|
๐๕๓-พบพระศาสดา...(ในฝัน)
ความฝันนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สิ่งหนึ่งทีเดียว ข้าพเจ้าคิดว่าความฝันเป็นสิ่งที่อยู่ท่านกลาง การจินตนาการ และความเป็นจริง จะมีสักกี่คนกันที่เข้าใจที่ไปที่มาของความฝันได้ถ่องแท้ ทุกครั้งที่เราหลับ เราอาจจะไม่ได้ฝันในทุก ๆ คืน แต่ส่วนใหญ่ทุกคนต้องยอมรับ ว่าเคยฝันกันทั้งนั้น ไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นเรื่องดี หรือร้ายก็ตาม เมื่ออยู่ในความฝันเรามักจะควบคุมหรือบังคับตัวตนในความฝันไม่ค่อยได้ เราจะเหมือนเป็นผู้ดุละครฉากใหญ่ ที่บางครั้งตัวเองก็เป็นผู้แสดง หรือบางครั้งเราก็ดูผู้อื่นแสดง ซึ่งบางเรื่องก็ไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้ หรือต้องการให้มันเป็นไปตามที่เรามุ่งหมาย
เช้ามืดวันนี้มีฝนตกหนัก แต่ตกไม่นานก็หยุด อากาศเย็นไหลผ่านหน้าต่างมากระทบกายของข้าพเจ้า ผ้าห่มผืนบาง ๆ ดูจะไม่พอกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ต้องนอนขดตัว เพื่ออาศัยไออุ่นจากร่างกายตัวเอง ระงับความหนาวเย็นนั้น...
ไม่นานก็ต้องหลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย จากการทำงานหนักในช่วงกลางวัน
ภาพอารามแห่งหนึ่งผุดขึ้นมาต่อหน้าของข้าพเจ้า แวดล้อมไปด้วยป่าไผ่ และหมู่ไม้มากมาย ภายในอารามนั้นข้าพเจ้าเห็นภิกษุหมู่หนึ่งนั่งอยู่โดยอาการสงบ ท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น มีภิกษุอาวุโสรูปหนึ่ง แม้ว่าร่างกายจะดูชราบ้าง ด้วยเนื่องจากอยู่ในปัจฉิมวัย แต่ใบหน้าที่อิ่มเอิบ ร่างกายที่ผุดผ่องนั้นทำให้น่ามองน่าชมยิ่งนัก และแล้วก็มีเสียงหนึ่งกระซิบข้างหูว่า นี่คือพระพุทธเจ้า สมณโคดม... ข้าพเจ้าจึงขยับร่างกายเข้าไปใกล้ ๆ พระพุทธองค์ และน้อมบังคมกราบ ด้วยความนอบน้อม ข้าง ๆ พระวรกายของพระพุทธเจ้านั้น มีพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งดู จะอายุมากกว่าพระพุทธเจ้า แต่มีรูปร่าง คล้ายพระพุทธเจ้ามาก ข้าพเจ้า จึงสันนิษฐานว่า ว่าคงเป็นพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก เป็นแน่ แต่พระอานนท์ดูจะแก่กว่าเล็กน้อย แม้ว่าพุทธประวัติ ท่านจะเกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้าก็ตาม
เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีคำถามที่อยากจะถามปัญหาเหมือนคนอื่น ๆ บ้าง
ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลก ข้าพเจ้าจะขอถามปัญหา ขอพระองค์โปรดตรัสตอบปัญหาของข้าพเจ้าด้วยเถิด สีหน้าของพระพุทธองค์ดูเรียบเฉย ข้าพเจ้าจึงถามขึ้นว่า
บัดนี้กาลเวลา สมัยแห่งพุทธศาสนาของพระองค์ ได้ดำเนินมาเลยกึ่งทางแล้ว ด้วยเหตุนี้เองผู้ปฏิบัติเข้าถึงนิพพาน นั้นดูจะลดน้อยลงมาก ข้าพเจ้าเองเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในจำนวนส่วนน้อยนั้น ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกวิตกเหลือเกินว่าจะมีกำลังใจที่จะทำให้แจ้งต่อนิพพาน และดำรงศาสนาของพระพุทธองค์ได้มากน้อยเพียงใด อีกอย่างหนึ่งยุคสมัยนี้ วัดอารามนั้นมีมากมาย แต่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจต่อการปฏิบัติ และ รู้สึกผูกพันกับวัดอโศการาม ของท่านพ่อลี เป็นอย่างมาก ขอพระพุทธองค์ทรงกล่าวตรัส บุพกรรมในอดีตชาติของข้าพเจ้า เกียวกับความผูกพันนี้ด้วยเถิด
เมื่อข้าพเจ้าถามจบ พระพุทธองค์จึงตรัสถามตอบว่า เธอยังสวดมนต์ ระลึกถึงคำสอนของตถาคตอยู่หรือ... ยังปฏิบัติอยู่ทุกวันพระเจ้าข้า... ข้าพเจ้าตอบ เธอยังฟังธรรมะ คำสั่งสอนของตถาคตอยู่หรือ... ยังปฏิบัติอยู่ทุกวันพระเจ้าข้า... ข้าพเจ้าตอบ เธอยังปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน ตามคำสอนของตถาคตอยู่หรือ... ยังปฏิบัติอยู่ทุกวันพระเจ้าข้า... ข้าพเจ้าตอบ งั้นก็ดีแล้ว... พระพุทธเจ้าตรัสตอบ ......... จากนั้นก็ตื่นนอนดูเวลาก็เกือบ ๗ โมงเช้า ข้าพเจ้านอนคิดใคร่ควรในเรื่องที่ฝัน ทันทีและรู้สึกทราบซึ้งใจมากที่ ฝันเห็นพระพุทธเจ้า มันไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่าย ๆ นัก ไม่ใช่ใครนึกจะฝันแล้วก็ฝันซะเมื่อไหร่ พระพุทธเจ้า ไม่ได้ตรัสตอบคำถามของข้าพเจ้าโดยนัยตรง แต่กลับตรัสถามถึงสิ่งที่เป็นแก่นสารของเรื่อง นั่นคือการปฏิบัติธรรม เมื่อเข้าถึงธรรมะแล้ว เราก็คงจะรู้เอง และไม่จำเป็นที่จะต้องลังเล สงสัยหรือไตร่ถามผู้ใดอีก...ข้าพเจ้าคิดว่าอย่างนั้น
Create Date : 09 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 19:56:11 น. |
|
2 comments
|
Counter : 549 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:9:22:27 น. |
|
|
|
โดย: ย่าชอบเล่า (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:9:58:06 น. |
|
|
|
| |
|
|
เป็นนิมิตรที่ดีนะครับ