All Blog
j129นวนิยายเรื่อง บ้านอานองเต j129 ฉากที่หรือบทที่ j129





j129


j129


นวนิยายเรื่อง
บ้านอานองเต
บทที่

 j129

The best of Latin Lounge Jazz,
Bossa Nova, Samba and Smooth Jazz Beat
- 20 Greatest Hits
Latin Jazz - All the Classic Jazz Songs from Brazil,
Cuba, Mexico and More ...
Soft Jazz Sexy Instrumental Relaxation Saxophone Music 2013 Collection
Cesaria Evora Live D'amor 2004 (Complete Concert)


The Best of Debussy

The Best of Mozart






















ผมเชื่อว่า
ในโลกอภิมหาดิจิตอลนั้น

เมื่อจะขับรถไปบนมอร์เตอร์เวย์หรืออะไรอื่นใด

ที่มีทางให้รถวิ่ง
หรือช่องอากาศที่เรือบินบินได้สำหรับ
ในทุกเที่ยวเที่ยวบิน



รถยนต์ของมนุษย์
อันนี้ผมหมายถึงมิใช่รถยนต์สำหรับเด็กเล่น

และต้องเป็นรถยนต์ที่มีใบขับขี่
มีทะเบียนรถถูกต้องด้วย
มีใบตรวจสภาพ
หรือมี
เอ็ม โอ ที ด้วย


และจะมีรถที่ขับบนถนน
ที่ฝึกหัดขับต้องมีอักษรแอลตัวใหญ่
ติดไว้ด้วย
และเครื่องหมายแอลสีแดงตัวนี้มิใช่หมายความว่า
รถคันนี้คนขับกำลังมีความรัก

แต่ว่าแอลตัวนี้สื่อว่ากำลังเรียนขับรถ
ผมว่าอย่างนั้นเข้าใจอย่างนั้น

แต่ว่าใครเจอป้ายนี้
ถ้าในอังกฤษ
พยายามห่างๆเข้าไว้

อย่างเข้าไปใกล้รถที่มีป้ายอย่างนี้
เพราะเขามีเอกสิทธิทางการเป็นคนฝึกหัดขับ
รถว่าอย่างนั้น


แม่จะเห็นครูฝึกเป็นชาย หรือคนขับเป็นเด็กสาว
หรือว่าครูฝึกเป็นเด็กสาว
คนหัดขับเป็นคนแก่



เราอย่าไปเข้าใจอะไรนอกเหนือจากความจริงไป
ถ้เาเห็นมีป้ายนี้ว่า
ให้อย่าคิดว่า
เป็นรถที่ขับปลอดภัยเชื่อถือได้
ผมคิดว่าอย่างนั้น
ปลอดภัยมาก่อนทุกสรรพสิ่ง

เมื่อพบ
เขาใช้อักษรอังกฤษละตินแอลตัวเดียวตัวนี้
  " L"

ตัวนี้สีแดงปิดไว้ที่ท้ายรถ
ให้สังเกตเห็นได้ทันที


แสดงว่าเขากำลังหัดขับรถกันอยู่
มิใช่สัญลักษณ์ตัวนี้มิใช่ว่าเขาพึ่งแต่งงาน
หรือกำลังพลอดรักกัน

ที่อาจจะคิดอย่างล้ำลึกไป

ว่า
คนอื่นไม่เกี่ยวนอกจากเราสอง
เพื่อทำพันธะอะไรให้เทพเจ้ารู้ว่า

ว่าสื่อตัวอักษรตัวนี้
ว่า
เขากำลังรักกัน
อันนี้อย่าเข้าใจผิด
หรือรัย

ว่าอย่างนั้น






มาตอนนี้

ขออภัยต้องวกไปแล้วก็เวียนมา
แม้เวลาที่ผมเขียนหนังสือ
นั้นผมก็เหมือนกำลังขับรถ
ที่ประมาทไม่ได้เลยโดยประการทั้งปวง
และไม่ต้องท้าพิสูจน์ความเจ็บ


เพราะมันคือว่า
ผมจะอธิบายให้หมดสมองและอารมณ์เจตนึกคิด
ในเรื่องบ้านอนองเตนี้

ว่าอย่างนั้น

แต่ผมพยายามจะเตือนตนเอง
เพื่อมิให้เสียความ
จึงต้องวกไปเวียนมา


และผมจะทำให้มันต่อเนื่องสัมพันธ์กัน
เป็นภาษาหนังสือ
อยบ่างช่างเหล็กที่ฉาบทาโซ่บัดกรี
มันไว้ด้วยน้ำยาชนิดหนึ่งและเหล็กกับไฟร้อน

เท่าที่มันควรจะเป็น






และคาดว่าต่อไปรถยนต์
น้ำมันเราก็ไม่ต้องใช้เพื่อขับรถ

มันมาเองหมดทันที่เรานึกถึงมันขึ้นมา







เมื่อไม่ไปยึดติดตามอารมณฺ์แล้วมันก็ไม่มีอะไร

ก็นี่ยังงัย


มีปัญหาถึงตำรวจถึงทนายถึงศาล
เรื่องอย่างนี้ต้องมีลายมีหลักฐาน
ก่อนจึงอะไรอื่นใด
ที่จะนำเนสอสู่สถาบันดังกล่าวได้







อันนี้เป็นเรื่องนิยาย
 ผมเป็นพะเอกมิได้เอาเรื่องนี้มา
หรือนำปัญหาที่เกิดขึ้นกับผม
มาบังหน้าแล้ว
ยึดบล็อกเพื่อเป็นฐานในการสร้างมิตรหรือศัตรูอะไร
อื่นใดๆกับใครๆครัย


อันนี้เป็นนวนิยาบยสมจริงชนิดหนึ่ง
เหมือนหนังที่ฉายในโรง
ที่เราตีตั๋วแล้วนั่งดูอย่างจดจ่อ

มีฉากเป็นหลักจริงประกอบไปด้วยบ้าง
ทำเท่าที่ไม่มีปัญหา

สำหรับผม
ผมยึดในกฏแห่งการกระทำเป็นเรื่องสำคัญ

ที่สุดในชีวิต

จึงไม่ติดใจอะไรเมื่อมันจะเป็นอันไร
เกิดอะไรก็ให้มันเกิด
และดับมันเสียถ้าดับได้


กฏตัวนี้เขาจะจัดการให้เอง
ชนิดไม่ขาดไม่เหลือ
มันเป็นธรรมชาติ


หรือที่เรารู้จักกันว่ากฏแห่งกรรมในศาสนาหนึ่งก็ไม่ผิดนัก

แต่าเมื่อตีความเป็นกฏแห่งการกระทำแล้ว
มันจะม้วนเสื่อมาทาง
วิทยาศาสตร์ด้วย

เพราะว่าวิทยาศาตร์
คือความจริง
การทดลอง
การค้นหา
การใช้
การสังเกตตั้งสมุติฐาน
ให้อร่อย


และมีที่มาที่ไป
ไม่มีอะไรมาลอยๆ
ผมเข้าใจอย่างนี้
นั้น



มาที่พ่อผม
ในบานที่ผมเป็นพระเอกและเป็นลูกที่รักพ่อ
ดุจแหวนที่ผมสวมอยู่ที่ผมรัก
เหมือนกัยที่ผมรักแม่
ดุจดวงตาที่ผมถนอม


เพราะถ้าไม่มีท่านทั้งสอง
ที่ทำให้ผมออกมา
ผมก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ทุกวันนี้


แต่ว่า
ผมเอาพ่อและแม่มามาประกอบเป็นละคร
และแม้ชีวิตจริงซึ่งไม่มีอะไร
นอกจากวัตถุและจิตใจที่เราพบเห็นกันอยู่แล้ว
ที่เราต้องสำนึก
ว่ามันเป็น
และมันคืออะไร





เป็นแต่การสืบค้นเนื้อหาเรื่องราวชีวิต
และท่าทีของคนคนหนึ่ง


ที่ทะลุฟ้าและลงดินและ
เงียบ
สงบ


ผมไม่มีการเมือง
 ไม่มีการเงิน
แต่รู้อะไรไปเสียทุกอย่าง
และท้ายสุด

กลายเป็นคนธมดา
เมื่อคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป




ผมซึ่งมีคติที่ว่า
ผมมีดังนี้คือ

เมื่อคนถึงเวลาตายแล้วเหมือนกันทุกคน
คือเมื่อใครๆ

เมื่อไม่มีลมหายใจแล้วก็ตายเหมือนกัน

และผมก็คืดถึงจุดนี้ได้

จึง
ผมจึงไม่คิดทะเยอทะยายอะไร
เกินตัว

นอกรู้จักกินรู้จักนอนและรู้จักแสวงหาตัวเองในตัวเองให้ดีที่สุด
และมากที่สุด


เท่านี้พอ
ดุจคนตายไปแล้ว
มีสิ่งเดียวแน่แท้
คือเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้



เว้นชั่วอย่างเดียว
คือความทะเยอทะยาน
ที่มีอยู่ในตัวของผมเอง
และคิดอยู่อย่างเดียว
คือ


พยายามที่
ที่จะเป็นคนดีเท่านั้น

ตอนนี้คือการปฏิการคุณ
ผมพยายามนึกว่ามันคืออะไร
คำนี้


ตอแนนี้ผมนึกขึ้นได้ชั่วแวบนี้
ว่า
พ่อแม่ที่ท่านตายไปแล้ว






และพ่อผม
เรื่องพ่อแม่
คือพ่อถูกโกง

มีที่ผมเข้าใจผิดบ้าง
บางทีเจ้าใจถูกบ้าง



แต่เรื่องจริงนั้นคงมีอยู่


พ่อผิดหวังการทำสวนยางสองร้อยไร่
เพื่อหวังเก็บกินอย่างถาวรเมื่อแก่


ผมมาวิเคราะห์และพบข้อท้วงติง
ที่พ่อนิดนึงด้วยความรักเคารพในพ่อ

คือ
แต่ผมติพ่อเพื่อก่อ
มิได้มาวิจารณ์พ่อหรืออะไร


เท่าที่ผมทราบ
พ่อส่งเงินไปให้ปู่ที่เมืองจีน
ให้ปูซื้อขนมกินว่าอย่างนั้น
ในฐานะที่พ่อก็มีพ่อที่ต้องรักและห่วงใหญ่




เพื่อปู่ได้กินขมและสูบยาบ้าง

มีบ้างแต่ไม่มาก
ผมจำได้พ่อเคยเล่าให้ผมฟัง
ตอนที่ไปอยู่ด้วยกันก่อนผมหนีพ่อไปหาแม่





ไม่มาก
ผมจำได้
และพ่อส่ง
เงินไปสร้างบ้านให้ปู่อยู่อย่างสบาย


จากเดิมเรือนไม้มาเป็นอิฐอย่างดี
ทรงศาลเจ้าในไทย

รูปทรงที่ผมเห็น


ผมเคยหนีพ่อและแม่และตำรวจ
หนีเข้าไปหาปู่ครั้งหนึ่ง
ที่ในมืองจีน
เพื่อพิสูจน์ว่าพ่อคือใครมาอย่างงัยได้ถึงเมืองไทย



พบว่า
บ้านที่พ่อไปสร้างให้ปู่
เป็นบ้านคล้ายศาเจ้าจีนชั้นเยี่ยมชนิดหนึ่งในเมืองไทย


มีบางเรื่องเงินพ่อหายไปทางนั้น

ส่วนทางอื่น
เท่าที่ผมเสาะสอดรู้
ผมไม่เห็น


ผมคิดว่า
พ่อโดนโกงเพราะเหตุอย่างนี้
พ่อโชคร้ายและดวงไม่ดี
และผมก็พึ่งรู้ว่าคนที่โกงคนอื่นเอาเปรียบคนอื่นไป
ลนั้นยังมีหลงเหลืออยู่ในโลก
สมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่




ผมทิ้งเรื่องนี้
ให้เป็นเรื่องตามกฏที่ว่ามาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว




ผมรู้สึกว่
ในวัยสนธยานี้

เมื่อผมได้อ่านเรียนหนังสือสักหน่อยแล้ว
มาทำงานบ้าง

บางครั้งตอนดึก
เพื่อชดเชยที่พ่อโชคร้ายไปแล้ว


บางครั้งเวลาร่างกายผมไม่ยอมนอน
และสมาธิไม่กล้าเปิดตัวเอง
ให้ผมครอบครองมัน
อย่างที่ตั้งใจขึ้นมา



จึง
บางครั้งผมต้องขยัยมาก
แม้เมื่อฝน
ฝนจะตก
งูแสนชุม
ยุงนี้ตัวแสบ



ก็ทำ

เช่นนอกนั้น

ถ้าได้เขียนหนังสือก่อน
นอน
ได้ดมสีน้ำมัน
และภู่กัน

และคานวาสบ้าง
เพื่อวาดรูปตามใจนึกที่นึกออก

ผมจะรู้สึกสบายใจขึ้น
ชดเชยกับการนอนหลับอย่างขี้เกียจและหางยาว







 แม้ผมไม่ติดกัญชาและทินเนอร์และกาวอะไร



แวะอารมณ์ไปที่เพลงที่ฟัง
พบว่ามือจะไม่ชา

แต่ถ้าได้เขียนหนังสือ
แม้จะมีชีวิตฝึกปรือด้วยชีวิตและควมจริง
มีกำลังใจบ้างเป็นของหวานสอดไส้


มาเป็นอาชีพและเป็นอาจิณอย่างจำเป็น
อย่างที่เห็น



เมื่อก่อน
ผมพบว่า

พบว่า
มือผมชาหนึ่งข้างเสมอ
ข้างที่หัวใจผมตั้งอยู่





อันนี้ทำให้บล็อกนี้นี้
ยืนนานมาดังนั้น
เพราะความคิดแวบนึงอย่างนี้



ผมจึงเขียนหนังสือ
สักหน้า
ก่อนนอนทุกครั้ง
ก่อนที่ผมจะตัดสินใจไปทำงานอดิเรกหนักอย่างอื่น
อีก
หรือเช่นการนอนอย่างหนัก


ผมทำได้อย่างนั้น





ในเรื่องนิยายนี้
ผมมีสิ่งตกค้างคาใจอะไรที่คิดว่าจะ
มีปัญหา


เมื่อผมคิดได้

ก็จะนำมาแก้และ
วิคราะห์เพิ่มเติม
เข้าไปในบทแต่ละบท
ในตอนแต่ละตอน

และแต่ละตอนต่อๆไป
โดยไม่สนใจว่ามือจะชาหรือขาจะลีบ
หรือหัวใจจะหนื่อยหรือล้า
ทำไปเพราะนี่ถือว่าเป็นความดีอย่างหนึ่ง
ของชีวิต
Smiley



Create Date : 18 ตุลาคม 2560
Last Update : 19 ตุลาคม 2560 14:34:28 น.
Counter : 430 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends