All Blog
j76


Smiley
jjy5034
ตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงของ
ฟรันซ์ ลิซท์( Liszt)

อันที่จริงผมเป็นเด็กบ้านอกคอกนา
แลเป็นชาวกรุงแบบพกพกคล้าย ชนิดพบกันครึ่งทาง
เคยมีทะเบียนบ้านที่กรุงเทพฯนานที่สุดในชีวิต

มิใช่ว่าผมจะดัดจริตต้องฟังเพลงคลาสิก
จึงมีชีวิตรอดออยู่ได้
คือว่าผมติดเพลงชนิดนี้เหล่านี้ทั้งหมด
ตอนไปอยู่ีที่ยุโรปตอนกลาง
ฟังแล้วหายหนาวจากหิมะเย็น


และก็ติดมาแต่บัดนั้น
โชคดีที่ไม่มีกฎหมายอะไรมาห้ามได้ว่าห้ามคนฟังเพลง
ถ้ามีขึ้นผมคงต้องร้องให้
แต่มีเพลงอื่นอีกที่น่าฟัง

เช่น   เพลงมอดกัดไม้
ปลวกตัดไม้
ผมนิยามมันขึ้นมาเอง
อันเป็นเสียงธรรมชาติ


มันเหมือนเสียงปืนวิ่งผ่านทะลุหัวใจผม
เมื่อได้ยินเพลงปลวกและมอดกัดไม้ผุที่บ้านอานองเตของผม
และผ่านเลยไปอย่างนั้น


เสียงนกร้องก็เพราะ
ที่บ้านอานองเตที่ผมแอบฟัง
ผมชอบแอบฟัง


เสียงทะเลาะกันก็แปลกแต่ดีอีกแบบคือเสียงคนที่รู้จักทะเลาะกัน
แสดงว่ไม่หิวข้าว
ตลกดี


เสียงสันติภาพจากงานวัดเพลงงานบวชนาค
ก็ฟังได้มันก็มีบรรยายกาศของมันเอง

แต่ว่าเสียงเพลงอะไรก็ตาม
อย่าดังมากมันแสบแก้วหู
ถ้าแสบหูผม
ผมต้อง
และเพราะผมต้องกินยาแก้ปวดตามไปด้วยหลังจากที่ฟังมัน


เอาละเพลงที่ผมฟังเพาะผมติดมาจากนอก
ผมเคยมีแผ่นเสียงหลายอันทั้งของไทยและนอก
แต่ว่าเร่ร่อนไปมา
หายหมด


ฝากไว้ที่บ้านแม่
ปลวกมอดเอาไปกัดเล่นเมื่อแม่ดูแลบ้านอานองเตไม่ทัน
เพราะภารกิจทางใจที่แม่ต้องรองรับนั้นมากมายนัก
สุดจะพรรณนา


พ่อสั่งว่าอะไรที่มีปัญหา
ลูกต้องไปฟ้องเอาเองเพราะเรียนมาแล้วมิใช่หรือ
พ่อบอก


ผมจำได้
แต่ผมจะไม่ทำอย่างพ่อสั่งในจุดนี้
เพราะมันจะคลื่นไส้และอาจจะปวดหู
มิใช่กลัวลูกปืนแข่อิ่ม
จากเผ่ากิยองตินหรือชนคล้ายคลึงกันที่ใกล้เคียง
ที่เขามีปืนและปากและอารมณ์ที่บางครั้ง
ไม่ค่อยสุนทรีย์นัก

เอาเป็นว่ามาที่จุดกฏแห่งธรรมชาติดีกว่า
มันเป็นจุดสากล
และมันเอ๊าะ ๆดีที่จะคิด
แม้มันเป็นนิรวัจนีย์ภาษาที่จะอธิบายอีกเล่าแหละ

เมื่อมีคำถามเกิดขึ้น
คือสิ่งที่ไม่มีมีอยู่แต่เสียงสำเนียงเป็นภาษาพูดให้เข้ายาก  ฟังไม่ได้ในภาษามนุษย์
ผมตีความมันว่าคำนิรวัจนีย์
ก็แล้วกัน
แม้คำนี้จะมาจากเวทีอันศักดิ์สิทธิ์
แต่เทียบเคียงคล้ายคลึงกันได้ในบางกรณี
เอาเท่านี้ก็แล้วกันอารมณ์ฉากนี้
















โครงสร้างของผมคือโครงสร้างสากล
ไม่เข้าข้างใครและออกข้างใคร
ไม่เห็นแก่ตัว ทำตัวตามมโนคติอันดีงาม
และมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดี
ตามนิยามของคำว่าดี


บันทึกนี้มีขึ้นเมื่อ
10:01 AM
09-Aug-17

จากปรัชญาของพ่อที่ว่า
ที่ไหนไม่ทำแล้วมีกินบอกพ่อ
พ่อจะไปอยู่ด้วย

ผมพบว่า
ไม่มีที่่ไหนในโลกที่ไม่ทำแล้วมีกิน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องพิสูจน์คือ


ไม่มีกิน
แล้วจะทำอย่างไร
ต้องทำงาน
เป็นคำตอบ

เอาละมีคนปะเภทหนึ่งที่ไม่ทำแต่มีกินมีใช้


คือเป็นโจร
เป็นขโมย
อาชีพรวยทางลัด
อีกร้อยแปดอย่าง


สุดท้ายคือเป็นหมาลอบกัด
เป็นแบบมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
เป็นสมาชิกของเผ่ากิยองตินอันแสนเลวเป็นคุณสมบัติ
เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก
อันนี้ทั้งหมดที่เขาเรียกว่าสวรรค์ชั่วคราวของคนชั่ว
อันนี้ถ้าสำเร็จทำ


แต่แน่นอน
อนาคตคือแขวนคือต้องแขวนคอตัวเองแน่นอน
ตาย
ถกจับ
ในที่สุด

ผมไม่ขอเข้าใจสิ่งนี้แน่นอน
รับไม่ได้
ชีวิตจผมตั้งใจไว้สุดขีดว่าไม่แตะต้องสิ่งเหล่านี้


และที่สำคัญคือ

อาจจะไม่ได้ไปสถานที่พิพากษาโทษ
ที่แม่น้ำสติง์ของกรีกถ้าผมจำไม่ผิด

แล้วถ้าอย่างนั้น
ทำอย่างไร
ผมถามตนเอง


คำตอบคือ
ทำสิ่งที่มันดี
ดีในที่นี่คืออะไร

เอาอย่างนี้ก็แล้วกันคุณสมบัติตามนิยามของผมคำว่าดี เช่น
คือทำงานแลกค่าจ้าง
ได้เงินมาออมไว้ใช้แต่สิ่งที่จำเป็น
เป็นสมาชิกของสังคมไม่เอาเปรียบเพื่อน
จุนเจือเท่าที่จุนเจือได้
ต่อเพื่อนมนุษย์
ผู้กำลังจะหมดหนทางไปและยากไร้
และหมดปัญญาลง


ผมมีพิพาทแรงงาน
รับปากว่าจะทำแล้วไม่มา
ทำ
ทำไม่ได้

บางที
มาในหัวข้อป่วยทำไม่ไหว
เป็นข้อแก้ตัวและเป็นข้อแก้ตัวที่สากลที่สุด
คือป่วยถ้าไม่ป่วยจริง


เราต้องยอมรับเมื่อคนป่วยจริงมิใช่ป่วยเท็จแล้ว
แน่นอนทุกอย่างสดุดหยุดอยู่
อย่างเที่ยงแท้
และเป็นสัจจะ
แม้แต่รถไฟเมื่อป่วยมันยังหยุดแล่นบนราง
รถไฟถ้ามันป่วย
มันจะวิ่งออกนอกรางไปลงคลองและแม่น้ำอะไรทำนองนี้


สรุปงานรั้วแม่ผมต้องทำเอง
และรอจนกว่ามีความพร้อมของทุกคน
งานจึงจะเดิน
เป็นข้อสรุป

การรอคอย
การรอคอยคือสัจจะเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้นหัดทำเองดีกว่า
ดีไอวาย
diy
doityourself
สูตรนี้คือสูตรที่จำเป็น
สำหรับผม

ถ้าไม่เป็นไม่ต้องทำ
เมื่าไม่ทำไม่มีจะกิน
ฉะนั้นจึงต้องทำ
หรือตาย
เป็นคำตอบ


เมื่อตายแล้วยังไม่จบ
ยังมีต่อ


ถามว่ามีต่ออย่างไร
ตอนนี้เป็นสนธิสนญญาพิเศษในเมืองมนุษย์
และผมงดอธิบาย
ยกให้เป็นนิรวัจนีย์ก็แล้วกัน

เพราะผมมีงานอื่นต้องสนใจอีกมาก
ที่เห็นผลทันตา
ได้กินได้ใช้
อย่างสงบและถูกต้อง
นั่นคือ

คือทำงานและทำ
กินและกิน
นอนและนอน

นี่คือภาพที่ปรากฏต่อหน้าผม
ถ้าผมเป็นนักปรากฏการณ์วิทยา
คือการต่อสู้ทางชนชั้น
แต่ในที่นี่มิใช่มาในหัวข้อคอมมิวนิสต์ศาสตร์
ที่ลัทธิการเมืองแห่งอดีตเคยอ้างถึง
แต่ในที่นี้ผมหมายถึง
การต่อสู้ทางชนชั้นแบบธรรมชาติศาสตร์
ที่ไม่มีการเมือง
พรรค สี กลิ่น
และรส
ทางการเมืองอะไรทั้งสิ้น

เป็นเรื่องของคนที่รักสุขเกลียดทุกข์ธรรมดา ๆ
ของมนุษย์เดินดิน
ตามกฏธรรมชาติแห่งรากหญ้า
ที่ยังไม่ได้ฝึกปรือ
และไร้เดียงสาและไม่แสแสร้ง


อันนี้เป็นธรรมชาติของธรรมดานั้นเอง
ปกติคนชอบอิจฉาคนอื่น
ตามจิตวิทยแต่เมื่อคนถูกเรียน
เมื่อฝึกถูกฝึกแล้ว
การอิจฉาคนอื่น
จะรู้ว่ามันเป็นอาญาทางใจ


เพราะฉะนั้นตัวนี้ผิด
คนต้องเปลี่ยนจากการอิจฉาคนอื่นเป็นไม่อิจฉาคนอื่น
แล้วจะพบมโนคติแห่งความงามในวิสัยของมนุษย์
คำว่าการต่อสู่เพื่อชนชั้นจึงไม่มีในความคิดอีก

ผมว่าอย่างนั้น
ผมเข้าใจอย่างนั้น
ผมเชื่อว่าถูกแน่นอน


ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ
จากภูมิแห่งสภาวะที่ไม่มี
เป็นมีเมื่อทำ
จากภาวะที่มี
เป็นไม่มีเมื่อไม่ทำ

สดท้ายผมพบมโนคติสูงสุดของผมอีก
ผมมาทางของผม
คือคิดอีกว่าทางใครทางมัน
ที่สังคมปูเอาไว้นั้น
เหมือนการขับรถต้องมีกติกาเป็นแบบกีฬาทางใจทางนามธรรม

ดูแล้าเราก็เป็นคนมีความสุขมากในที่สุดได้
เมื่อคิดได้อย่างนี้
เมื่อบรรลุมาถึงจุดนี้
เพราะทุกอย่างมีกติกามีขื่อมีแป

จึงไม่มีการเมือง
ไม่มีชนชั้น
ไม่มีทุกข์และไม่มีสุข
เพราะทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติ
เป็นภวะกลาง ๆ


มันเหมือนความเร็วกับความเร่ง

เพราะเมื่อมีความเร่งเป็นปกติ
เมื่ออะไรมันปกติอย่างต่อเนื่อง
อย่างไม่ขาดตอน


มันมี มันเป็นและจะกลายเป็นไปเรื่อยๆ
เป็นเร็วเรื่อย เร่งเรื่อยๆ
จนกลายเป็นเปกติ

ตามต่อภาวะธรรมชาติที่จะกลายเป็นปกติธรรมดาๆไปนั่นเอง
จากความเร่งและความรีบขณะที่ผ่านมา
ผมขอเข้าใจ
มันว่าอย่างนั้น


ทุกอย่างเป็นเรื่องที่คิดมากไปเอง
แม้มีจริง
ก็ไม่นำมาคิดให้รกสมอง

ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรเลย
มันกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสมาธินั่นงัย

คิดอย่างนี้ดีกว่า
คือมีอย่างเดียวคือ


ทำงาน
ทำเงิน


ก่อนจะว่าต่อไป
ขอฟังเพลงอีกสักนิด
ของท่านเฟลิกซ์ เมนเดิลส์โซห์น (Mendelssohn)มาในยุคโรแมนติกตอนต้น(วิกิพีเดีย)
เมื่อฟังเพลงของท่านผู้นี้

ทำให้ผมคิดถึงอาจารย์ผมชาวเยอรมันท่านผู้หนึ่งที่เคยสอน
ภาษาเยอรมันให่้ผม  
 ท่านมาจาก แฮมเบิร์ก  ประเทศเยอรมนี


ตอนที่รู้จักกับท่านและเรียนภาษาเยอรมันกับท่าน


ท่านชื่อว่าอาจารย์ ฮอฟแมนน์ เปิดเผยชื่อท่านผู้นี้ได้ ท่านตายไปแล้ว
หลังจากกลับจากเมืองไทยสถาบันเกอเธ่ กรุงเทพฯ ถนนพระอาทิตย์
เพื่อกลับไปพยาบาลแม่ท่าน
ผมจำได้เท่านี้


และผมก็จากกับท่านไป
ไม่พบกันอีกเลย
จากวินาทีสุดท้ายในห้องเรียนจนบัดนี้
สำหรับผมกับท่าน


ท่านผู้นี้สอนให้ผมรู้จักคำว่า ich liebe dich
ออกสำเนียงอ่านเป็นภาษาเยอรมันว่า  -อิคช์ ลิเบ ดิกช์-  แปลว่า "ผมรักคุณ"  ขึ้นมา

ตอนนั้นผมอายุ17ปี
แม่ผมให้เงินมาเรียนหนังสือที่นี่ และขณะเดียวกัน
ผมเปิดร้านขายหนังสือพิมพ์ชื่อว่า Peace ที่ใกล้ รร สอนภาษาเยอรมันที่นั้นด้วย
เพราะสนุกดี

ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ฉบับบละหนึ่งสองบาทถึงห้าบาทเท่านั้น
และผมเริ่มเป็นวิชาเต้นรำที่นี่ที่สถาบันเกอเธ่
เขาสอนพิเศษให้ผมเป็นหลายจังหวะเต้น
ลิมหมดแล้วว่า


เต้นอย่างไรบ้าง
 จำได้ติดตาติดใจตอนนี้คือ
นับเท้าก้าวย่าง
แบบขึ้นใจ
เท่านั้นที่หลงเหลืออยู่




ก่อนเดินทางไปเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ
ในปีต่อมาของผม

ผมขอพักเหนื่อยสักหน่อยชักเพลียขึ้นมา
ในยามรัตติกาลนี้ คืนนี้เป็นค่ำคืนเดือนมืดออกอย่างเช่นนี้


ผมเงยดูฟ้า

เมฆบนท้องฟ้ามืดมาก
ฝนอาจจะมา
 ผมไม่ค่อยมีแรงมือ


ไปเปิดดูพยากรณ์อากาศจาก
มือถือ


และเมื่อวันนี้ที่ผ่านไป
คนมอญคนหนึ่งแรงงานต่างด้าวปกปิดชื่อ
ที่จะมารับเหมางานทำรั้วให้แม่
เขามีอาการปวดหู(มาจากที่อื่น)
ต้องไป รพ. จึงมาทำรั้วให้ผมไม่ได้

เขาได้มาตะโกนเรียกผมและปลุกผมตื่นที่หน้าบ้านอานองเตสอง
คืนนี้ผมนอนบ้านอานองเตสอง
เฝ้าดูรั้วเสาและลวดหนาม
ผมกลัวโจรมาขโมย
เพราะซื้อมาแพงมากและลำบากมาก
กว่าจะได้มันมา
ส่วนหน้าอกกอดปืนด้ามหักเอาไว้ป้องกันตนเอง


และเขานำเงินมัดจำมาคืนผม
เป็นเงินมัดจำให้ผมหนึ่งร้อยบาทที่ผมให้เขาไป
เป็นที่เรียบร้อย


เช้าวันนี้
และเขาคนมอญคนนั้น
ก็จากผมไป
 ด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์
เพื่อเดินทางไป รพ. ระยะทางสิบห้ากิโลเมตรไกล

ผมจึงให้การกับเขาว่า
ต่อไปถ้าจะมาทำอีกเขาจะทำงานแบบ
ทำแบบจ็อบ(ทำเฉพาะเรื่อง)คือไม่รับเหมาแล้ว


เพราะทำไม่ไหวแล้วปวดหูเป็นคนป่วย
ผมจึงพักการทำรั้วไว้ชั่วคราวเท่านี้
ถ้าไม่ตายเสียก่อน
ค่อยทำรั้วให้แม่ตามสัญญาต่อไป
Smiley



Create Date : 09 สิงหาคม 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 22:02:19 น.
Counter : 346 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends