กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 

เลี้ยงลูกแบบแนวๆ แนวไหน???

การบ้านแม่ก่อนไปบ้านครูบัวเสาร์นี้.....โฮกกก..สับรางแทบไม่ทัน

สมัยนี้ เลี้ยงเด็กนี่ ก็เหมือนจะง่าย แต่ยาก..สารพัดแนว ละแนวไหนดี....หุหุหุุหุ
ฟิตกันเป็นพักๆ....หลักๆที่สำคัญคือ...ไม่ว่าจะยังไง ลูกแฮปปี้ แม่แฮปปี้ ไว้ก่อนโลดดด

มอนเตสเซอรี่คืออะไร....กูเกิ้ลสิคร๊าบบ

มอนเตสเซอรี่(Montessori) เป็นหลักสูตรการศึกษาทางเลือกหนึ่งจากหลายหลักสูตรที่มีอยู่ทั่วโลก

โดยมีหลักการสำคัญ 5 ประการคือ
1. เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ
2. เด็กมีจิตที่ซึมซับได้จากสิ่งแวดล้อม โดยไม่ต้องสอนอย่างเป็นทางการ
3. ช่วงอายุ 0-6 ขวบ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ทางธรรมชาติและเป็นกิจกรรมที่เด็กพอใจ
4. เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างมีจุดมุ่งหมาย เด็กจะได้ทำกิจกรรมต่างๆตามความคิดของตนเองอย่างอิสระ
5. เด็กสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ตามสภาพแวดล้อมที่ได้เตรียมไว้อย่างสมบูรณ์ มีอิสรภาพในการทำงาน และมีโอกาสแก้ไขข้อบกพร่อง


ดังนั้นหน้าที่ของครูปฐมวัยในระบบมอนเตสเซอรี่ จึงต้องเป็นผู้ที่มีความรักต่อเด็ก นับถือเด็ก มีความสามารถในการสังเกตความต้องการของเด็กว่าต้องการเรียนรู้เรื่องใด ทำอะไรได้บ้าง มีปัญหาอะไร และครูจะเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไร ต้องให้อิสระแก่เด็กในการตัดสินใจ มีโอกาสในการเลือก และเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น


อุปกรณ์ของมอนเตสเซอรี่จะช่วยให้เด็กได้ค้นพบผลการทำงานของตัวเอง ครูจะเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมที่ช่วยพัฒนาทักษะ กลไกประสาทสัมผัส การเคลื่อนไหว เด็กจะได้เลือกและทำงานด้วยตนเอง เด็กจะมีสมาธิและทำงานได้เป็นเวลานาน ครูจะไม่เน้นการจูงใจภายนอก(การให้รางวัล/คำชมเชย) แต่เด็กจะเกิดแรงจูงใจภายในเองจากผลสำเร็จการทำงานของตนเอง




ที่มา://gotoknow.org/blog/tanes/50250

มอนเตสเซอรี่เป็นรูปแบบการสอนเด็กเล็กที่ริเริ่มโดย ดร.มาเรีย มอนเตสซอรี ่ จิตแพทย์ชาวอิตาเลียนซึ่งเริ่มต้นนำแนว การสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเด็กเหล่านี้ก็มีความสามารถเรียนรู้ได้ เช่นเดียวกับเด็กปกติ ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาเพื่อสอนสำหรับเด็กทั่วไป

การสอนแนวนี้มีความเชื่อที่ว่าการศึกษาของแต่ละคนจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองเป็นคนทำให้เกิดหรือไม่ให้ เกิดไม่ใช่การได้รับการศึกษาโดยคนอื่น ดังนั้น การให้การศึกษากับเด็กในวัยระยะเริ่มต้น จึงไม่ใช่การนำความรู้ไปบอก ให้เด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรมชาติของเขา มอนเตสเซอรี่จะเน้น มากเรื่องการจัดสภาพแวดล้อมอย่างสมบูรณ์และพิธีพิถัน เพื่อให้เด็กสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวของเขาให้ ้ปรากฎออกมา

มอสเตสเซอรี่จะเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยเน้นการฝึกฝนทางด้านประสาทสัมผัส สำหรับ ระบบมอนเตสเซอรี่แล้ว มือทั้งสองข้างของเด็ก ๆ ถือได้ว่าเป็นครูที่สำคัญของพวกเขา แนวคิดนี้เชื่อว่า ถ้าเด็กได้มี บางสิ่งบางอย่างที่จะจับต้องและบิดหรือหมุนด้วยมือ สมองจะทำหน้าที่ตอบสนองได้ วัสดุอุปกรณ์จึงเป็นหัวใจสำคัญ สำหรับการสอนแนวนี้ ระหว่างการทำงานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ความสำเร็จและล้มเหลว และแก้ไข ข้อผิดพลาดด้วยตัวเอง คำติชมของผู้ใหญ่จึงไม่จำเป็น การให้รางวัลและการลงโทษจะต้องถูกยกเลิกครูและ ผู้ปกครองจะต้อง ไม่บังคับให้เด็กทำในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ ระเบียบวินัยจะเกิดขึ้นจากความเป็นอิสระของเด็ก และแรงผลักดันที่เด็กทำให้เกิดขึ้นเองจากตัวของพวกเขา

ความมีอิสรภาพ การศึกษาด้วยตนเอง และการฝึกฝนทางประสาทสัมผัสนี้เองคือ จุดสำคัญของ การสอนแนว มอนเตสเซอรี่ ที่ใช้กันทั่วโลก

ปัจจุบันการสอนแบบมอนเตสเซอรี่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยวิธีการสอนที่ทำให้เด็กสามารถเรียนอ่าน เขียน และคิดคำนวณโดยวิธีธรรมชาติเหมือนกับการเรียนเดินและพูด ขณะเดียวกันเด็กจะได้ทำงานตามช่วงเวลาของ ความสนใจและความพร้อมของเขา

ที่มา //www.kornkaew.th.edu/interest.htm

วิชาการมากเรยเนอะ ตาลาย........อันนี้ ดูเป็นรูปธรรมหน่อย

มอนเตสเซอรี่ ต่างกับ Project Approach อย่างไร


การเรียนในระบบมอนเตสเซอรี และ Project Approach ต่างก็มาจากแนวคิดที่ยึดเด็กเป็นสำคัญ (Child Center) เหมือนกัน คือการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็ก และเด็กได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ แต่แตกต่างกันในเรื่องของรูปแบบและวิธีการ

ระบบมอนเตสเซอรี เด็กๆ จะเรียนรู้ผ่านสื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ครูจัดไว้ให้ โดยสื่อและอุปกรณ์เหล่านี้จะทำให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ปาก และกายสัมผัส เพื่อให้เด็กได้พัฒนาและใช้ประสาทสัมผัสครบทุกด้าน เพราะประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ช่องทางที่ทำให้คนเราใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ

ถ้าเราใช้แค่ตาดู หูฟัง เท่านั้น ประสิทธิภาพการรับรู้ย่อมน้อยกว่า ยกตัวอย่าง เช่น จะสอนเรื่องภาษาให้เด็กรู้จักตัวหนังสือ เด็กก็จะได้เล่นและใช้มือสัมผัสกับตัวอักษร ที่ทำจากกระดาษทราย หรือถ้าเรียนเรื่องตัวเลขก็จะมีแท่งไม้ให้เด็กหัดใส่ลงในช่องที่มีตัวเลขกำกับอยู่ ฯลฯ

นอกจากเรื่องของภาษาและคณิตศาสตร์แล้ว ยังมีเรื่องของการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน ดูแลสิ่งแวดล้อม มารยาท วัฒนธรรม สังคม และวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการเรียนโดยผ่านการลงมือทำทั้งสิ้น มอนเตสเซอรีมองว่ากาเรียนแบบนี้จะช่วยให้เด็กใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีสมาธิกับการทำงานของตัวเอง และเมื่อทำงานประสบความสำเร็จก็จะเกิดความพอใจ ทำให้อยากเรียนรู้ต่อไป

ส่วน Project Approach นั้นเรียกเป็นภาษาไทยว่า การสอนแบบโครงการ หรือบางที่ก็ใช้คำว่าโครงงาน มุ่งให้เด็กเรียนรู้ในเรื่องที่เด็กสนใจอย่างลุ่มลึก โดยเน้นให้เด็กเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ในเมืองไทยที่ใช้กันอยู่จะมี 2 ลักษณะ คือ

แบบแรกมีกิจกรรมหลัก 5 กิจกรรมด้วยกัน คือ อภิปรายกลุ่มออกภาคสนาม นำเสนอ สืบค้น จัดแสดง เช่น ถ้าเด็กสนใจเรื่องรองเท้า ก็พูดคุยถึงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับรองเท้าอย่างหลากหลายประเด็น เช่น ทำมาจากอะไร มีไว้ทำอะไร มีกี่ขนาด มีชนิดไหนบ้าง วิธีการผลิตทำอย่างไร มีขายที่ไหน เด็กๆ จะได้ออกภาคสนามไปศึกษาของจริง เช่น ไปดูร้านขายรองเท้า มีการสืบค้นเรื่องรองเท้า ดูรองเท้าในบ้าน ดูจากในหนังสือหรือนิตยสารต่างๆ แล้วอาจจะลองหัดทำรองเท้าเอง หรือทำร้านรองเท้าจำลอง เป็นต้น

อีกแบบหนึ่งจะออกไปทางค้นคว้าสำรวจด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีการตั้งสมมติฐานและทดสอบสมมติฐาน เช่น เด็กๆ ได้รับประทานขนมเปียกปูนแล้วอยากรู้ว่า ขนมเปียกปูนทำมาจากอะไร ครูจะไม่ตอบเด็ก แต่จะลองให้เด็กแต่ละคนลองคาดเดาเอาว่าน่าจะทำจากอะไรบ้าง แล้วทำตามความคิดของแต่ละคน ว่าจะออกมาเป็นขนมเปียกปูนหรือไม่ ถ้าเป็น ก็ได้คำตอบ แต่ถ้าไม่เป็นครูก็จะกระตุ้นให้เด็กหาทางต่อว่าจะทำอย่างไรดี เด็กก็อาจจะบอกว่าไปดูจากตำราทำขนม แล้วลองทำดู หรือไปที่ร้านขายขนมไทย ให้คนขายทำให้ดู แล้วกลับมาทำเอง

วิธีการอย่างนี้นอกจากเด็กจะได้เรียนรู้เป็นกระบวนการกลุ่มและเรียนผ่านลงมือทำจริงแล้ว สิ่งที่เด็กได้ในแง่วิชาการคือ เรื่องของภาษา การฟัง การพูด การบันทึกข้อมูล เรื่องของวิทยาศาสตร์ ความร้อน การเปลี่ยนสภาพจากของเหลวไปเป็นของแข็ง ฯลฯ คณิตศาสตร์จากการชั่ง ตวง ส่วนผสมของขนมภูมิปัญญาไทย เช่น การใช้สีและกลิ่นจากธรรมชาติ เป็นต้น ที่สำคัญก็คือ จะสร้างนิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียนให้เด็ก เมื่อสงสัยอะไรก็จะค้นคว้าหาคำตอบ หาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งทักษะเหล่านี้จำเป็นสำหรับการเรียนและการใช้ชีวิตในอนาคต

เรื่องเรียนทันหรือไม่ทัน ลองเปรียบเทียบดูสิคะว่า ถ้าเด็กได้เรียนผ่านวิธีของมอนเตสเซอรี หรือ Project Approach ซึ่งเป็น 2 ใน 5 ของนวัตกรรมที่ทางสำนักคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติแนะนำ กับวิธีการเรียนแบบเดิมๆ ที่เคยเรียนกันมา เด็กกลุ่มไหนจะเก่ง ดี มีสุข มากกว่ากัน

ที่มา //www.elib-online.com/childclinic/childclinic48/child_clinic48005.html


อันนี้น่าสนใจมากก...แต่ยาววว...อ่านแล้วอยากส่งมิวมิวไปเรียนเวียนนา....ฮ่าๆๆ...ตอนนี้กินแต่ไส้กรอกเวียนนาไปก่อนละกัน

ตัดมาให้อ่านสั้นๆ..อ่านแล้ว หัวใจพองโต...ถึงแม่จะไม่เคยจำชื่อนักร้อง ชื่อดารา ชื่อเพลง แนวไหนเป็นแนวไหน...แต่ถ้ามีโอกาส..จะสนับสนุนให้ลูกเล่นดนตรีสุดๆ ไปเลย....

แค่คิด แค่อ่าน ก็รู้สึกได้ว่า เด็กที่มีพื้นฐานด้านดนตรี ด้วยวิธีการสอนแบบมอนเตสเซอรี่ คงจะเป็นเด็กที่มีความสุขมากๆๆๆ เลย...สร้างความเป็น musicianship ฟังดูไฮโซดี เอิ๊กกกกกกกกก


ดนตรี เด็ก กับมอนเตสเซอรี่

ในชั้นเรียนแบบ “มอนเตสซอรี” มีการให้ความสำคัญของการแนะนำดนตรีต่อเด็ก ที่โรงเรียนตัวอย่าง ( The Model Montessory School ) แห่งกรุงเวียนนา ครูได้คัดเลือกเพลงพื้นเมืองและเพลงคลาสลิคจากประเทศทั่วโลกเอาไว้ใช้ประกอบการเรียนของเด็ก และให้โอกาสในการฝึก ดังต่อไปนี้

1. การฝึกเพื่อให้เข้าใจ “จังหวะ” ของดนตรี โดย การฝึกทรงตัว การวิ่งเข้าจังหวะ เดินตามจังหวะ เคลื่อนไปตามกฏที่กำหนดไว้

2. การฝึกเพื่อ “เมตริก” ของดนตรี โดยให้เด็กมีความประทับใจในเสียงดนตรี
( Musical Impressions ) ครูจะเลือกเพลงมาเป็นท่อนใดท่อนหนึ่งแล้วเล่นซ้ำ ๆ ให้เด็กเกิดความเคลื่อนไหวไปตามจังหวะด้วยทุกส่วนของร่างกายไม่เฉพาะแต่มือและเท้าเท่านั้น เพื่อให้เด็กได้คุ้นเคยกับดนตรี

3. การศึกษาความคล้องจองและทำนองดนตรี อาจใช้เครื่องดนตรีง่าย ๆ เช่น เครื่องเคาะต่างๆ เข้าไปประกอบโดยให้เด็กเล่นกันโดยเสรี ความสนใจในเด็กเกิดมาจากการได้ฟังเพลงซึ่งตนชื่นชอบ แล้วลองมา “เล่นด้วยหู” จนพอไปได้
ส่วนความเข้าใจและความสามารถในการเล่นดนตรีนั้น ได้รับการส่งเสริมจากการมีโอกาสได้จับเครื่องดนตรีขึ้นมาลองสร้างเสียงสูงต่ำ ซึ่งประทับอยู่ในใจเด็กได้อย่างน่าพิศวง

4. การเขียนและอ่านดนตรี โดยให้เด็กได้ฝึกโสตประสาทสังเกตความสูงต่ำของเสียง และขั้นต่อมาก็แทนตัวโน้ตด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ขั้นสุดท้ายจึงแนะนำให้เด็กรู้ความหมายของโน้ต
การแนะนำดนตรีในเด็กของ “มอนเตสซอรี” จะเริ่มจากจังหวะความสอดคล้อง ต้องมาก่อนการเรียนอ่านและเขียนตัวโน้ต ( ประมวล ดิคคินสัน, 2530: 121-125)

กระบวนการของการเรียนรู้ของมอนเติสซอรที่นำมาใช้ในการเรียนการสอนดนตรีแก่เด็ก มี 3 ขั้นตอน คือ
1. Imitation การเลียนแบบ โดยมีครูเป็นต้นแบบของเด็ก
2. Recognization การจดจำ และการแยกแยะความแตกต่างของเสียงที่ได้ฟัง
3. Intonation การเปล่งเสียงร้อง โดยถูกต้องเป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายว่าเด็กมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้

การฝึกการร้องที่มีข้อกำหนดกฏเกณฑ์
การร้องเพลงที่มีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ คือ การฝึกฝนการร้องเพลงตั้งแต่ขั้นตอนของการฝึกอวัยวะที่ใช้ในการเปล่งเสียงร้องทุกอย่างให้เข้าที่เข้าระบบ และสามารถร้องได้อย่างมีคุณภาพที่ดี ด้วยการเลียนแบบการร้องอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ครูจะเป็นผู้นำเสนอวิธีการด้วยการใช้เกม การสอนทีละขั้นตอน และให้ความสำคัญทุกขั้นตอนของการฝึก เพื่อให้นักเรียนมีความแม่นยำของเสียง มีการกล้าแสดงออก และสบายใจที่จะร้องเพลง และเด็กก็ควรจะได้ฝึกการฟังเสียง เพื่อฝึกความมีหูใน ( Inner hearing ) หรือการได้ยินเสียงในสมองตนเอง ซึ่งเด็กที่สามารถฝึกฝนการมีหูในที่ดีแล้ว ก็จะทำให้การร้องมีประสิทธิภาพมาก เสียงจะไม่มีการเพี้ยน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของเด็กที่มีการร้องเพี้ยนนั้น มักจะเกิดจากการไม่ได้ฝึกหัดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง หรือการที่เด็กไม่มีความมั่นใจในการร้องของตนเอง แต่เด็กทุกคนที่ยังมีการได้ยินที่ดีย่อมสามารถฝึกฝนการร้องให้มีประสิทธิภาพที่ดีได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่ครูผู้สอนต้องใส่ใจกับการฝึกฝนการร้องเพลง และสร้างความเป็นดนตรี ( Musicianship ) ให้เกิดขึ้นในเด็กด้วย

//www.geocities.com/loungsop/article/prapan/001montes.htm

ไว้วันเสาร์ไปบ้านครูบัวกลับมาแล้ว..จะมาแปลเป็นภาษาคน ภาษาแม่บ้านให้ฟังนะ...ฮิฮิ ไปล่ะ พอดีนอนไม่หลับ..สวัสดีตอนเช้า

note : //www.edu.chula.ac.th/elemed/archieve/jirapan.html ว่างๆ จะลองหามาอ่านมั่ง




 

Create Date : 29 มกราคม 2552
15 comments
Last Update : 29 มกราคม 2552 5:53:11 น.
Counter : 1646 Pageviews.

 

เวอะมาทักทายค่ะ

 

โดย: CrackyDong 29 มกราคม 2552 9:08:43 น.  

 

ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ จะเอาไปใช้กับลูกชายค่ะ เริ่มจากโอมสคูลในบ้านก่อน

 

โดย: totoro_ok 29 มกราคม 2552 10:51:07 น.  

 

หูยความรู้เพิ่มเติมต้องเก็บข้อมูลซะแล้ว ขอบคุณจ้า
อ้อๆหลังไมค์ด้วยนะจ๊ะมิวมิว

 

โดย: OneDeeK 29 มกราคม 2552 12:38:22 น.  

 

ความรู้แน่นเอี้ยดเลยกุ๊ด

 

โดย: oHLa 29 มกราคม 2552 13:36:06 น.  

 

น่าสนใจจังค่ะ

 

โดย: ชลบุรีมามี่คลับ 29 มกราคม 2552 22:40:05 น.  

 

ข้อมูลดีมากเลย
เจอกันวันเสาร์นะจ๊ะ

 

โดย: พี่นา IP: 124.121.125.168 30 มกราคม 2552 0:09:55 น.  

 

ข้อมูลใหม่สำหรับเค้าเลยหล่ะตะเอง ขอบคุณนะ

 

โดย: PORBUA 30 มกราคม 2552 12:10:32 น.  

 

Photobucket


แวะมาทักทาย ทำความรู้จักค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

 

โดย: แม่น้องแปงแปง 30 มกราคม 2552 13:46:41 น.  

 

เกดไม่แน่พรุ่งนี้อาจได้เจอกันที่ครูบัวนะ
ขอตัดสินใจอีกที เพราะช่วงนี้เจ้าข้าวสวยเค้าติดแม่มากเลยอ่ะ
ไม่เอาใครเลย
เลยกลัวว่าเค้าจะงอแงตอนเราขึ้นไปอบรมน่ะจ้ะ

 

โดย: แม่ข้าวสวย กะ น้องในพุง IP: 124.120.161.125 30 มกราคม 2552 18:13:03 น.  

 

อิอิ ข้อมูลคุณแม่แน่นปึ้ก สมกับเป็นคุณแม่ยุคใหม่จริง ๆ


ในฐานะ(ว่าที่) ครูอนุบาลฯ มาหนับหนุน ชูจั๊กกุแร้ให้เลี้ยงลูกตามแนวมอนเตสฯ จ้า

 

โดย: p@ninlove IP: 202.149.25.238 1 กุมภาพันธ์ 2552 9:29:05 น.  

 

 

โดย: ริวคิ-mawin-maji-minic 3 กุมภาพันธ์ 2552 0:50:29 น.  

 

ไว้ถ้ามีลูก ขอมาอ่านอีกรอบนะ

 

โดย: ไผ่ไร้กอ IP: 58.8.119.74 3 กุมภาพันธ์ 2552 17:20:48 น.  

 

วีดวิ้วววว ที่ลักคิดถึง
เราเปลี่ยนเบอร์ใหม่ละนะ ปวดกบาลกะทรูมาก ว่าแต่เรายิงไปยังหว่า สับสนโคดช่วงนี้

อ่านละน่าสนมากๆ
ฟลัวร์เป็นเด็กที่มีทักษะดนตรีเป็นเลิศเข้าขั้นหลอนว่ะ
แบบดูการ์ตูนเรื่องนี้ เพลงประกอบอะไรกี่เพลงๆแม่มจำได้หมด แบบเพลงประกอบแค่ฉากบางฉากก็จำได้อะ
พอไรท์ซีดีไปเปิด มันจะทำท่าทำทางเป็นฉากในเรื่องนั้น
(เว่อมะ หลอนมาก) เต้นตามได้ทุกแบบ
เวลาเต้นมีสเตป จิ้มเปียโนตามใจตัวเองออกมาเป็นเพลงที่คิดเองได้

แต่ทักษะด้านอื่นติดลบว่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
นี่ไป รร มาครึ่งเดือนป่วยไปครึ่งเดือน เหนื่อยชิบเลย ติดกันสองคน กล่องเสียงอักเสบแทบแย่เลยว่ะ กว่าจะหาย

แต่ไป รร ละดีขึ้นเยอะเลยว่ะ ในหลายๆด้าน
และที่สำคัญ ลูกอิฉันไม่ร้องเลยสักแอะตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ แถมไม่ยอมกลับบ้านอีก เวรจิงๆ

 

โดย: บรั๋ว IP: 125.27.194.239 19 กุมภาพันธ์ 2552 3:41:24 น.  

 

ลูกเพื่อนก็เรียนค่ะอยู่ที่ GA.
ก็ดีนะคะ
แต่ดันมีปัญหาตรงที่ว่า จะย้ายโรงเรียนไปเรียนแบบธรรมดาก็ค่อนข้างยุ่งยาก
ต้องผ่านการทดสอบอะไรก็ไม่รู้

แต่ตอนนี้เปลี่ยนโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ เพราะเจอครูไม่ค่อยเวิร์ค

 

โดย: Lookchin IP: 124.120.109.248 4 มีนาคม 2552 0:35:37 น.  

 

ทักทายจ้าา เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก Exilis Elite Exilis Thermage Body Thermage ออฟฟิศซินโดรม Indiba Inbody ยกกระชับช่องคลอด Vaginal Lift Vaginal Morpheus Pro Morpheus ยกกระชับ Oligio Body Oligio IV Drip ดริปวิตามิน Emsella รีแพร์ เลเซอร์นอนกรน นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก Emsculpt สลายไขมัน สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting romrawin รมย์รวินท์ Rejuran Belotero ผิวฉ่ำ Glassy Skin Juvederm Coolsculpting เลเซอร์รอยสิว Meso Hair Skinvive ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์คาง ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย โบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime Ulthera Ulthera Thermage FLX Thermage Oligio Oligio ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร กำจัดขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ขน Pico Laser Pico Majesty Reepot Laser Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Sculptra Sculptra Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse UltraClear AviClear Accure Laser สลายเซลลูไลท์ Fit Firm Emsculpt Coolsculpting Elite NAD+ ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP Vaginal P-SHOT O-Shot LLLT ปลูกผม รักษาผมร่วง ผมร่วง ผมบาง ปลูกผม ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม ดูดไขมัน ดึงหน้า ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก วีเนียร์ Apex ให้ใจ สุขภาพ

 

โดย: น้องเมย์น่ารัก 18 ธันวาคม 2567 11:24:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.