สภาวะวิมุติ... วิมุติญาณทัสสนะ ในวิปัสสนากัมมัฏฐาน โดยอ.รัตน์ รตนญาโณ
วิมุติ
เป็นสภาวะที่จิตหลุดพ้นออกไปจากทุกข์ พ้นไปจากผู้รู้ จากสิ่งถูกรู้ จากแรงดึงทั้งปวง และจากกาลเวลา เป็นสภาวะธรรมชาติเดิมของจิต ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีสิ่งใดจะไปอนุมานเปรียบเทียบได้ มิใช่สภาพธรรมที่เป็นคู่มิใช่ทวิลักษณ์ ผู้ประจักษ์แจ้งสภาวธรรมนี้ครั้งแรก (โสดาบันบุคคล) จะหมดความสงสัยในเรื่องความหมายของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนเห็นกฎที่เป็นพื้นฐานของจักรวาลอันเป็นระบบรองรับหรือยืนพื้นของสรรพสิ่ง รวมทั้งรู้แจ้งในสิ่งที่เป็นสมมุติสัจจะและปรมัตถ์สัจจะ
ญาณทัสสนะ
เมื่อดำรงองค์มรรคจนเกิดทักษะความชำนาญ วิถีทางของจิตปลอดโปร่งไประยะหนึ่ง ความเข้าใจในเรื่องสภาวะจิตเดิมที่ปรากฏอย่างเต็มสมบูรณ์กับความพร่องที่เคลื่อนไปจากความเต็ม จะปรากฏขึ้นให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า จากปรากฏช้าเป็นปรากฏเร็ว จนความสมบูรณ์กับความพร่องกลายเป็นภาวะที่เกิดดับอยู่ทุกอายตนะ มาถึงขึ้นนี้ผู้ปฎิบัติจะเข้าถึงสภาวะสติขั้นสูง ที่เรียกว่าสติเว้นรอบ อันเป็นสติที่เกิดตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดมาจากการกำหนดเหมือนกับการกำหนดสติในขั้นสติปัฎฐานสต ิเว้นรอบนี้เป็นภาวะที่เกิดโดยไร้เจตนา เป็นภาวะจิตเดิมที่ไม่ใช่จิตนึกคิดตามปกติ ปรากฏการณ์ทุกชนิดที่เกิดขึ้นทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อญาณทัสสนะปรากฏ จิตจะสามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง เป็นวิชชาที่จะไปทำลายอวิชชาที่ปิดกั้นมิติการรับรู้เอาไว้ คือความไม่รู้อดีต ไม่รู้อนาคต ไม่รู้ความเชื่อมโยงของอดีต ปัจจุบัน อนาคตและความไม่รู้การวนรอบของปฏิจจสมุปบาท เริ่มแรกจะรู้เรื่องความเป็นมาเป็นไปของตนเองก่อน ต่อมาก็ไปรู้เรื่องของผู้อื่น และ สรรพสิ่งอื่น เป็นสายๆ โดยไม่รู้จบสิ้น
วิมุติญาณทัสสนะ
เมื่อมาถึงขึ้นนี้ผู้ปฎิบัติสามารถใช้ญาณทัสสนะสืบสาวถึงเหตุและปัจจัยของสรรพสิ่ง รู้เรื่องราวของสรรพสิ่ง เป็นเรื่องที่ไม่มีที่สิ้นสุด วนไปวนมาไม่รู้จุดเริ่มต้น ไม่รู้จุดสุดท้าย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ สลาย ครั้งแล้วครั้งเล่า ตามเหตุตามปัจจัย เหตุนี้สร้างสิ่งนี้ เหตุนั้นสร้างสิ่งนั้น โดยมีแรงสันตติส่งสืบต่อให้สิ่งทั้งปวงต่อเนื่องดำเนินไปเป็นสายๆ
สุดท้ายบรรดาทิฏฐิความเห็นทั้งปวงจะถูกละคลายไปหมดสิ้น ส่วนความรู้ความเห็นที่ประเสริฐสุดก็คือวิมุติญาณทัสสนะ อันเป็นความรู้ระดับทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไป ถึงความหลุดจากทุกข์ได้โดยสมบูรณ์