ก่อนหน้านี้ ไม่เคยดูละครเวทีอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เพราะเรื่องส่วนใหญ่ เราไม่อินอะ ไม่ชอบละครดราม่า หนักหน่วงทั้งหลาย รึถ้าเจอเรื่องที่อยากดู ครั้นจะให้ไปดูคนเดียว ก็กระไรอยู่ ไม่มีเพื่อนดู บัตรก็ไม่ใช่ถูกๆ เน๊าะ อย่างโรงละครมายาฤิทธิ์ สเกล ประมาณ 80 ที่นั่ง ไปดูทีไรก็ลากมิวไปด้วยทุกที ไม่รู้แม่อยาก รึลูกอยากกันแน่ ฮ่า.....
รู้แต่ว่า อยากปลูกฝังไลฟ์สไตล์แบบนี้ ให้ลูก เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจ เป็นทางเลือก ในชีวิต (คือเห็นๆ อยู่ว่า ลูกเราก็ไม่ได้มาทางสายแข่งท่องศัพท์ หมากกระดาน คณิต ฟิสิกส์โอลิมปิก อะไรแบบนั้นแน่นอน เอิ๊กก)
อย่างคราวนี้ ซื้อบัตรมาก็ไม่ได้ถามความสมัครใจคนไปดูนะ แต่เดาทางว่า มิวน่าจะชอบ... เพราะมิวชอบสัตว์
เล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนไปดูพอกรุบกริบ มิวได้แต่ถามว่า เค้าเอาหมาจริงๆ มาแสดงหรือเปล่าอะ ถ้าทำได้นะ แสดงว่าหมาฉลาดกว่าคนอีก -__-''
ลองจินตนาการความยาก ของละครเวที ที่มี หมาเป็นนักแสดงหลายสิบ ชีวิต..... การทำเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้ คือความอะเมซซิ่ง ของ มอม เดอะ มิวสิคัล
VIDEO
พอฉากแรกเท่านั้นแหละ "ชีวิตหมาข้างถนน" มิวกระเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้ จากที่เลี้อยๆ อยู่
ตาลุกวาวเป็นประกาย ตั้งใจดูสุดๆ
แก๊งหมาหมู่ นำทีมมาด้วย หมอก หมาอันธพาล หัวโจก หมาอ้วน หมาแก่ ไปยัน หมาขี้เรื้อน (ทำหุ่นได้โคดดดเหมือนน หนังเหี่ยวๆ ถลอก ขนกระจุยๆ คือ จินตนาการกลิ่นหมาขี้เรือนลอยมาในห้วงความคิดได้เลย ) ปิดฉากแรกด้วย แก๊งหมาวิ่งหน้าตั้ง กันยกแก๊ง แล้วภาพด้านหลังวืดๆ ถอยหลังไป ทำให้เหมือนหมาวิ่งตะลุยไปข้างหน้า(นึกออกมะ) จังหวะการวิ่ง ขึ้นลงๆ ความพร้อมเพรียง การควบคุมหุ่นหมา คือ เจ๋ง!
ฉากที่มอมเจอกับนายครั้งแรก เจ้าลูกหมามอม ก็ชวนให้ฉงน ว่า เอ้ย เจ้าหุ่นหมาตัวน้อยนั้น มันขยับกระดิกหางดุ๊กดิ๊กๆ ได้ยังไงกัน อยากด๊ายยยย.....มีขายม๊ายยย...จาวววววววว
แม่แว่นจอมซ่า ของมอม ก็แสดงได้ดี (เอาจริง คือ แสดงดีกันหมดอะ จะอวยอะไรกันหลายรอบทุกตัวละครฟระ 555)
จวบจนมาถึง มอม ตอนเด็ก น้องอดิศักดิ์ น่าจะโตกว่ามิวไม่เท่าไหร่ ประถมปลาย รึอย่างมากก็ ม.ต้นอะ ควบคุม มอมเด็ก แสดงสีหน้า ร้อง มาเต็มมากกกก ดูแล้วแบบ โหยยย ถ้าลูกเรามาทางนี้บ้างนะ เชียร์สุดใจขาดดิ้น เวทีมันเหมือนมีมนต์สะกด ให้คนที่ขึ้นไปยืน โดดเด่น มีเสน่ห์มั่กๆ
สีนวล ก็เสียงเพราะ เวลาชวนเราสนุก เราก็สนุกตามไปด้วย เวลาเศร้า ก็โคดดดเศร้า
VIDEO
ฉากแล้วฉากเล่า..... ทำให้เรารู้สึกว่า นักแสดงบนเวที สวมวิญญาณหมา เข้าไปจริงๆ การเดิน หมอบ กลัว ก้าวร้าว สงสัย โกรธ เศร้า เหงา คิดถึง ของหมา นั้น มาเต็มๆ
บางครั้ง ลืมไปเลยว่า มีคนบังคับหุ่นอยู่ แต่บางครั้ง ก็ละสายตาจากหุ่น มาจ้องนักแสดง ที่กำลังออกสีหน้า ท่าทาง ร้อง อินไปกับบทและเพลง
รอยยิ้ม สีหน้าของนักแสดง ชวนให้นึกว่า อ่อ ถ้าหมามอมอยู่ในอารมณ์ประจบ ปลอบประโลมเจ้านาย มันคงทำหน้าแบบนี้เนอะ
ตัวละครต่างๆ นายผู้ชาย นายผู้หญิง เด็กตัวเล็กตัวน้อย ชาวบ้าน ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก แสดงได้ดีม๊าก นอกจากจะสื่อความรักของสัตว์กับคนแล้ว ยังสอดแทรกเรื่องราวของ สงครามและผลกระทบของสงครามลงมาได้อย่างเนียนๆ (เพลงประกอบดีมากๆอะ ยกนิ้ววรัวๆ ให้ครูไก่ ยิ่งมาอ่านในสูจิบัตรละแบบ อินน~)
ความพีค อยู่ตรงที่ เช้าวันนี้ ก่อนจะไปดูมอม เราแวะไปทำธุระที่มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการพอดี ภาพบรรดา หมาเน่า ลอยมาในหัว พร้อมกลิ่น!! คือ กลิ่นมันติดจมูกมากกก ดูการแสดงไป รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหมาลอยมาตลอดเวลา
ในสูจิบัตร เขียนไว้ว่า หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเขียน "มอม" ขึ้นมา "ด้วยความรักหมา อยู่กับหมาจนรู้ภาษาหมา เข้าใจว่า หมานั้นมองโลกด้วยทรรศนะอย่างไร ขณะที่เขียนเรื่อง มอม ผมก็ทำใจเป็นหมา และกล้าพูดได้อย่างไม่อายว่า ขณะที่เขียนเรื่องนั้น ผมเสียน้ำตาไม่รู้จักเท่าไหร่ เพราะขณะที่เขียนนั้น ผมก็มีความรู้สึกอย่างที่หมาดีๆ จะมีความรู้สึกได้ และได้เขียนไปด้วยความรู้สึกของหมาแท้ๆ "
การมีแก๊งหมาข้างถนนมาอยู่บนเวที แสดงและพูดความรู้สึกแบบหมาๆ ออกมา มันชวนให้เรา คิดแบบหมา รู้สึกแบบหมา อย่างที่ หม่อมราชวงศ์คึกฤิทธิ์คิดและรู้สึกตอนท่านเขียนเรื่องนี้ จนอิน และคล้อยตามไปกับเรื่องราวได้จริงๆ ถึงความรัก และความภักดี หัวใจที่มอมมอบให้เจ้านาย ตั้งแต่แรกเริ่ม ไปจนจบเรื่อง
คือ ตลอดทั้งเรื่อง นี่สงสัยว่า ตัวแสดงแต่ละตัว เห่าจริง หอนจริงป่ะ ฝึกนานไหมนะ ...โคดเหมือน 555555555
ชื่นชมทีมงานเบื้องหน้า เบื้องหลัง นักแสดง ทั้งหมาทั้งคน ดนตรี เพลง บท คือ ดีงาม
อยากให้เมืองไทยมีอะไรดีๆ แบบนี้ อีกเรื่อยๆ
เพิ่งรู้ตัว ชอบดูการแสดง ละคร อะไรนี้มากๆ มันสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณนักแสดง เรื่องราว พลัง แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญ ชื่นชมความสามารถคนที่อยู่บนเวที สมาธิดีโคดๆ เราเชื่อว่า ประสบการณ์ละมุนละไมแบบนี้ น่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี ที่จะปลูกไว้ในใจเด็กๆ นะคะ ปล. ถ้าจะพาเด็กๆ ไปดูละครแบบนี้ พ่อแม่ต้องฝึกมารยาททางสังคมในการดูหนังดูละคร ชมการแสดง ไม่ผุดลุก ผุดนั่ง ส่งเสียงดัง ถามตลอดเวลา ลุกเข้าลุกออก ให้คนอื่นเสียสมาธินะคะ ละครเวทีใหญ่ๆ แบบนี้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง องค์ละ 1 ชม. พัก 15 นาที ใช้สมาธิในการแสดงและการดู ถ้าเด็กเล็กมากเกินไป ก็อย่าเพิ่งพาไปจะดีกว่า แนะนำให้ลองพาไปดูละครสำหรับเด็ก ที่โรงละครมายาฤิทธิ์ก่อนก็ได้ค่ะ สั้นๆ คนน้อยๆ จะได้ชิน