The Venetian Macao Resort.

เวเนเชี่ยน มาเก๊า อันมีมูลค่า 2.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯได้กลายเป็นโรงแรมโครงสร้างเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียและเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบด้วยลักษณะเดียวกันในลาส เวกัส เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊าตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรเนซ้องส์ เวนิส อันโดดเด่นด้วยการจำลองสถานที่อันโด่งดังในเวนิส อาทิ จัตุรัส เซนต์มาร์ก, พระราชวังดอร์ช, หอคอยแคมพาไนล์ และคลองในร่มสามแห่ง พร้อมทั้งเรือกอนโดล่าและคนพายเรือที่คอยร้องเพลงขับกล่อม ในส่วนของโรงแรมนั้น เป็นห้องสวีทล้วนจำนวน 3,000 ห้อง พร้อมพื้นที่ช้อปปิ้งและค้าปลีกขนาดหนึ่งล้านตารางฟุต ซึ่งมากกว่าขนาดในช้อปปิ้งมอลใดๆบนเกาะฮ่องกง ทำให้เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า กลายเป็นจุดหมายหลักของนักช็อปปิ้งทั่วทั้งภูมิภาค พื้นที่ในส่วนคาสิโนขนาด 550,000 ตารางฟุต ถือเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีโต๊ะเสี่ยงโชคมากถึง 870 โต๊ะ พร้อมทั้งเครื่องสล็อต แมชชีนกว่า 3,400 เครื่อง

ด้านหน้า และภายในขอเวเนเชี่ยน

เข้ามาถึง The Venetian Macao Resort ตอนบ่ายๆ เห็นคนเยอะแยะไปหมด ทางหัวหน้าทัวร์เขาบอกว่า ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่จะเป็นลูกค้าส่วนมากของที่นี่.....

ที่เวเนเชี่ยนจะมีทางเข้าทั้งหมด 3 ทาง เมื่อแขกเข้าไปจะเช็คอินเข้าพักในโรงแรม ก็จะแบ่งหน้าที่กันไปเป็นโซนๆ เพราะอาณาบริเวณตลอดจนห้องพัก พร้อมแหล่งบรรเทิง shopping ต่างๆมีมากมายละลานตาไปหมด... เมื่อเดินเข้าไปด้านในสุดจะเจอโต๊ะสำหรับนักเสี่ยงโชค เราก็ได้แต่ไปยืนดูว่าเขาเล่นกันอย่างไร.... หลังจากนั้นก็ขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งเป็นแหล่ง shopping และที่ล่องเรือ condola แบบฉบับอิตาลี่.....

เพดานตึกทำเป็นท้องฟ้าจำลอง











นักดนตรีแต่งแฟนซี และคนแต่งตัวคล้ายรูปปั้นหินอ่อน

ภายในจะมีคลองในร่ม เรียกว่า Grand Canal มีสาวๆ และหนุ่มๆ ชาวอิตาลีมาพายเรือกอนโดล่าให้เรานั่ง โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อรอบ (ประมาณ 100 เมตร ไป-กลับ) 88 HKD....พร้อมร้องเพลงเสียงโอเปร่าให้เราฟัง

ก่อนลงเรือ จะมีช่างภาพมาถ่ายภาพเราไว้ พอขึ้นจากเรือ ก็มาเสนอขายภาพถ่ายพร้อมพวงกุญแจให้เรา ถ้าไปสองคน ก็ จะขายสองพวง.... อันนี้เราจะรับหรือไม่ก็ได้ ราคาวันนั้นก็ ภาพ 2 แผ่นใส่กรอบกระดาษสัญลักษณ์ The Venetian พวงกุญแจ 2 อัน ราคา 370 HKD...... เห็นว่าเขาทำน่ารักดี ก็เลยซื้อเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก....

บน เจ้าหน้าที่ประจำเรือ ส่วนสาวชุดดำคือคนขายภาพให้เรา

เดินจนเหนื่อยก็มีร้านอาหาร นาๆชาติให้เราเลือกรับประทาน ทั้งไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน ตะวันตก..... ส่วนราคา ก็มีหลายระดับ ตั้งแต่ถูกๆไปจนถึงร้อยกว่าเหรียญ เราเลือกก๋วยเตี๋ยวเวียตนาม ชามละ 50 HKD อร่อยดี เยอะด้วย ถ้าสาวๆที่ทานน้อยๆ ก็ทานด้วยกันสองคนคงอิ่มพอดี...

บริเวณศูนย์อาหาร






ในห้องน้ำอุปกรณ์ล้วนสีทอง

ประมาณหกโมงเย็นเศษ เราก็ออกจาก The Venetian Resort ด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ทึ่งในความอลังการ์ของที่นี่ .....จริงๆแล้วบริเวณนี้เป็นทะเล และถูกถมมาเพื่อสร้าง The Venetian Resort พร้อมกับโรงแรมระดับ 5 ดาวที่เป็นบริวารอยู่รอบๆ....

เรานั่งรถกลับที่พักที่โรงแรม Taipa Hotel ที่เกาะ Taipa อีกครั้ง....ที่จริงก็เพียงนั่งข้ามภูเขาลูกหนึงที่ไม่สูงนัก ที่กั้นไว้ระหว่างเวเนเชี่ยนกับโรงแรม ระยะทางไม่น่าจะไกลเกิน 5 กม. ถามไกด์ก็ได้ความว่า ถ้าใครติดใจเวเนเชี่ยน ก็อยู่ต่อได้ โดยกลับ Taxi ราคาประมาณ 12 HKD (แทกซี่ที่นั่นแพงมาก).....คืนนี้เพลียมาก โด๊บเบียร์ชินเตาไป อีก 3 กระป๋อง ก็หลับสบายไป...




19 กรกฎาคม 2008
ฮ่องกง วิคตอเรียพีค ศาลเจ้าแม่กวนอิม โรงงานจิวเวอรี่ Symphony of Lights ชอบปิ้งที่ถนนนาธาน.


เช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมไทปาตอน 08.00 น หลังอาหารเช้า เดินทางไปที่ท่าเรือเฟอรี่ เพื่อเดินทางกลับเข้าฮ่องกงอีกครั้ง.... รถต้องพาเรากลับไปฝั่งมาเก๊าเดิม เพื่อขึ้น Ferry ที่นั่นให้ทันเที่ยว 09.00 น เมื่อผ่านพิธีตรวจเอกสาร เราก็ขึ้น First Ferry อีกครั้งเพื่อเดินทางเข้าฮ่องกง อากาศวันนี้สลึมสะลือน่าดู ประกอบกับในเรือถ่ายภาพผ่านกระจกที่มีละอองฝนเกาะเลยรูปที่ได้แย่ลงไปกว่าเดิม (ปกติก็ถ่ายไม่เอาไหนอยู่แล้ว).....

ก่อนจากมาเก๊า

วันนี้คลื่นค่อนข้างแรง เลยมีหลายคนเมา ถึงของเก่าออกก็มี ทางที่ดีถ้าใครเคยมีอาการเมาคลื่น แนะนำให้พกยาแก้เมาไปด้วย เพราะเรือเฟอรี่ที่นั่นติดแอร์ ปิดกระจกด้วย....

เรือตัดคลื่นไปทางทิศตะวันออก ประมาณชั่วโมงก็เข้าเขตฮ่องกง เราก็เริ่มเห็นตึกสูงมากมาย ตั้งเรียงรายอยู่สองฟากอ่าว เรือสินค้าขนาดใหญ่กำลังถูกลากจูงเพื่อเข้าเทียบท่า ซึ่งท่าเรือที่นี่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชีย รองจากสิงค์โปร์ สินค้าพวกแฟชั่นจึงมักจะขึ้นท่าที่นี่ก่อนใครๆ

สองฟากอ่าว ฮ่องกง-เกาลูน







ด่าน ตม. ที่ท่า Ferry ฮ่องกง

ออกจากด่านได้เราก็ไปต่อกันที่ Sunshine Plaza เพื่อซื้อเครื่องรางที่เรียกว่าผีเหย้า ที่รูปร่างคล้ายสิงห์ แต่ไม่ใช่สิงห์ เขาจะขายเป็นคู่ๆ ราคาก็ตามขนาดและความสวยงาม พอเราเข้าประไปจะมีตัวนี้อยู่สองข้างประตูให้เราลูป เพื่อเป็นศิริมงคลตามความเชื่อ หลังจากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่บรรยายสรรพคุณเรื่องโชครางให้เราฟัง ก่อนที่จะเปิดการขาย......ตามต่อด้วยดื่มน้ำโสมที่ร้านข้างๆกัน พร้อมซื้อของพวกยาบำรุงทั้งหลาย.....

ตัวเผเหย้า หรือ ผีเหย้า






เจ้าหน้าที่ขายพูดไทยได้เกือบทั้งนั้น

ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว เราก็ไปเตรียมตุนพลังงานกันที่ร้านอาหารในเกาลูนนั่นแหละ..... ลืมบอกไปว่า ท่าเรือเฟอรรี่ และร้านขายเครื่องรางผีเหย้า ก็อยู่ฝั่งเกาลูนนี่เหมือนกัน

ร้านอาหารที่นี่คนเยอะมาก เข้าใจว่าส่วนหนึ่งคือลูกค้าที่เป็นทัวร์มาลงกันที่นี่ เราทานเสร็จก็เดินทางต่อโดยรถยนต์เพื่อขึ้นเขาไปที่จุดที่เรียกว่า Victoria Peak เพื่อชมวิวฮ่องกง ทางจากฝั่งเกาลูนไปฮ่องกงก็ต้องลอดอุโมงใต้น้ำทะเลไป เมื่อไปโผล่ที่ฝั่งฮ่องกงแล้ว ไกด์แจ๊คของเราก็เล่าเรื่องฮวงจุ้ยต่อ เธอบอกว่าเมื่อก่อนอาคาร AIA ที่สร้างบนป่าช้าเก่า ไม่สนใจเรื่องฮวงจุ้ย เลยเกิดอาการค้าไม่ขึ้น แถมโดนลูกค้าเคลมบ่อยๆ จนจะอยู่ไม่ได้.... ภายหลังเลยเอาซินแสมาสร้างแก้เคล็ด โดยให้ทำกรอบโครงสร้าซีเมนต์ขาวๆล้อมหน้าต่างของตึกที่มีโคลงหน้าต่างสีน้ำตาลเอาไว้ เธอบอกว่าเพื่อทำเป็นลักษณะต่างคนต่างอยู่ ผีที่เคยมายุ่งก็ให้อยู่กันคนละส่วน.... หลังจากนั้น ก็ประสบผลสำเร็จด้วยดี..... ซึ่งคนที่นี่เขาถือกัน

อาคารเอไอเอ

วิคตอเรียพีค
เป็นจุดชมวิวเกาะฮ่องกง เกาลูน และอ่าววิคตอเรีย อยู่ที่ Mount Austin ทางตะวันตกของเกาะ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 552 เมตร (1,810 ฟุต)

วิวฮ่องกง จากวิคตอเรียพีค

อยู่ที่วิคตอเรียพีคประมาณ 20 นาทีเพื่อถ่ายภาพฮ่องกงในมุมสูง แล้วก็เดินทางต่อไปที่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ที่ชายหาด Repulse Bay ซึ่งก็อีกนั่นแหละ หาดทรายที่เห็น ก็เกิดขึ้นโดยการสร้างของมนุษย์ ทำโขดหินให้กลายเป็นชายหาด........ ที่ศาลเจ้าแม่กวนอิม นายแจ๊คไกด์ของเรา ก็พาทำพิธีกรรมต่างๆ โดยความเชื่อของคนที่นี่ และที่เขาไปเรียนรู้มา.... สิ่งเหล่านี้ ก็แล้วแต่คนนะครับ แต่เราทั้งหลายก็ทำตามกัน ไม่ว่าลูปตัวผีเหย้า และลูปเล็บท้าวเจ้าแม่กวนอิม พร้อมทั้งการทำภาวนาในศาลา 8 เหลี่ยม....

ตัวเผเหย้า หรือ ผีเหย้า






เจ้าแม่กวนอิม






สะพานต่อชะตา






ขอพร..







ทำพิธีในศาลาแปดเหลี่ยม

ขากลับเราผ่าน Repulse Bay และสถานี Cable Car เพื่อขึ้นไป Ocean Park แต่เราผ่านไป โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Abadeen Jewelry Factory ซึ่งเป็นโรงงานเครื่องประดับเพชรที่ทางการท่องเที่ยวฮ่องกงเขา promote พร้อมกันนั้น ทางไกด์เราก็เสนอขายแผ่นทองสัญลักษณ์ของฮ่องกง ประกอบไปด้วยสามแผ่นที่วาดภาพไว้ คือ สะพาน Tshing Ma ดอกไม้ชงโคสัญญลักษณ์ประเทศฮ่องกง และพระใหญ่ เป็นแผ่นทองคำ 99.99% ติดกรอบด้วยแผ่นไม้สวยงาม ราคาก็ 200 HKD.... ดูแล้วสวยครับ เลยเจอเข้าไปอีกสองร้อย.

Repulse Bay






Cable Car to Ocean Park

หลังจากชมโรงงานเครื่องประดับเพชร แล้วเราก็กลับเข้าที่พักที่ Empire Hotel Kowloon ที่ถนน Kimberley Road...... แล้วตั้งแต่วินาทีนั้นจนถึง 18.00 น วันที่ 20 กค.ก่อนเดินทางไปสนามบิน ทุกคนก็อิสระที่จะไปซื้อหาสิ่งของในทั้งฝั่ง ฮ่องกง และเกาลูน โดยที่เกาลูน ก็คือ ย่านถนนนาธานใกล้ๆที่พักเรานั่นเอง

เราเลือกที่จะไปดูการแสดง The Symphony of Lights ที่อ่าววิคตอเรียในคืนนั้น โดยเดินจากที่พักไปตามถนนนาธาน (Nathan Road) ลงไปทางใต้ แล้วลอดอุโมงไปโผล่ใกล้ๆกับ HK Museum of Art แล้วสามารถเดินเล่นริมทะเลที่ Avenue of Stars ที่มีรอยมือของดาราประทับไว้ได้ แต่วันนั้นคนเยอะมาก คงเพราะใกล้เวลาที่เขาจะแสดง ตอน 20.00 น แล้วก็ได้ ซึ่งการแสดงแสง สี เสียง จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที ตามความยาวของเพลงคลาสสิค...

ชม The Symphony of Lights



















Nathan Road







จุดไฟโอลิมปิกจำลองข้างถนนนาธาน

ประมาณ 20.15 น งานก็เลิก เราได้บันทึกวีดีโอสมใจอยาก เราลอดอุโมงที่มีห้างสรรพสินค้ามากมาย ข้างล่างนั่นเพื่อมาโผล่ที่ถนนนาธานอีกครั้ง เพื่อเลือกซื้อสิ่งของที่เราโดนฝากมาซื้อ และที่เราอยากจะได้..... ช่วงนี้ เสื้อผ้าพวกแบรนด์เนม ก็กำลังลดราคา อย่าง bossini เสื้อยืด 2 ตัว 99 HKD ขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า สินค้าพวก electronics กล้อง และโทรศัพท์ มีเยอะแยะ แต่คนไทยชอบไปซื้อที่ร้าน อากี (เขียนภาษาไทยด้วย) เพราะเชื่อว่า ไม่มีของย้อมแมว..... ร้านจะตั้งอยู่ใกล้ๆทางลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน จิมซาจุ่ย (Tsim Sha Sui)

ซ้ายมือคือร้าอากี ขวาคือทางลงไปสถานีรถไฟ

คืนนั้นเรารวบรวมพลังเดินได้ถึงเกือบเที่ยงคืน จึงกลับที่พัก..... รายการต่างๆที่ทั้งโดนฝากซื้อ หรือขอให้ซื้อ และอยากซื้อ ก็ได้เกือบครบ แต่ถ้าใครยังไม่ครบ ก็ต่อพรุ่งนี้ได้ แหล่งชอปปิ้งอื่น ก็อยู่ไม่ไกลนัก เช่น จอร์แดน มองก๊อก โดยสามารถไปรถ MTR (Mass Transit Railway) สายสีแดงจากหน้าร้าน อากี หรือจะไปเซ็นทรัลฝั่งฮ่องกง ก็สายสีแดง ลอดอ่าวไป...

เที่ยวเหนื่อยๆ ขอพักเอาแรงก่อนละกัน แล้วมาว่าต่อตอนสุดท้าย ในการไปไหว้พระใหญ่..... ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่เข้ามาอ่าน