
เป็นการเล่าเรื่องราวของรักสามเส้าได้แบบทั้งบาดลึกและเสียดสีสังคมในมุมมองของผู้หญิงได้แบบน่าทึ่งมากค่ะ เรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวความรักของ"ปิ่น" หญิงสาวที่มีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 6-7 กับชายหนุ่มที่เข้ามาในชีวิตเธอสองคน หนึ่งคืออดีตพี่เขยผู้เงียบขรึมแต่หวานลึก และอีกหนึ่งคือเพื่อนรักที่รู้ใจกันไปทุกอย่างจนแทบจะเป็นกระจกเงาของกันและกัน ซึ่งผู้เขียนสามารถถ่ายทอดอารมณ์รักที่มาจากความประทับใจ ความผูกพัน และความหวานที่อบอวลอยู่รอบตัว ได้แบบน่าประทับใจพอๆกับอารมณ์โศกเศร้าอาดูรที่มาจากความรู้สึกผิดและความสับสนในหัวใจ
การปล่อยเรื่องราวของปิ่นผ่านการพยายามปะติดปะต่อภาพในอดีตโดยใช้ตัวละครที่เป็นท่านเลขาธิการหนุ่มใหญ่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน โดยให้เป็นไปในรูปแบบของการได้พูดคุยกับวิญญาณของหญิงสาวบ้าง ผ่านการอ่านจากสมุดบันทึกบ้าง หรือผ่านการบอกเล่าจากคนที่ได้เคยรู้จักกับบุคคลในอดีตบ้าง ทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนตัวเองมีส่วนร่วมในการค้นหาอดีตไปกับชายหนุ่มและสร้างความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นจนแทบจะรอจนถึงตอนจบของเรื่องไม่ไหวทีเดียวค่ะ
ยังไม่นับมุมมองของสังคมในอดีตที่ผู้หญิงถูกตีกรอบจนแทบจะหาช่องว่างให้กระดิกตัวไม่ได้เลย ภาพของหนึ่งหญิงสองชายจึงกลายเป็นภาพที่อัปยศอดสู แม้ว่าเจ้าตัวเองจะพยายามยืนอยู่บนความถูกต้องของสังคมแค่ไหนก็ตาม ในขณะที่ภาพของหนึ่งชายหลายหญิงกลับเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ไปซะอย่างนั้น แต่ถึงที่สุดแล้ว ตัวละครทุกตัวก็ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียจนบอกได้ยากว่าสุดท้ายแล้วใครผิดและใครถูก เราว่าตัวละครที่แข็งแรงที่สุดในเรื่องคือแม่ของปิ่นค่ะ โดยเฉพาะตอนที่เธอสอนปิ่นในเรื่องเกี่ยวกับความรัก ซึ่งผู้เขียนก็วางคาแร็คเตอร์ของตัวละครไว้แข็งแรงพอที่จะให้แม่ของปิ่นเองมีประสบการณ์ที่สามารถสอนเธอในเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วได้อารมณ์หลากหลายมากค่ะ โดยเฉพาะช่วงพีคของเรื่องที่กดดันจนแทบจะอดร้องไห้ไปกับตัวละครไม่ได้ และยังถือว่าจบได้ดีใช้ได้ด้วยนะคะ ชอบมากค่ะ
ให้คะแนน 9/10 ค่ะ