บัวทองเด็ดแต่น้ำ....................เอามา แลฤา
แลว่าดวงดารา.......................หยาดฟ้า
ฤาจันทราจากเวหา..................หาพี่ พระเอย
เรียมเร่งพิศหน้าหน้า................หนุ่มหน้าติดใจ...
โสมส่องแสง จากปลายปากกาของโรสลาเรน
ภูริตมีทุกอย่างเพียบพร้อม หน้าที่ การงาน ฐานะครอบครัวและแม้กระทั่ง...ยาย อีกา คนสวยนั่น ซึ่งท่าทางคอยเร่งวันเร่งคืนแต่งงานหากเขากลับมาอยู่เสียที่นี่ เสี่ยงชีวิตนอนกลางดินกินกลางทราย หายใจเป็นการรบคนเวียงสรองบางกลุ่ม บางเหล่าแท้ๆ ยังทำลายแผ่นดินตน ยอมยกแผ่นดินตนให้คนต่างด้าวท้าวต่างแดน
เขาเป็นใคร มาทำหน้าที่ปกป้องเวียงสรอง?
หทัยน้อยของเจ้านางเต็มตื้น นอกจากแผ่นดิน พี่เจ้าเธอต้องกตัญญูต่อเขาผู้นี้ก็เขาอีกแหละ...บุกเข้าไปเพื่อช่วยพ่อเจ้า...และหากเธอไม่ได้เขาจะรอดปลอดภัยมาหรือเล่า
โอษฐ์งามยะแย้มยั่ว....................ตาตรู
ดุจกลีบบัวคลี่คู่..........................อ่อนซ้อน
นิลเนตรนิลพธู...........................แวววาบ
กลอาบเคลือบน้ำค้าง..................หยดฟ้ายาใจ
เด็กเอ๊ยเด็ก!
หากอีกใจหนึ่งฉุกคิด เด็กแน่หรือ...เจ้าจ้อยมันแบบบางแถมมันพยายามที่จะซ่อนความงามเฉิดให้มิดเม้น แต่ยามมีภัย ยามมีงานความเป็นขัตติยชาติแข็งแกร่งแสดงชัดเช่นกัน
มันไม่ใช่เด็ก และยิ่งไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ
สตรีเฉกนี้แหละที่ใครได้ไป ย่อมแน่แก่ใจว่าสุขหรือทุกข์จะมีคนเคียงข้าง เขาเองประจักษ์ในข้อนี้ดี
เพื่อนบ่ทิ้งเพื่อน!
...จะหางามสามโลกก็เหลือหา
สมเป็นนางพญาอันสูงสุด
บ่ควรคู่กับผู้ใดในมนุษย์
ควรสมมุติแต่กษัตริย์ขัตติยา...
ในวันหน้ามันจะเป็น นางพระยาณ ที่ใดก็ตาม หากสำหรับเขามันคือ ไอ้จ้อยที่ฝังรอยคำไว้ในหัวใจ...เมื่อยอมรับความจริงเมื่อรู้แท้แน่แก่ใจตนเองเสียแล้ว ภูริตก็หลับได้อย่างสุขสมในหัวใจ
รัก...ต้องไม่ต้องการการตอบแทน!
ภูริต แน่ใจ ในบัดดล
เขารักเจ้าจ้อย แต่...ไม่มีวันจะดึงเจ้านางรอยคำลงมาเป็นอันขาด...เธอเป็น เจ้านาง เขามันก็แค่ทหารรับจ้างธรรมดาๆ
หากเธอ...ชีวิตดูเหมือนจะผูกพันกับเขาแน่นแฟ้นหากจะถามว่าระหว่างภูริตกับพี่เจ้าผูกพันใครมากกว่ากัน คำตอบคงมีทันที เท่ากัน! หากมี บางส่วน แยกกัน
พี่เจ้าคือ เจ้าองค์หลวง ที่ต้องเทิดทูนเหนือเกล้า
หากภูริตคือ...ชีวิตเธอกระมัง
ทำไม รู้สึก อย่างนี้ เจ้านางน้อยก็มิรู้องค์มันจะแปลว่ากระไรก็บอกมิได้
โอ้ว่าแสงโสมส่อง..............ผ่องทั่วนภากาศ
แจ่มใสไพลาส...................สุกสะอาดลออตา
ผ่องแผ้วแพร้วรัศมี..............สาดรังสีสว่างหล้า
ใสสดหมดเมฆา.................อวดอาภาเมื่อคืนเพ็ญ
จ้อยเป็นเจ้านางของเวียงสรองจำไว้...คนเวียงสรองไม่มีอะไรเหลือให้เขาชื่นชมอีกแล้ว แผ่นดินยังระอุ แตกแยก ธงชัยของเขาคือเจ้าหลวงกับเจ้านางจ้อยต้องดำรงตนให้ดีงาม ดำรงความรักความเชื่อมั่นของเขาให้ได้ถ้าตราบใดคนเวียงสรองยังรู้สึกว่า เจ้านายเป็นของเขา ไม่มีใครมาแยกไปได้หัวใจเขาจะรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวเสมอ
เราจะทำ แค่สามคำหากหนักแน่นทุกคำ
ใช่เรา เขายิ้มอ่อนโยน
เมื่อจ้อยมา จ้อยคิดว่าจะมาตายกับพี่
อีกครั้งที่เขาแทนชื่อตัวเองเช่นนั้น อย่างมั่นคง
พี่ก็จะตายกับจ้อย จะไม่ไปไหนหรอก ยังไงๆต้องกลับเวียงสรองไปหาจ้อยเสมอ
ตาสวยเบิกกว้างมองคนนั่งตรงข้ามเต็มตา
เวียงสรองคือภาระของจ้อยเท่ากับของพี่เราคงต้องช่วยกัน อีกนานกว่าจะร่มเย็น ไม่ต้องมาก...แค่สักครึ่งที่เคยเป็นก็ยังดีจ้อยยังเด็ก...
มันอ้าปาก หากภูริตหายอมไม่
เด็กที่ค่อนข้างโตเท่านั้นแหละ จ้อยต้องโตกว่านี้กว่าจะเข้าใจว่าความรักความสนิทสนม ความชื่นชมในใครสักคน บางทีมันแยกกันได้ ไม่เหมือนกัน จ้อยต้องใช้เวลาดูใจตัวเองต้องพบคนอีกมาก อย่าผูกพันตัวเอง พี่ไม่ผูกพันจ้อย คำว่าไม่ผูกพันหมายความว่าจ้อยมีอิสระจะรัก จะเลิกรักได้
มันยิ้มกว้างทันที ไม่เลิกก็ได้ใช่ไหม?
...อกอุ่น นี้กว้าง แข็งนัก
ปกปัก รักษา เจ้าได้
ยามทุกข์ ยามมี โพยภัย
อยู่ใน อกนี้ อย่ามีเกรง...
พี่สัญญา จะไม่มีวันทิ้งจ้อยทิ้งเจ้าหลวงพอใจไหม?
ประโยคนั้นยิ่งเสียกว่าความปิติใดๆประโยคนั้นยิ่งเสียกว่าคำรัก เพราะ...มิใช่หมายแค่ รักเดียวหากเขารักแผ่นดิน รักคนทั้งแผ่นดินของจ้อยด้วย
น้ำเนตรหยด ริมโอษฐ์สั่น
ภูริตแตะปลายนิ้วซับให้อ่อนโยน
พี่ถึงบอกว่าจ้อยยังเด็กต้องโตกว่านี้จึงเข้าใจคำว่า ความรัก เรายังมีงานจะต้องทำด้วยกันมากมายเราจะไม่ทิ้งกัน พี่ของจ้อยไม่ไปไหนหรอก ถ้าจ้อยต้องการพี่ จะพบพี่เสมอไม่ว่าพี่อยู่ที่ใดจ้อยบอกคำเดียวว่า ต้องการพบ พี่จะมาหาจ้อยทันที อย่างนี้...ดีไหม?
ตาคู่สวยเชื่อมั่น...ถ้าเขาสัญญา เขาจะไม่ทิ้งมันภูริตถอนใจ
มันผูกพันแน่นหนา แต่เขาต้องคอย ถ้า เจ้าหลวง เหมือนดวงสุริยาฉายแสงให้ความอบอุ่นแก่แผ่นดินเวียงสรอง เจ้านางรอยคำคือดวงจันทร์อ่อนนวลให้ความเย็นตาชุ่มฉ่ำใจ คนเวียงสรองกำลังเริ่มพลิกแผ่นดิน...
เขารักจ้อย ต้องรักแผ่นดินของมันด้วย!
หนาวจับจิตหนาว...............ยิ่งหนาวราวไข้
หนาวที่ไม่........................สมใจหมายเชย
น้ำค้างพร่างพรม................ซ้ำลมรำเพย
หนาวใจไร้เชย...................ชมละหนอ
คุณริตสัญญาต้องเป็นสัญญา
เด็ก! เหอะ!...อย่าคิดว่ามันเด็ก มันใหญ่แล้วนะ อย่าคิดว่ามันจะเปลี่ยนใจ เหอะ! ไม่มีทาง...
เวลา...จะนานเท่าไหร่ไม่เห็นกลัว
ระยะทาง...ห่างไกลแค่ไหนไม่แปลก
เขาจะมาหาจ้อยเสมอถ้าต้องการ
แผ่นดินเวียงสรองอยู่ข้างหน้า...มันมีหน้าที่...คนทั้งเวียงสรองรอมัน...หากมัน...รอคนๆเดียว คุ้มใช่ไหมที่จะรอคนซึ่งแน่ใจได้ว่า
สุขทุกข์จะอยู่ด้วยกัน
และ...ยามปิดตาตายจะกลับมาอยู่ด้วยกัน
มันหลับตา...จำร่างสูง หน้าคม ตาดุ ได้แม่นยำมันอยากเป็นแค่เจ้าจ้อยของเขาเท่านั้น...ไว้ให้มันเหยียบแผ่นดินเวียงสรองก่อน...ค่อยเป็น เจ้านางรอยคำ หน้าที่มาก่อน...ความสงบสุขของคนเวียงสรองมาก่อน ทว่า...ทุกย่างก้าวที่มันผ่าน จะมีคนติดตามคุ้มครอง เพื่อนบ่ทิ้งเพื่อน
จุดสว่างกลางใจจะส่องชั่วนิรันดร์
...หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้
หอมกลิ่นคล้าย คล้ายกลิ่นสูเรียมเอย
ถึงจะหอมกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย
กลิ่นหอมทรามเชยเล่าเนอ...
ขอบคุณของแต่งบล๊อกน่ารักๆ จากป้าเก๋า (ชมพร)
เอ็นทรี่ก่อนหน้า "ก้าวแรก...ก้าวสำคัญ"
แต่รู้ว่านักเขียนคือคุณทมยันตี
เพียงแต่มีหลายนามปากกาใช่ไหมครับ
ท่านเขียนนิยายไว้มากเหลือเกิน
และประสบความสำเร็จทุกเรื่องเลย
โหวต Book Blog ครับคุณรุ้ง
ปล. ขออนุญาตอธิบายเนื้อหาในบล็อกเพิ่มเติมนะครับ
เพื่อความเข้าใจ
เห็นหยดน้ำสามหยด
เห็นไตรลักษณ์
เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
(หยดน้ำเปรียบเสมือนสังขารมนุษย์
มีเกิด ดำรงอยู่ และตายไป)
เห็นหยดน้ำสามหยด
เห็นจิตตน
เห็นสมมุติเป็นไป
(ถ้าเราพิจารณาการเกิด การมีชีวิต
และการตายให้ดี
เราจะเห็นว่าชีวิตของคนเรานั้น
เป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาของชีวิตหนึ่ง
ในเวลาหนึ่ง พอหมดหน้าที่ก็จากไป
เหมือนหยดน้ำทีระเหยไปเมื่อโดนแดด
ส่วนชีวิตคนก็หมดไปเมื่อถึงคราวตาย)
เห็นหยดน้ำสามหยด
เห็นหยดน้ำหยดเดียว
ไม่เห็นหยดน้ำอีกต่อไป
(ถ้าเราพิจารณาไตรลักษณ์ให้ดี
เราจะพบว่าทั้งการเกิด การอยุ่และการตาย
เป็นสิ่งเดียวกัน
คือเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น
แล้วก็ต้องเสื่อมสลายไปในที่สุด
ไม่เห็นหยดน้ำ -- ไม่ได้หมายถึงตายแล้วดับไป
เหมือนน้ำค้างที่ระเหยไป
แต่วันต่อไปก็มีหยดน้ำค้างเกิดขึ้นใหม่
เหมือนจิตของคนที่พอตาย
แล้วก็ไปเกิดใหม่น่ะครับ จริงๆที่เราว่าดับ
ไม่ได้ดับแบบหายไป
เพียงแต่ไปเกิดใหม่ในร่างใหม่ด้วยจิตหรือความคิดแบบเดิมเท่านั้นเอง
คำว่าเห็นหยดน้ำสามหยด
ทำไมจึงกลายเป็นเห็นหยดเดียว
นั่นคือการมืองเห็นไตรลักษณ์ทั้งสาม
เป็นความจริงอันเป็นหนึ่งเดียว หรือสัจธรรมครับ)