ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๑๓๖-เกร็ดเล็ก ๆ ของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ(พระโพธิสัตว์)



ปริศนาและความเข้าใจเรื่องพระโพธิสัตว์นี้เริ่มกระจ่างขึ้นเรื่อย ๆ แต่คงไม่อยากจะอิงเข้ากับแนวทางของมหายานมากนัก เพราะไม่มีจริตไปทางสายนี้ แต่ที่จะนำมาเขียนเป็นซอกเป็นมุมเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่มหาศาลของบุคคลที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เพราะหนึ่งในนั้นคือการมีกำลังที่ยิ่งใหญ่ ท่านเปรียบได้กับการตั้งใจจะเดินฝ่าทะเลเพลิงด้วยลำพังเท้าเปล่า คิดดูว่าจะต้องใช้ความอดทนสักเพียงไหน การกำเนิดขึ้นของพระพุทธเจ้านั้นจึงเป็นไปได้ยากมาก ๆ ถึงมากที่สุด บางช่วงบางสมัย(กัปป์) ก็ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติเลยแม้แต่พระองค์เดียว

นอกจากบารมีที่ต้องสั่งสมอบรมกันอย่างมากมายแล้ว ยังต้องอาศัยเวลาขับเคี่ยวต่อความรู้สึกของตัวเองอีกเป็นเวลายาวนานนับอสงไขย กว่าจะได้รับพุทธพยากรณ์ หากบุคคลใดสามารถได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้ว ก็ต้องมีอันได้ตรัสรู้อย่างแน่นอน

เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของประเด็นที่อาจจะทำให้เราเข้าใจผิดกันเสียโดยส่วนมากว่า พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ทำนายทายทัก แล้วเหตุใดพระพุทธเจ้าจึงทรงกระทำเสียเอง เรื่องนี้นั้นเป็นวิสัยแห่งมหาบุรุษซึ่งเราปุถุชนไม่อาจจะเข้าใจได้โดยง่าย อีกอย่างก็เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าจะกระทำกัน เพื่อสืบต่อหน่อเนื้อพุทธวงศ์ไม่ให้ขาดสายเป็นเวลาเนิ่นนานจนเกินไป

แต่บุคคลที่จะได้รับคำทำนายนั้น ก็เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมจะบรรลุอรหันต์ในชาตินั้น ๆ อยู่แล้ว แต่ยังไม่ปรารถนาจะบรรลุธรรม อยากจะช่วยเหลือสัตว์ให้พ้นทุกข์ไปด้วยกัน เหมือนกับเศรษฐีที่มีทรัพย์อยู่แล้ว ปรารถนาให้คนอื่นมีทรัพย์เช่นเดียวกับตนเองด้วย

พุทธพยากรณ์เป็นดังลิ่มที่ตอกย้ำลงไปในจิตของพระโพธิสัตว์ ไม่ให้ละทิ้งพุทธภูมิของตนเองได้ง่าย ๆ และยังคงดำเนินสั่งสมบารมีไปจนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่หากไม่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า บุคคลนั้นจะยังมีโอกาสละทิ้งพุทธภูมิของตนเองได้เสมอ เพราะหากเบื่อต่อการอดทนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ก็จะดำเนินรอยตามแห่งอริยมรรค เข้าสู่กระแสแห่งนิพพานไปในชาตินั้น กลายเป็นสาวกภูมิไป ซึ่งสามารถทำได้เช่นเดียวกัน

หากแต่การทำดังกล่าวจะต้องใช้กำลังใจที่สูงกว่าในชาติใด ๆ ที่เคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน หากกำลังจิตและแรงแห่งสมาธิอ่อนด้อยกว่าในชาติอดีตก็หมดสิทธิ์ที่จะละทิ้งพุทธภูมิ ซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อเหล่าบรรดาสัตว์โลกทั้งหลาย

หลายท่านอาจจะเคยอ่านตำราพุทธวงศ์ ในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าบางพระองค์ ที่มีแรงศรัทธามาก ๆ ขนาดถึงกับตัดเศียรของตัวเองถวายเป็นพุทธบูชาไปเลยก็มี เรื่องนี้ฟังดูน่ากลัวสำหรับปุถุชนผู้ยังไม่เข้าใจพุทธศาสนา

อาจจะสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่เป็นกุศลหรืออกุศล เพราะศาสนาเองก็สอนว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปมหันต์ แต่การตัดเศียรของตัวเองถวายพระพุทธเจ้านี้ไม่ถือว่าบาปหรืออย่างไร เรื่องนี้ตอบได้อย่างเดียวว่าก็เป็นวิสัยแห่งผู้ปรารถนาการเป็นพระพุทธเจ้าอีกนั่นเอง เพราะบุคคลนี้เป็นผู้ยอมเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง

มองอีกนัยหนึ่งซึ่งต่อจากนี้เป็นความเห็นของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้านั้น เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยบารมีอันมาก หากยังประกอบด้วยแรงศรัทธาที่แก่กล้า และปัญญาบารมีที่สั่งสมมานาน ท่านบุคคลเหล่านั้นยังทนฟังธรรมอันจริงแท้ของพระพุทธเจ้าต่อไป และยังไม่ได้รับพุทธทำนาย ก็มีหวังบรรลุธรรมได้ในชาตินั้น หากแต่การตัดเศียรของตัวเองถวาย ก็เป็นบทพิสูจน์หนึ่งแห่งแรงศรัทธา และเพื่อหยุดยั้งกำลังแห่งปัญญาของตนให้อยู่แต่เพียงนี้ก่อน

อย่าลืมว่าในบรรดาคุณสมบัติหนึ่งของผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น สามารถที่ทำการน้อมใจจุติจากภพนั้น ๆ ก่อนอายุขัยของตนจะหมดลงได้ เพื่อปรารถนาบำเพ็ญบารมีต่อไป โดยไม่เสียเวลาติดขัดอยู่กับสวรรค์หรือโลกมนุษย์หรือชั้นพรหมโลกมากเกินไป ซึ่งคนทั่วไปที่บารมี่อ่อนแอจะไม่สามารถทำได้ เหตุผลนี้จึงสามารถอธิบายได้ว่าการตัดเศียรถวายพระพุทธเจ้านั้นไม่เป็นบาป(สำหรับผู้ปรารถนาพุทธภูมิ) ทั้งยังมีแรงส่งไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์อีกด้วย

เรื่องเหล่าฟังดูก็เป็นมุมมองอีกมุมหนึ่งซึ่งพิศดาร แต่คงจะขัดต่อความรู้สึกของเรา ๆ ท่าน ๆ ไม่มากก็น้อย

แต่สำหรับวิสัยแห่งมหาบุรุษแล้วนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ปกติ ธรรมดามาก ๆ ครับ




Create Date : 16 มีนาคม 2552
Last Update : 16 มีนาคม 2552 8:04:08 น. 18 comments
Counter : 1899 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ...มีกะลังใจมาฝากเช่นเคยนะคะ
มีความสุขมากมากนะคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:8:20:54 น.  

 
ขอบคุณธรรมะดีๆในวันทำงานค่ะ


โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:9:18:12 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ


โดย: pet.sp วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:11:21:25 น.  

 
แหมดีใจจังที่วันนี้ไปแวะที่บล้อก
เพราะไม่เห็นนานแล้ว
ออกจะคิดถึง
ขอบคุณเรื่องดีดีที่นำมาเล่าให้ฟัง
ทำให้เห็นอีกแง่มุมของความคิด
รักษาสุขภาพค่ะ มีความสุขนะคะ


โดย: busabap วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:0:06:00 น.  

 


อ่านแล้วรู้สึก สดชื่น รับวันใหม่ แต่เช้าเลยค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:5:02:41 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:8:29:10 น.  

 
ผมก็เลิกซื้อหนังสือธรรมะมานานแล้วครับ
อ่านในบล็อกน้องอัสติสะบ้าง
อ่านจากหนังสือที่เพื่อนบล็อกส่งมาบ้าง

ไม่ต้องซื้อเองเลยครับ หุหุหุ




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:10:48:56 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:8:19:50 น.  

 
เชียงใหม่ก็ฝนตกมาทั้งคืนครับ
เช้านี้จนถึงบ่ายก็ยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยุ่ครับ
ตกมาก็ดีครับ
คลายร้อนไปได้เยอะเลย


โดย: ก.ก๋า IP: 222.123.70.228 วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:12:15:24 น.  

 
นี่คือทางที่ปรารถนา แต่ไม่รู้จะไปถึงได้ไหมหรืออีกเมื่อไหร่คงต้องเดินต่อไปอย่างมุ่งมั่น


โดย: คนบาป IP: 222.123.91.138 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:17:20 น.  

 
ขออนุโมทนาบุญกับพระมหาโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์เจ้าข้า เราก็รักทุกคนเสมอกันจ้า


โดย: กองกระดูก IP: 118.173.218.253 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:22:32:21 น.  

 
จิตเศร้าหมองแล้วตายก็ไปสำนักพญายม
จิตผ่องใสก่อนตายก็ไปสุขาวดี
พระโคธิกะเชือดคอตัวเองแล้วไปพระนิพพานเพราะเหตุใดลองค้นคว้าดูน่าจะเป็นประโยชน์


โดย: ขันธ์ห้า IP: 119.63.93.129 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:13:28:41 น.  

 
จิตเศร้าหมองแล้วตายก็ไปสำนักพญายม
จิตผ่องใสก่อนตายก็ไปสุขาวดี
พระโคธิกะเชือดคอตัวเองแล้วไปพระนิพพานเพราะเหตุใดลองค้นคว้าดูน่าจะเป็นประโยชน์

ขอตอบครับ เพราะว่าพระโคธิกะ ท่านมีอารมณ์เป็นพระอรหันต์ ครับ รู้สึกว่า ร่างกายนี้มัน เป็นศัตรูกับตัวเอง มันคือตัวทุกข์ ถ้าเกิดตัวเองไม่มีร่างกาย ตัวเองก็ไม่มีทุกข์ เลยตัดสินใจฆ่าตัวตาย


โดย: อิอิ IP: 125.26.59.124 วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:19:42:53 น.  

 
เป็นบุญที่ทำด้วยอวิชชา


โดย: มะยม IP: 192.168.185.205, 183.88.249.202 วันที่: 29 มิถุนายน 2555 เวลา:15:20:53 น.  

 
@มะยม.........ก่อนที่จะกล่าวอะไร กรุณาศึกษาให้แน่ใจเสียก่อน ไม่งั้นจะกลายเป็นแสดงความโ-่เขลาเบาปัญญาไป
......ที่ว่าเป็นบุญที่ทำด้วยอวิชชา...การที่พระโพธิสัตว์(ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า) สละสิง่ที่ตนเองรักมากที่สุด คือชีวิต ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า การกระทำนี้ไม่ดีตรงไหนมิทราบ นั่นแสดงว่าพระโพธิสัตว์องค์นั้นเข้าถึงซึงพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ ฯลฯ ซึ่งพระพุทธเจ้าเองก็สรรเสริญการกระทำนี้ และพระพุทธเ้จ้าหลายๆพระองค์สมัยเป็นพระโพธิสัตว์ก่อนจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ก็เคยผ่านการทำบุญชนิดถวายชีวิตมาแล้วทั้งนั้น เพราะว่าคนที่จะเป็นพระพุทธเจ้านั้นเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีเมตตาอันหาประมาณมิได้ ถ้ามัวแต่มาห่วงลูกเมีย มาห่วงร่างกายชีวิตตัวเอง แล้วจะไปสอนให้คนละการยึดติดตัวตนร่างกายให้แก่สาวกได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังทำไม่ได้
....ตามปกติแล้ว ถ้ามิใช่วิสัยพุทธภูมิ(ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า)แล้ว ก็ไม่ควรจะว่ากล่าวบุคคลเหล่านั้น เพราะคุณเองก็ไม่รู้ว่าคนนั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อไหร่ อาจจะเป็นพระพุทธเจ้าก่อนที่คุณจะเป็นพระอรหันต์เสียก็ได้....ฉะนั้นเฉยๆไว้เถอะคุณมะยม


โดย: นายร้อยผู้นำปวงชน IP: 113.53.241.97 วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:14:12:25 น.  

 
ฆ่าตัวตายบาปแน่นอน ไม่มีข้อยกเว้น กฏแห่งกรรมไม่มีชั้นวรรณะ เสมอภาคกัน การฆ่าตัวตายถวายเป็นพุทธบูชา ก็เป็น มิจฉาทิฏฐิ


โดย: ศัลยรักษ์ IP: 1.1.153.126 วันที่: 3 พฤษภาคม 2556 เวลา:7:59:03 น.  

 
การฆ่าตัวตายธรรมดาแล้วบาปแน่ ในกรณีของพระโคธิกะท่านคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว แต่ก่อนจิตดับทุกเวทนาและอารมณ์ที่เกิดทำให้ท่านรู้ว่ายังเป็นปุถุชนจึงเจริญวิปัสสนาต่อจนเป็นพระอรหันต์ซึ่งยากที่คนทั่วไปจะทำได้


โดย: นุกูล IP: 8.37.227.167 วันที่: 6 พฤษภาคม 2556 เวลา:9:33:50 น.  

 
ในกรณีของพระโพธิสัตว์เจตนาที่แน่วแน่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อบรรลุโพธิญาน เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบางครั้งก็ต้องสละชีวิตตายแทนคนอื่น ตายเพื่อบูชาธรรม พระโพธิสัตว์ไม่ได้เกลียดชีวิตตัวเองไม่ต้องการหนีไปให้พ้นพ้น เจตนาเพียงเพื่อบำเพ็ญบารมีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ พระโพธิสัตว์เมื่อทำกุศลใด ย่อมตั้งเจตนาว่าขอให้บุญนี้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามากมายไปด้วยปัญญาความสามารถในการช่วยเหลือผู้อื่นแม้จะต้องสละซึ่งทรัพยทั้งปวงอวัยวะทั้งปวงและก็ชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ทั้งปวง สัจจะบารมีไม่ได้หมายถึงการรักษาคำพูดเท่านั้นแต่หมายถึงความจริงใจในการบำเพ็ญบารมี เช่นการบริจาคทานไม่มุ่งหวังเป็นเศรษฐีแต่มีเจตนาแน่วแน่ให้มีเงินทองมากมายเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นจนปัจจัยให้ไม่ยึดติดใดใดในอนาคต


โดย: นุกูล IP: 8.37.227.167 วันที่: 6 พฤษภาคม 2556 เวลา:10:34:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.