหนังสือและลายลักษณ์อักษรนี้



ยกเว้นการพึ่งพากันในหัวข้อแค่
น้ำจอกเดียว

อันนี้ยกเว้น

หรืองานวัด
หรืองานโพยการกุศล
โดยมิมีสิ่งอืนแทรกเข้ามา
แบบไม่สะอาด
หรือออกนอกเรื่อง








เมื่อเกืดเหตุอย่างนี้
เช่นว่านี้
ขอพักดีกว่า
จนกว่าจะพบกันใหม่
ผมคิดว่ามันคงจะถูกที่สุด


ในฐานที่ผมเป็นพระเอกในเรื่อง
บ้านอานองเตนี้
และผมจะสอนเผ่ากิยองตินอันเป็นเผ่าในมโนคติ
ให้รู้ตามด้วย


ถ้าผมพบว่าเผ่ากิยองติน
มันมีตัวตนจริงๆ
อีกด้วยSmiley


มีบทอ้างอิงที่ผมพบนำมาไว้ท้ายเพราะหาไม่ทันตอนบทแทรก

ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (อังกฤษ: United Nations High Commissioner for Refugees, คำย่อ UNHCR) เป็นองค์การที่รับภารกิจหน้าที่จาก UNRRA : United Nations Relief and Rehabilitation Administration ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2486 โดยแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ ประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่ช่วยเหลือการกลับถิ่นฐานเดิมของผู้ลี้ภัยจำนวนกว่า 8 ล้านคน ซึ่งเกิดจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2493[1] โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ภารกิจหลัก คือ การปกป้องและสนับสนุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยทั่วโลก ตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลในแต่ละประเทศหรือข้อเรียกร้องของสหประชาชาติ นอกจากนี้ สำนักงานฯ ยังมีหน้าที่สำคัญในการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นทาง หรือ ประเทศที่สามเพื่อตั้งถิ่นฐานใหม่

สำนักงานฯ มีภารกิจหลักคือ เป็นผู้นำและประสานงานในการรวบรวมความช่วยเหลือจากนานาประเทศ เพื่อปกป้องและแก้ปัญหาของผู้ลี้ภัยทั่วโลก และการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะสิทธิที่จะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในรัฐอื่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทางออกที่ยั่งยืน ซึ่งได้แก่การเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมโดยสมัครใจ (voluntary repatriation) การตั้งถิ่นฐานในรัฐผู้รับ (local integration) หรือการไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม (third country resettlement)

และภารกิจที่ตามมาคือ การปกป้องและให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมแก่บุคคลในความห่วงใย (person of concern, POC) กลุ่มอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผู้แสวงหาที่พักพิง (asylum seeker) ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (internally displaced person) บุคคลไร้รัฐ (stateless person) และผู้ที่เดินทางกลับประเทศต้นทาง (returnee)

ภารกิจของสำนักงานฯ ในขณะนี้ มักจะอยู่ในประเทศที่ยังคงมีสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ปกติและประเทศใกล้เคียง เช่น เลบานอน ซูดาน ชาด อิรักอัฟกานิสถาน เคนยา อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ ยังมีภารกิจครอบคลุมไปถึงผู้ที่หนีภัยจากการประหัตประหาร และผู้ที่พลัดถิ่นอันเนื่องมาจากภัยพิบัติอีกด้วย ทั้งนี้ สำนักงานฯ มีสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศไทยที่อาคารสำนักงานสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก

สำนักงานฯ ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพในปี พ.ศ. 2497 และ พ.ศ. 2524


อ้างจาก

https://th.wikipedia.org/wiki/ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ

ฮ่องกง (อังกฤษ: Hong Kong; จีน: 香港) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (อังกฤษ: Hong Kong Special Administrative Region of the People's Republic of China; จีน: 中华人民共和国香港特别行政区) เป็นเขตปกครองตนเองริมฝั่งทางใต้ของประเทศจีน ในทางภูมิศาสตร์มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงและทะเลจีนใต้โอบรอบ ฮ่องกงเป็นที่รู้จักในสกายไลน์ (skyline) ขยายและท่าเรือธรรมชาติลึก มีเนื้อที่ 1,104 กม.2 และประชากรกว่าเจ็ดล้านคน เป็นเขตที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่งในโลก ประชากรฮ่องกง 93.6% มีเชื้อชาติจีน และ 6.4% มาจากกลุ่มอื่น ประชากรส่วนใหญ่ที่พูดภาษากวางตุ้งของฮ่องกงกำเนิดจากมณฑลกวางตุ้งที่อยู่ติด ซึ่งประชากรจำนวนมากหนีสงครามและการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1930

อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/ฮ่องกง  วดป.ตามเอกสารนี้


มณฑลกวางตุ้ง หรือ กว่างตง (จีนตัวย่อ: 广东省; จีนตัวเต็ม: 廣東省) แบ่งการปกครองออกเป็น 21 เมืองใหญ่ 30 เมืองระดับอำเภอ 42 อำเภอและ 3 เขตปกครองตนเอง ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศ ทางใต้ติดกับทะเลจีนใต้ ใกล้กับเกาะฮ่องกงและมาเก๊า เป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ มณฑลนี้นี่เองที่ประชากรส่วนมากได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในต่างประเทศ 100 กว่าปีที่แล้ว

มณฑลกวางตุ้ง
ชื่อย่อ: 粤 (เย่ว์)
China-GuangdongTH.png
อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/มณฑลกวางตุ้ง  วดป ตามเอกสารนี้



Create Date : 18 ตุลาคม 2560
Last Update : 19 ตุลาคม 2560 21:01:43 น.
Counter : 660 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends