กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
จุดประกายไอเดีย Homeschool

หลังจากได้ลองเมียงมอง แต่ยังไม่ได้ไปสำรวจ รร. ใกล้ๆบ้าน ก็รู้สึกว่า ไม่มีรร.ที่เข้าตากรรมการสักเท่าไหร่เลย...

(จิงๆ รร.ดีๆคงมี แต่ไม่มีตังค์ ฮ่าๆๆ)

ไอเดียสอนลูกเองที่บ้าน ก็ผลุบๆโผล่ๆ ขึ้นมา อยู่เนืองๆ

บางทีได้มีโอากาสดูรายการครอบครัวเดียวกัน ทางช่องทีวีไทย (ติดตามได้จากลิงค์ด้านล่างในบล็อค) ซึ่งเป็นรายการที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ไฟก็ลุกโชนเป็นช่วงๆ

ตั้งแต่ตอนไร่ปลูกรัก ครอบครัวโน้นนี้...ดูน่ารัก และอบอุ่นมากๆๆ จนมาวันนี้ ครอบครัวที่นำมาออกก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัวโฮมสคูล...
ทุกคนดูมีความสุขมากกก เด็กๆ ได้เรียนรู้ธรรมชาติ ผ่านทางครูพ่อแม่ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนไปติวหนังสือ ไปสอบแข่งขัน

ไฟลุกโชนเลย..แต่ ก็แอบคิดในใจว่า..พวกนี้ทำมาหากินไรกันหว่า...ถึงได้มีเวลาเตรียมตัวสอนลูกได้ ยิ่งเด็กโตขึ้น น่าจะยิ่งสอนยากขึ้น หรือเปล่า ถ้าเทียบกับบทเรียน รร.ที่เป็นบรรทัดฐานในสังคม..
ถ้าเราทุ่มเทเวลาให้ลูกแบบนี้บ้าง...แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำมาหากิน....เหอ เหอ เหอ เหอ

หนังสือ เล่มล่าสุดที่อ่านจบไป :เรียนรู้กับลูก ด้วยวิธีโฮมสคูล เขียนโดยแม่ส้ม สมพร พึ่งอุดม สนพ.มูลนิธิเด็ก
(วันนี้แอบไปเดินหาเล่มต่อเนื่อง ไม่มี ลองเซริชหาก็ไม่มี...แหงะๆๆๆ)

ได้แนวคิดดีๆจากหนังสือเล่มนี้มาช่วยจุดประกาย ถือว่ามาเล่าให้ฟัง แบ่งปันกันแบบซีเรียสนิดนุง..ถ้าอยากรู้มากๆ ลองไปหามาอ่านดู ถ้าหาได้นะ..พิมพ์มาตั้งกะสิบกว่าปีก่อน เล่มที่เรามีนี่ พิมพ์ครั้งที่ 5 แต่ก็หลายปีแล้ว ใครหาเล่มต่อได้ บอกด้วยเด้อ

(หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่อะไรที่ดีเลิศเลอ must have item ขนาดนั้น บางคนอ่านแล้วอาจจะไม่อินก็ได้..เพราะสไตล์การเขียนเหมือนเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ การลงมือทำ และการอ่านมาเล่าเหมือนกะที่เราทำอยู่นี่แหละ บอกแต่ว่าทำไม เพราะเหตุใด แต่ไม่ได้บอกว่า ทำยังไง)


ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจและสังคมในสมัยก่อนผลักดันให้ต่อๆมา จนถึงสมัยนี้ แนวทางการศึกษา ผลิตคนออกมา แบบ mass production เพราะอะไร ว่ากันไปถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม สงคราม แนวทางการพัฒนาเศรษกิจระดับโลก โน่น...โลกต้องการคนแบบนี้ในยุคนั้น เพื่อเพิ่มผลผลิตนั่นเอง

เรามองว่ามาถึงตอนนี้ พอวัตถุเจริญถึงจุดนึง สังคมเสื่อมลง โลกกลับต้องการคนอีกแบบ ระบบการศึกษาแบบเดิมๆ บุคลากรที่เรากำลังพยายามผลิตออกมา ไม่ได้มีในสิ่งที่เรากำลังต้องการ

(อ้าว..แล้วเราจะส่งลูกเราไปทำไมล่ะ...รู้ทั้งรู้ !! ทำไมต้องติวเข้มตั้งแต่อนุบาล ทำไมต้องแย่งกันสอบสาธิต ทำไมต้องแย่งกันเข้ามหาลัย จบมาแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ของตังค์พ่อแม่เรียนโทต่อดีกว่า..เวนกำ ต้องหาเงินให้มันเรียนไปอีกเท่าไหร่เนี่ย...)

ทั้งๆที่ เด็กๆแต่ละคนมีความเป็นปัจเจกลักษณะ ของใครของมัน...มีจริตในการเรียนรู้แตกต่างกัน ซึ่งคนที่รู้จักลูกดีที่สุด คือพ่อแม่

แต่พ่อแม่กลับส่งลูกไปเข้าโรงเรียนที่ผลิตคนออกมาให้เหมือนๆกัน..หลอมในพิมพ์เดียวกันแล้วเคาะออกมา...จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมยิ่งเรียนๆ ไป จิตนาการและญาณทัศนะ ของเด็กๆ ถึงได้หายไป
นี่คือความล้มเหลวของระบบการศึกษาหรือเปล่า..คือการครอบงำและทำลายความคิดสร้างสรรค์ตามธรรมชาติของเด็กด้วยระบบโรงเรียนหรือเปล่า (อาจจะไม่ได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น แต่ก็คงต้องยอมรับส่วนนึงว่า ใช่ล่ะ)

"เด็กแต่ละคนจะมีวิธีเข้าหาความรู้และวิธีคิดต่างๆกัน คือจะต่างกันด้วยวัยส่วนหนึ่ง และด้วยวิธีการเฉพาะตัวของเด็กอีกส่วนหนึ่ง บางคนเรียนรู้ได้ดีจากการฟัง การซักถาม นั่งสนทนาร่วมวงกับผู้ใหญ่ บางคนเรียนรู้ได้ดีจากการอ่านและการสังเกตุ และเด็กบางคนชอบเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหว"

พ่อแม่ ก็ไม่ต้องแปลกใจ กลุ้มใจเลย..ว่า...เออทำไมลูกชั้นสอนไอ่นี่ไม่เอา ไอ่นั่นไม่เอา...
เห็นใครสอนอะไรลูก อะไรว่าดี ก็ต้องจัดหามาให้ลูกแบบนั้นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะนักก็ได้
เด็กทุกคน เก่ง มาตั้งแต่เกิดแล้ว เพียงแต่ พ่อ แม่ ครู พี่เลี้ยง ญาติผู้ใหญ่ จะสามารถหาวิธีการเข้าถึงศักยภาพที่เป็นปัจเจกลักษณะของเด็กได้อย่างไร และ เปิดโอกาสทางการเรียนรู้ให้เค้าอย่างเหมาะสมได้อย่างไร..

ลองนั่งคิดดู....เด็กคนนึงที่เราเลี้ยงเองมาตั้งแต่เกิด รู้ว่าเค้าเป็นยังไง ชอบอะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
คนที่รู้จักเค้าดีที่สุด...แต่ส่งเค้าไปให้คนอื่นหล่อหลอมใส่เบ้าพิมพ์แล้วเคาะออกมา...อ๊ะยังไงกันนี่...

ถ้าไม่มีตังค์ ไม่มีสิทธิ์เรียน รร.เด็กแนว ไฮโซ หรอ...อะ แล้วถ้าพ่อแม่มัวแต่ทำมาหากิน เพื่อส่งลูกไปเรียน รร.ไฮโซ เพื่อให้ได้ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่าดี โดยที่ตัวเองไม่มีเวลาให้ลูก มันจะได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อตอนนี้เค้าต้องการเรา เราส่งเค้าไปให้คนอื่น แล้วพอตอนเรารวยมีตังค์ ลูกเราก็กลายเป็นวัยรุ่น เป็นของเพื่อนไปแล้ว

หรือถ้ามีตังค์เยอะๆ ส่งลูกไปเรียนโน่นนี่นั่น...ตามแต่ที่เห็นคนอื่นเค้าเรียนกัน เพื่อไม่ให้รู้่สึกว่าลูกเราเก่งน้อยกว่าเด็กคนอื่น สุดท้ายแล้ว ลูกหาสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่เจอ เพราะแม่ป้อนให้ทุกอย่าง เยอะไปหมด ไอ่นั่นก็เรียน ไอ่นี่ก็เรียน เป็นเพราะแม่นั่นเองที่ไม่รู้จักลูกดีพอ ปล่อยให้กระแสสังคมรอบข้างพาไป

ยิ่งคิดยิ่งตลก แต่ขำไม่ออก

ความรู้แบบยั่งยืน ที่เค้าจะสามารถนำไปใช้ได้จนโต ต้องเริ่มมาจากการเรียนรู้แบบสมัครใจ และมีความสุข ถ้าหากเราผลักไสให้เค้าไปอยู่กับคนที่ไม่คุ้นเคย พรากจากคนที่เป็นที่รัก ถูกบังคับ ห้ามทำโน่นนี่แล้ว..ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เด็กจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ฝังลงไปในจิตใต้สำนึกของเค้าจนโต ฝังกันลึกจนถึงสมองชั้นนอกชั้นในไปโน่นเลย...ซึ่งอาจจะกลับมามีอิทธิพลกับพถติกรรมตอนโตมากน้อยสุดแท้แต่

อย่าเพิ่งคิดว่า..อ้าว..แล้วถ้าสอนลูกเองที่บ้านวันๆลูกไม่เจอใคร แล้วจะมีสังคม เข้าสังคมเป็นหรอ...ยังๆๆ...โฮมสคูลไม่ใช่การที่เด็กหมกตัวอยู่กับพ่อแม่ มีแต่พ่อแม่ที่เป็นครู วันๆสอนโน่นนี่กันเอง...
ธรรมชาติคือครู คนรอบๆตัว สิ่งงแวดล้อมคือครู...เพื่อนๆวับเดียวกันก็เป็นครูได้....ความประทับใจจากสิ่งต่างๆรอบตัว คือแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ และเป้าหมายในการเรียนรู้

ยกตัวอย่างง่ายๆ..ใครที่คิดว่าตัวเองเกลียดเลข โง่เลข เกลียดภาษาอังกฤษ โง่อังกฤษ
ลองกลับไปคิดดู ว่าตัวเองโง่จริงหรือเปล่า...
หรือเพราะคุณครูตอนเด็กๆ เคยถูกดุ ถูกบังคับให้ทำการบ้าน โน่นนี่นั่น...ไม่งั้นโดนตี...โดนทำโทษ
ลองคิดดูว่า ถ้าเราเลือกครูที่ใจดี ยิ้มแย้ม เข้าใจเรา ไม่เอาเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราจะกลับใจชอบวิชานั้นไหม...

จากหนังสือเล่มเดิม หน้า 36
"สมองของเด็กต้องการข้อมูลที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ไม่วุ่นวายเกินไป ไม่กระตุ้นเกินไป และไม่ตีกรอบมากเกินไป และสิ่งสุดท้ายคือจิตวิญญาณของเด็ก ก็ต้องการให้รดน้ำพรวนดินเหมือนกัน ปุ๋ยที่วิเศษสุดคือความเมตตาและความรักที่เดินอยู่บนทางสายกลาง"


จบช่าวกันดื้อๆ แต่เพียงเท่านี้..วันนี้ บิ้วหาแนวร่วมมามากพอแล้ว 555555555555

หนทางยังอีกยาวไกล
ลูกเรียน แม่ก็เรียน เช่นกัลลล........

จ๊วบๆ เด็กบ็อง



Create Date : 01 พฤษภาคม 2552
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 2:17:04 น. 14 comments
Counter : 1324 Pageviews.

 
โหยยยยย อ่านแล้วโดน!!!!! แต่ไม่ไหวว่ะเราสอนลูกไม่ได้ปี๊ดกระจายแน่ ขอร้องเลยบิ้วไม่ขึ้น ว่ะฮ่าๆๆ

ยกตัวอย่างง่ายๆ..ใครที่คิดว่าตัวเองเกลียดเลข โง่เลข เกลียดภาษาอังกฤษ โง่อังกฤษ
ลองกลับไปคิดดู ว่าตัวเองโง่จริงหรือเปล่า...

↑ เออ ใช่เลย เกลี่ยดเลขเพราะครู ไม่ชอบอังกิดก็เพราะครู พอเกลียดเลยไม่ชอบเรียน ไม่เรียนเลยโง่ -*- เวรแท้

ปล.แกสอนสิเดี๋ยวเอาไปฝากเรียนคนนึง


โดย: Jeban วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:10:54 น.  

 
ชอบตรงนี้อ่ะ "ถ้าไม่มีตังค์ ไม่มีสิทธิ์เรียน รร.เด็กแนว ไฮโซ หรอ...อะ แล้วถ้าพ่อแม่มัวแต่ทำมาหากิน เพื่อส่งลูกไปเรียน รร.ไฮโซ เพื่อให้ได้ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่าดี โดยที่ตัวเองไม่มีเวลาให้ลูก มันจะได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อตอนนี้เค้าต้องการเรา เราส่งเค้าไปให้คนอื่น แล้วพอตอนเรารวยมีตังค์ ลูกเราก็กลายเป็นวัยรุ่น เป็นของเพื่อนไปแล้ว"

มีครอบครัวญาติเราอ่ะเป็นงั้นเลย


โดย: jany_j วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:53:29 น.  

 
www.caliva.org


โดย: . IP: 76.227.0.194 วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:37:32 น.  

 
ถะ ถะ ถะ ถูกต้อง ถูกจริงๆ นะ อ่านแล้วใช่เลยอะ เห็นด้วยสุดๆ

แต่ว่า.....จะเอาเวลาที่ไหนไปสอนลูกอะ แง้ว เศร้า T_T


โดย: PorBua IP: 117.121.208.2 วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:40:57 น.  

 
จริงเนาะ โรงเรียนแถวบ้านเราๆๆนี่ ถูกเหลือเกิน

พี่ก็อ่านๆๆอยู่น่ะ ยังว่าสอนเองที่บ้านเลยดีไหม ให้ครูพัฒนาการลองดูว่า น้องต้น้พี่ควรสอนอะไห้เขาได้มั่ง

ได้เรื่องยังไง ฝากไปพี่ต้นไปเรียนด้วยละกันน่ะ



โดย: kizz_j วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:44:03 น.  

 
อิอิ เราอ่ะอยากให้มีโรงเรียนเด็กเล็กแบบว่าพ่อแม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ของลูกได้อย่างเต็มที่

ไม่ใช่ว่าตามไปประคบประหงมนะ แต่ไปเพื่อมีประสบการณ์เรียนรู้ไปพร้อมๆกับลูก เราอยากให้เมื่อวันนึงลูกโตไป แล้วเค้านึกถึงตอนเด็กๆ แล้วเค้าเห็นภาพในจิตสำนึกได้ว่า ในทุกๆก้าวที่เค้าเดิน
มีแม่และพ่อ ร่วมเดินไปกับเค้าในทุกเส้นทาง

ทุกประสบการณ์ ทุกความทรงจำ จะเห็นใบหน้าพ่อและแม่อยู่กับเค้าเสมอ (ชักจะเน่าละ จบดีก่า ฮ่าฮ่า)

พีเอส.การได้เลี้ยงลูกนี่เป็นความสุขที่บริสุทธิ์มากๆจริงๆเนอะ
ทำได้มากกว่าที่เคยทำเพื่อตัวเอง แถมไม่เคยรู้สึกเหนื่อยด้วย^^


โดย: ดวงขวัญ วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:48:58 น.  

 
ตอนต้นฝนเล็กๆ เคยคิดจะทำเหมือนกัน
แต่... หลายๆอย่างที่บ้านไม่อำนวยอ่ะ

ถึงแม้จะทำงานที่บ้านก้อเถอะ ทั้งลูกทั้งงาน เวียนหัวไปหมดล่ะ
บางเวลาก้อรู้สึก อยากมีเวลา ส่วนตั้ว ส่วนตัวบ้าง(จังเลย)
(บางทีก้อคิดว่า เราเองจัดการ บริหารเวลาไม่ถูกเองรึปล่าว )

แต่ตอนนี้ก้อรู้สึกดีขึ้นนะ
ที่พาสาวน้อยไปโรงเรียนอ่ะ ช่วงเวลาที่สาวน้อยไปเรียน
แม่ก้อมีเวลาจัดการงาน อย่างเต็มที่ให้เสร็จให้ทันก่อนไปรับสาวน้อย
ช่วงเย็นๆ แม่ก้อมีเวลาให้สาวน้อยได้เต็มที่
(เหมือนเวลามีคุณภาพขึ้นอ่ะ)

ทุกทีเลี้ยงลูกด้วย ทำงานด้วย กว่าจะถึงเย็น มันเริ่มล้า บางทีก้อหงุดหงิด เหนื่อย ไม่มีแรงที่จะคิดหรือทำอะไรเพิ่ม

ที่แม่ขวัญ^ ว่าก้อจริงนะ
ถ้าเราร่วมเรียนรู้ไปพร้อมๆกับลูก น่าจะเป็นหนทางที่ดี
แล้วเดี๋ยวนี้ รร. มีหลายแนวให้เลือกมากกว่าตะก่อนเยอะแยะไปหมด (จนชักจะเลือกไม่ถูก)

แต่ถ้ามีเวลา ปัจจัยเกื้อหนุนด้านอื่นๆ ก้อถือว่าเป็นแนวทาง Homeschool เป็นแนวทางที่ดีมากทางหนึ่งเชียวล่ะ

ปล. หาอ่านได้เล่มเดียวเหมือนกัน
หนังสือก๊วน ชวนเที่ยว อ่าน เล่น ก้อดีนะ เคยอ่านรึยัง
ตอนนี้เปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว เครือรักลูกบุ๊คส์
หรือ เข้าไปในนี้ดูก้อได้ //www.tuator.net




โดย: ปลายดินสอ วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:34:10 น.  

 
บ้านตัวต่อ เคยดูมาจากรายการครอบครัวเดียวกันเหมือนกันค่ะ ชอบๆๆๆ

สอนเด็กทำของงล่นเอง ได้ไอเดียมาหลายอย่าง จนเดี๋ยวนี้ พยายามไม่ซื้อของเล่นสำเร็จรูปให้ลูก

อย่างน้อย ต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้ของเล่นมา...

แนวทางการสอนลูกเค้าดีเหมือนกัน...จนอยากส่งไปอยู่อนุบาลช้างมั่ง...แต่ไกลบ้านไปจิ๊ดนุง


โดย: กุ๊ดจัง วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:58:00 น.  

 
เด็กน่ารักจัง


โดย: Praew_AC วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:30:14 น.  

 
ลองเข้า google ดู เจอของฟิลิปปินส์เยอะมากๆๆๆ สงสัยที่ปินส์ แม่ๆๆจะสอนเด็กๆอยู่กับบ้านกันเยอะแหละ


โดย: kizz_j วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:43:06 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ น่าทำเหมือนกัน โรงเรียนที่นี่ก็ไม่ค่อยโดน แถมไปกันแค่ครึ่งวันเองค่ะ พ่อแม่ไปทำงาน ไม่มีคนดูแล เสียคนกันพอดี จะได้ต่อมหาลัยมั้ยเนี่ยยยยยยย


โดย: gadeja วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:52:15 น.  

 
เราบังเอิญเรียน ครุศิลป์มาอะกุ๊ด
เรยมีไอเดียว่า จะสอนโฮมสคูลตั้งกะยังม่ายมีเบบี๋
แต่เราอยากให้เปงโฮมสคูลแบบครึ่งวัน อีกครึ่งวันไปเรียนจอยกะ รร ธรรมดา เรียนรุการเข้าสังคม กะ กฏการใช้ชีวิตในสังคม

กุ๊ดได้แนวร่วมหลายละนิ
เปิดโรงเรียนอนุบาลไปเร้ยยย...


โดย: แม่อิ IP: 119.31.1.135 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:06:03 น.  

 
จะำได้หรือไม่ได้อะไรก็ตามนะคะ
แต่ที่แน่ ๆ มิวมิวโตมาอ่านบลอคนี้ต้องรู้ว่าแม่ ทุ่มเทและพยายามมากแน่เลย

ขอให้ไฟลูกโชติช่วง ฟู่ๆๆๆ


โดย: แมงโม้ที่รัก วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:24:24 น.  

 
ดูรายการเดียวกันเลย แต่แต๋งดูได้ตอนท้าย ๆ แล้วอ่ะ เรียกป๊ามันมาดู ป๊าตั้งคำถามเหมือนกันว่า ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งทำงานที่ได้เงินแบบไม่ลำบาก

ไม่ลำบาก + ไม่เครียด + ธรรมชาติ + หาความรู้เพิ่มเติม= มีความสุข

ป๊ามันสรุปอย่างนั้น ก็อาจจะมีส่วนถูก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

มันไม่อะไรเป็นแบบอย่างหรือแนวทางที่ตายตัวหรอก

ต้องเอามาปรับใช้เอง....

วันเสาร์มิวมิวไม่มา...คิดถึง..





โดย: ครอบครัวตัวน้อย (มาม๊าข้าวหอม) IP: 58.9.212.103 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:01:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.