คุณยายมิวมิวยังเปื่อยย..เฮ้ออ...
ทะไมเรียกว่ายายฟะ....ฟันขึ้น 6 ซี่แร้วนะเฟ้ยยยย.....ถึงจะแบบห่างๆ จอบๆ ก็เถอะ
วันนี้ พาเจ้ามิวมิวไปหาหมออีกรอบ..
ตอนแรก นัดหมอที่พญาไทเอาไว้ ช่วงเย็น(คิวยาวววว รอนานนนนแง๋แซะ) เพราะใกล้บ้าน(ก้อไม่ใกล้เท่าไหร่อะนะ) เอาเป็นว่าใกล้ทางด่วน ไปกลับไม่ยากมาก เพื่อความสะดวก เพราะมิวมิวไม่สบาย งอแง จะเกาะเป็นลูกลิง แม้แต่เวลาแม่ขับรถ มันจะร้องงิ๊ดง๊าด จนเสียสมาธิมากๆ แต่บังเอิญมาเจอแม่วัวตัวสุดท้ายสะกัดดาวรุ่ง จะพาสวยศรีไปหาหมอ และ ได้ป๊ามิวมิวมาขับรถให้ ดีเลย..ไปเจอกัน BNH ละกัน...แผนเปลี่ยนซะงั้น
เลือกหมอคนเดียวกะสวยศรี....รอไม่นาน หาที่จอดรถไม่ยาก บริการโอเค
วันนี้มิวมิวไข้ลด..จนแทบจะปรกติ (แน่เซ้ เพราะก่อนออกจากบ้านมา จับกินยาลดไข้อะ)
หมอใจดี คุยดี ให้คำแนะนำ ดีมาก หลอกล่อ เด็กไม่ให้กลัว มีโน่นนี่นั่นมาหลอก....ระหว่างตรวจรักษา ฟังเสียงหัวใจ ปอด ตับ ม้าม กระเพาะ..(ช่างต่างกะที่ไปมาเมื่อวันจันทร์ ฟ้ากะก้นเหว) งัดยา ที่คุณยายได้มา ให้หมอดู..
หมอแนะนำเพิ่มเติมว่า...นน. เด็ก/ dose ยา ที่ได้รับมาจาก รพ.ก่อน ควรจะเป็นยังไง เช่น ถ้ามิวมิวหนัก 7 โลกว่าๆ ใช้ยา 0.8 ml แต่ถ้าไข้ไม่ลด เพิ่มได้อีกเป็น 1.1 ml ถ้าอีกหน่อย หนัก 10 โล ให้ยา 1.2 ถ้าไข้ไม่ลดให้เป็น 1.4 ml ต่อครั้ง
โอว..ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะนี่...ไม่มีใครเคยบอกละเอียดขนาดนี้
ชอบหมอคนนี้มากๆ สมกะที่มี๊ย้วยแนะนำมา คือไม่เน้นให้ยา เข้าทางเราพอดี เพราะเราก็ไม่ชอบให้ลูกกินยา ให้ยาแก้ไข้ เฉพาะเวลามีไข้ ไม่มีไข้ ไม่ต้องให้ ยาลดน้ำมูกที่ได้มา จาก รพ ก่อน..หมอเห็นละแอบส่ายหัวนิดๆ บอก จริงๆแล้ว หมอไม่แนะนำตัวนี้ เพราะกินแล้วน้ำมูก เสมหะจะยิ่งเหนียว ยาแก้อักเสบ...ที่ได้มา เราก็ไม่ได้ให้มิวกิน หมอก็โอเค ไม่ได้ว่าอะไร บอก ไม่จำเป็นต้องกินก็ได้ เพราะจริงๆ มิวมิว คอไม่แดงมาก ไม่ต้องกินก็ได้
แต่ ขอดูผลเลือด กับผลตรวจฉี่ ก่อน ค่อยมาดูว่าจะต้องกินยาอะไร
แน่น๊อนน..เป็นไข้มาตั้งแต่วันอาทิตย์ เตรียมใจมาแล้น ว่าโดนเจาะเลือดแน่
ก่อนอื่น สำหรับเด็กที่บอก ฉี่ ฉี่ ไม่ได้...โดนแปะถุงปัสสาวะ ที่จิ๊มิ๊ แล้วรอเวลา จากนั้น ไปเจาะนิ้ว เอาเลือดไปตรวจ...
จากที่ปกติ ไม่ค่อยร้องไห้ วันนี้ ร้องจะเป็นจะตาย ไม่สบายอะนะ...
ส่วน ฉี่ อะหรอ...รอจนถอดใจ...จนหมอจะกลับบ้านแล้ว...บอกหมอว่า ไม่รอผลฉี่แล้วก็ได้ เพราะผลเลือด ค่อนข้างสันนิษฐานได้ว่า เป็นอะไร ฉี่ นี่คือ ตรวจว่า ตกลง มีการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ แบบที่เด็กๆ เค้าชอบเป็นกันหรือเปล่า
มาได้เอานาทีสุดท้าย อิตอนจะกลับนั่นแหละ ให้แม่ได้นั่งรออีก ครึ่ง ชม. พยาบาลโทรไปรายงานผล และให้เราคุยกะหมอทางโทรศัพท์ปิดท้าย เกี่ยวกับผลปัสสาวะ
สรุป...ฉี่ ปรกติ กินน้ำได้เพียงพอ ไม่มีการติดเชื้อ แต่ มี คีโตน หลุดมานิดหน่อย เป็นเพราะ เจ้ามิวมิวไม่สบาย ไม่ยอมกินอะไรเลย ร่างกายเลยเอาโปรตีน ไขมัน ที่สะสมจากตับ จากส่วนอื่นๆ ของร่างกายออกมาใช้ นั่นแล...
ส่วนผลเลือด...ชี้ให้เห็นว่า น่าจะติดไวรัส เลยถามหมอว่า ไวรัสนี่ ต้นเหตุ น่าจะมาจากไหน เผื่อระวังได้จะได้ระวังมากขึ้น จากอากาศ อาหาร หรือไร
หมอบอก ไม่ใช่....เกิดจากคนที่มีเชื้อ ไม่สบาย แล้วมาเล่นกะลูกคุณนั่นแหละ!!!!
เอ่อออ......
#$^$$#@#%#$(&*^&Y_)()*
ผู้ใหญ่ท่านใดรู้ตัวว่าตัวเองไม่สบาย มือไม้แคะขี้มูก เกาตรูดมา ก็กรุณาเจียมบอดี้นิดส์นึง ว่า อย่าไปเล่นกะเด็กๆ คนไหน จับไม้จับมือ จับแก้ม ลูกคนรู้จักหรือคนแปลกหน้า
จะห้ามไม่ให้คนมีลูกระวังการไปโน่นไปนี่ ไปที่ชุมชน บางทีมันก้อไม่ได้อะนะ คนมีธุระนี่หว่า ไม่ได้มีนางสนมคอยดูลูกได้ตามคำสั่ง ให้เลี้ยงลูกอยู่บ้านละเราออกไปทำธุระได้ตามอำเภอใจ
ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยเอามือไม้ไประรานเด็กๆ คนอื่น ไม่ว่าจะคนไหน น่ารักแค่ไหน เพราะไม่รู้มือเราสะอาดแค่ไหน ลูกเราอาจจะแข็งแรง ลูกคนอื่นอาจจะไม่ เราอาจจะดูเหมือนแข็งแรง แต่จริงๆ กลับไปบ้านหวัดแดก ขี้มูกไหล แต่ อ้าว..เล่นกะลูกเค้าไปละนี่นา
ของกิน ขนม น้ำ เราก็จะไม่ส่งให้เด็กคนไหนกิน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่เค้า หรือบางที จะไปรู้หรอว่า เค้าอาจจะจำใจอนุญาตแบบกระอักกระอ่วนน้ำท่วมปากก็ได้ (คือยื่นให้มาแล้ว ขนมอยู่ในมือ ในปากลูกเราแล้ว ละมาถาม ให้กินได้ป่าว จะถามทำไม...ทำไมไม่ถามก่อนให้ฟะ)
ทางที่ดี คือ ไม่ให้..หรือ ถามเค้าก่อนเลย ว่า ให้กินได้ไหม สำหรับคนรู้จักกัน ถ้าไม่รู้จักกัน...เอ็นดูด้วยสายตาจะเป็นพระคุณอย่างสูง จะดีกว่า ไม่ต้องคิดจะจับ แตะเนื้อต้องตัว ให้ขนมอะไรทั้งนั้น....
คนไม่มีลูก จะรู้ไหม ว่าเด็กเล็กๆ ส่วนใหญ่ แพ้ไข่ขาว เด็กบางคนแพ้กลูเต็นจากแป้งสาลี บางคน แพ้ถั่ว แพ้เบอรี่....ที่รุนแรงหน่อยก็ช็อคตาย หายใจไม่ออก ตายได้เลย แค่คุณกินเส้นเล็กต้มยำใส่ถั่ว แล้วเอามือปาดปากที่มันแผลบ ละมาแตะเนื้อต้องตัวลูกเขาน่ะ...มันตายได้นะ...
รร.ฝรั่ง เค้าห้ามพ่อแม่ แพคขนมที่มีส่วนผสมของถั่ว ไป รร. เด็ดขาดด เพราะเด็ก กินแล้วก็ไปจับโน่นจับนี่ เอาเข้าปาก... lable สินค้า ของกินต่างๆ ก็ต้องระบุ ว่า อาจจะ contain peanut หรือไม่...แค่มี line ในโรงงานที่ใช้ถั่ว ก็ต้องระบุว่า อาจจะปนเปื้อน ถึงจะใช้ line ผลิต คนละอันกันก็ตาม...ถ้ามันชีลๆ กันได้ขนาดนั้น เค้าจะเขียนให้เปลืองมือรึ
เราเอง..วันก่อนที่ไปบ้านพี่เก่ง หยิบเค้กกล้วยหอมมาให้เจ้ามิวมิวกิน ละก็เล่นกะเจ้าบันบัน เห็นบันบัน มองๆ เลยถามว่า กินไหมคับ..บันบัน พยักหน้า...เลยหันไปมองหน้าพี่เลี้ยง ว่า น้องอยากกิน ให้กินได้ไหม...
พี่เลี้ยงบอกว่า..บันบันแพ้แป้งสาลีกินไม่ได้ค่ะ...ตะแน่ว แต่ว...เกือบไปแล้วล่ะ เห็นไหม...ถ้าให้กินไป จะเป็นยังไง ลูกเค้าไม่สบาย พ่อแม่เค้าลำบาก ส่วนคนทำน่ะ..เปิดตูดกลับบ้านนอน ไม่รู้เรื่องรู้ราว...
Update อาการเบื๊อกมิวมิว
ไข้ลดลงจิ๊ดนึง เริ่มดูเหมือนจะมีจุดๆ แดง ตามตัว หน้าอก และบนหน้าเล็กน้อย...ซึมเซาหมดเรี่ยวแรง กะจ๋องมากๆๆ นอนมองตาปริบๆ งอแงบ้างเล็กน้อย....
จากที่ไม่กินอะไรเลยมา 3-4 วัน..วันนี้ หม่ำๆ ข้าวเปล่าไป 3-4 คำ ไข่เจียวอีกนิดหน่อย
นอกจากนี้ ผลการตรวจเลือด พบว่าเลือดจาง..ขนาดเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดปรกติ เล็ก และอื่นๆ ส่งผลให้ เม็ดเลือดแดงแตกง่าย ความเข้มข้นของเลือดต่ำ ทำให้ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอนซึมตาปริบๆ อย่างที่เป็นอยู่ เวลาไม่สบายที เลยจะเป็นมากหน่อย
บอกแค่นี้..หลายๆคน อาจจะพอรู้..ว่ามีแนวโน้มเป็น ธาลัสซีเมีย นั่นเอง
รอไปเจาะเลือดซ้ำ ดูอีกที ว่าเป็นชนิดไหน หรือแค่เป็นพาหะ...
แย่ไปที่ไม่รู้ก่อนหน้านี้ เพราะ พ่อแม่ ญาติโกโหติกา ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคเลือดจางเหมือนกันแฮะ...เลยชะล่าใจ ไม่รู้มาก่อนเลยว่า ประชากร ถึง 40% บนโลกนี้ จะเป็นพาหะ ธาลัสซีเมีย!!!!!!!!(โง่มากเลยนะนี่...คิดแต่ว่า ไม่มีทางเป็น)
ไม่งั้นคงได้เก็บสเต็มเซลล์ มะงั้น ป่านนี้ คงนอนตีพุงไปแระ...หุหุหุ
ค่าเสียหายวันนี้..พันนิดๆ..ถือว่า ถูกกกกกมากกกกก...เทียบกะบริการ รอตรวจ รอจ่ายตังค์ไม่นานเลย (ไม่เคยรอที่ไหนเร็วเท่านี้มาก่อนให้ตายเหอะ หา รพ.เอกชนมาก็เยอะนะ) และความรู้ คำแนะนำที่ได้รับก็สมเหตุสมผลมาก หมอไม่บังคับ ไม่ push ว่าจะต้องกลับมาเจาะเลือดหรือตรวจกะหมอ จดใส่กระดาษโน๊ตมาให้ว่า ถ้ามีโอกาสไปตรวจเลือดที่ไหน ให้ตรวจ Hemoglobin typing และอื่นๆ...ได้ก๊อปปี้ผลเลือดกลับมาบ้าน โดยไม่ต้องร้องขอ (ไม่เหมือนบาง รพ. งกมากกกกกกก) หมออธิบายความผิดปรกติ ของผลแลปที่ได้ อย่างชัดเจน ไม่มีข้าม และ เปิดโอกาสให้ซักถาม เด็กจบวิดยาอย่างเรา พอจะอ่านออกงิ..เลยถามละเอียด หมอก็อธิบายให้ฟัง โดยไม่คิดว่า..จะรู้มากไปทำไม หรือไม่จำเป็นต้องไปสนใจ อะไรแบบนั้น ระหว่างรอผล คุณพยาบาลก็แวะเวียนมาคุยด้วยเรื่อยๆ วัดไข้ เล่นกะเบบี๋... นี่ถ้าไม่ไกลบ้าน รถติดมาก..จะแจ่มสุดๆๆๆ
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551 |
|
13 comments |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 21:57:41 น. |
Counter : 1718 Pageviews. |
|
|
|
เรื่องธาลัสน่าจะยาว