ปรัชญาหลักของเซน คือการเข้าสมาธิและทำจิตให้ว่าง โดยถือว่าเซนเป็นแนวทางหรือวิถีนำไปสู่ความรู้แจ้งหรือความหลุดพ้นตรงกับคำว่า 'ซะโทริ' (satori) ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งในทัศนะของเซน มนุษย์สามารถเข้าสู่ซะโทริได้ในวิถีชีวิตประจำวันโดยการเรียนรู้หรือแสวงหาความรู้แจ้งจากการกินอยู่ การดื่ม หรือการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการแสวงหาความหลุดพ้นจากสมาธิในกิจการงานต่างๆ จากปรัชญาดังกล่าวนี้เองการสร้างสรรค์งานศิลปะจึงกลายเป็นหนึ่งในการแสวงหาความหลุดพ้นตามแนวคิดของเซน และเซนได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ศิลปะแขนงต่างๆ ของญี่ปุ่น
คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสวนเซน คือสวนหิน หรือสวนกรวด-หิน แต่อันที่จริงสวนหินเป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของสวนเซนเท่านั้น สวนเซนเกิดจากการสังเคราะห์ธรรมชาติตามปรัชญาคำสอนทางศาสนาเพื่อจุดมุ่งหมายในกระบวนการสร้างคุณค่าให้กับมโนทัศน์เบื้องลึกทางจิตวิญญาณ จึงมิใช่สวนที่มีแบบแผนตายตัว แต่มีคุณค่าที่เลื่อนไหลหรือไหลเวียนไปตามสภาวะจิตของผู้สัมผัส
ตัวอย่างสวนเซนที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งคือ สวนเซนที่ตำหนักทองในเมืองเกียวโต โชกุนอะชิกางะ โยชิมิตสุ (Ashikaga Yoshimitsu) สร้างขึ้นเป็นที่สำหรับสำราญอิริยาบถหลังเกษียณตนเองจากตำแหน่งโชกุน
บุคคลท่านนี้มีเรื่องเล่ากล่าวถึงอยู่ในการ์ตูนเรื่อง 'อิคิวซัง' นั่นเอง โชกุนโยชิมิตซุได้สร้างตำหนักทอง หรือคินคะคูจิ (Kinkaku-ji) ล้อมรอบด้วยสระน้ำและสวนญี่ปุ่น ต่อมาในสมัยของ โชกุนอะชิกางะ โยชิมะสะ (Ashikaga Yoshimasa) หลานชายของโชกุนโยชิมิตสุ ก็ได้สร้างตำหนักเงิน หรือฌินคะคูจิ (Ginkaku-ji) ขึ้นเช่นเดียวกัน
ด้านนอกของตำหนักเงินมีสวนหินแบบเซนทำเป็นเนินทรายสีขาวจำลองภาพภูเขาไฟฟูจิ ล้อมรอบด้วยพื้นราบทรายสีขาว พื้นทรายซึ่งคราดทำเป็นระลอกคลื่นคือตัวแทนของน้ำในทางปรัชญา เสมือนกระแสธารแห่งสังสารวัฏที่พัดผ่านถาโถมเข้ามา ขณะที่ก้อนศิลาคือตัวแทนของภูเขา เกาะแก่งก็เปรียบได้กับความมั่นคงสงบนิ่งของจิตที่ไม่เคลื่อนไหวหรือโอนเอียงไปจากสมาธิอันแน่วแน่
นอกจากลานสวนหินอันเลื่องชื่อแล้ว ภายในวัดเรียวอันจิยังมีบ่อน้ำ ซึ่งตั้งไว้สำหรับให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมวัดล้างมือบ้วนปาก เพื่อชำระล้างร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าไปในห้องชงชา (a tea - ceremony room / 茶室) สิ่งที่สะดุดตาก็คือ รอบบ่อน้ำรูปวงกลมซึ่งตรงกลางถูกเจาะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมนั้น มีตัวอักษรจีน (อักษรคันจิ) ว่า 五・隹・疋・矢 สลักอยู่
แม้แต่คนญี่ปุ่นเอง เห็นตัวอักษรเหล่านี้ยังมีงง แต่หากตั้งใจสังเกตดีๆจะเข้าใจว่านี่เป็นการเล่นตัวอักษรแบบหนึ่ง เพราะส่วนที่ขาดหายไปในตัวอักษรทั้งสี่นั้นก็คือ 「口」ซึ่งไปซ่อนอยู่ตรงกลางของบ่อน้ำ (ส่วนที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมตรงกลาง) นั่นเอง เมื่อลองนำตัวอักษรทั้งหมดมาประกอบกับ「口」และอ่านจากด้านบนสุดวนตามเข็มนาฬิกา ก็จะได้ออกมาเป็น 「吾・唯・足・知」 (ware tada taru (wo) shiru) ซึ่งมีความหมายว่า ขอเพียงแค่เรารู้จักพอ
บ่อน้ำนี้ มีรูปร่างเหมือนเหรียญเงินโบราณของญี่ปุ่น และการที่มีตัวอักษรเหล่านี้สลักเอาไว้ ก็เพื่อเตือนสติเราว่า "คนที่รู้จักพอจะเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ถ้ารู้จักพอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ทำจิตใจให้สงบนิ่งเป็นสมาธิได้" หรือคือไม่ให้โลภนั่นเอง ส่วนคำเฉลยของจำนวนก้อนหินในลานสวนหินนั้น แท้จริงแล้วจำนวนก้อนหินในปริศนาที่บอกว่ามี 15 ก้อน เป็นการกล่าวถึง "วันขึ้น 15 ค่ำ" ซึ่งเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสมบูรณ์สวยงาม แต่ที่คนจัดสวนหินไม่นำหินทั้ง 15 ก้อนมาวางเพื่อให้มองเห็นง่ายๆนั้น ก็เพื่อเป็นคติธรรมสอนใจเราว่า
ชีวิตคนเราไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ และชีวิตจะมีความสุขได้ เพียงแค่เรารู้จักคำว่า "พอ"
ทางเดินนักปราชญ์ (The Philosophers Path) ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองเกียวโต ข้าง ๆ ทางเดินนั้นจะเต็มไปด้วยต้นซากุระเป็นร้อย ๆ ต้น และมักจะบานพร้อมกันในช่วงต้นเดือนเมษายน จึงทำให้เกียวโตนั้นกลายเป็นเมืองที่เป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลฮานามิ
อ่านเพิ่มเติม //www.japan-guide.com/e/e3908.html