"สมยศ" งัดคลิปเสียง "บิ๊กอาร์เอส-แม่ฟิล์ม" แฉ "ฟิล์ม" ลืมบุญคุณ
อดทนมาถึง 10 ปีเต็ม สำหรับอดีตผู้สื่อข่าวบันเทิง สมยศ ศรีสมบูรณ์ ที่อ้างว่าเป็นคนปั้นนักร้องดัง ฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าวงการมาตั้งแต่ปี 2545 โดยเมื่อช่วงบ่วยวันนี้(23 มิ.ย.) นายสมยศ พร้อมด้วย นายปัณณวัชร พนิกาสิรินันท์ ทนายความส่วนตัว และ อุ๊บ วิริยะ นักปั้นชื่อดังที่ตามมาให้กำลังใจ ได้เดินทางมาที่ร้าน See U ย่านลาดพร้าว งัดหลักฐานเป็นคลิปเสียง ซึ่งเป็นการสนทนาของนายสมยศ กับแม่ของหนุ่มฟิล์ม และ แต๋ง ชัยยศ สายบัวทอง ผู้บริหารระดับสูงค่ายอาร์เอส เพื่อชี้แจงกรณีที่ตนบุกไปพบฟิล์มที่ศาลเมื่อหลายวันก่อน


นายสมยศ กล่าวว่าที่ออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้เพราะต้องการกู้ศักดิ์ศรีคืน เนื่องจากทางพีอาร์ของค่ายอาร์เอส ได้บอกกับสื่อว่าไม่มีผู้บริหารของอาร์เอสโทรมาเจรจากับตน นอกจากนั้นยังเผยว่าหนุ่มฟิล์ม โกหกมาตลอด 10 ปี ไม่ยอมรับว่าตนคือคนปั้นคนแรก! หรือลืมบุญคุณนั่นเอง ก่อนวอนให้สังคมเป็นคนตัดสินฟฤติกรรมของฟิล์ม


"ก่อนอื่นต้องพูดถึงวันที่ 18 ก่อนที่ผมไปที่ศาลเนี่ยมันหมายความว่าฟิล์มนั้นได้ไปพูดผ่านสื่อในการให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะไปอังกฤษนะครับ หาว่าผมเนี่ย นักข่าวถามว่า สมยศ ศรีสมบูรณ์เนี่ยนะครับ แล้วก็บอกว่าไม่รู้จัก แอบอ้าง ทำไมผมเป็นคนถูกต้องที่พาเค้ามา ทำไมผมต้องเรียกว่าถูกแอบอ้าง แล้วหลังจากนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมก็อยากจะถามด้วยตัวจริง ตัวเองของเค้า ว่าเค้าจะตอบยังไง แล้วเวลาที่เห็นตัวจริงของผมเนี่ย ผมไม่มีความจำเป็นต้องเกร็งเค้าอยู่แล้ว เพราะความจริงมันอยู่กับผม แล้วผมก็เลยไปที่ศาลในวันนั้น"


"ผมก็ไปคุยเรื่องราวต่างๆ ว่าความจริงมันคืออะไร ตอบพี่หน่อยสิครับ หรืออะไรประมาณนี้นะครับ ซึ่งสื่อมวลชนทุกท่าเนี่ยก็ได้เห็นแล้วนะครับว่าในข่าวนี้มันก็มีชื่อผมการันตีอยู่แล้วตั้งแต่ปี 45 ในหนังสือพิมพ์ที่เห็น แล้วหลังจากนั้นพอผมพูดดีกับเค้าก่อนที่เค้าจะขึ้นศาล เสร็จแล้วผมก็รอให้เค้าขึ้นไปชั้นบน ในระหว่างเค้าขึ้นไปชั้นบนเนี่ย ผมก้จะรอว่าเวลาที่เค้าลงมาเนี่ยผมก็จะถามเค้า ต้องการที่จะคุยกับเค้าว่ามันคืออะไร"


"แต่ในระหว่างนั้นมีผู้บริหารอาร์เอสโทรมา ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ก็อยู่ในเครื่องของผม ซึ่งก็คุยกันว่าเอ๊ยยศ เป็นยังไงเรื่องฟิล์มเราเคยคุยกันแล้วนะอะไรอย่างเนี้ยะ แล้วก็พี่อยากจะบอกว่าอย่าถึงโรงถึงศาลหรืออะไรกันเลยนะ เดี๋ยวมีอะไรค่อยคุยกัน หรือวันจันทร์เอาคลิปเปิดเนี่ยจะขอโทษขอโพย หรือเจรจาอะไรกันก็ว่ากันอีกทีนึง ซึ่งผมก็รับฟังแล้วก็ปรึกษากับฟิล์มมาเป็นอย่างดีแล้วว่าผมมาเนี่ยผมไม่ต้องการรุกรานแต่ผมมาเพื่อที่จะบอกความจริงว่ามันคืออะไร"


"แต่พอมาพูดอย่างนี้ปุ๊บเนี่ย ด้วยความที่ผมเป็นเด็กกว่า ผมเคารพนับถือด้วยความเป็นผู้อวุโสกว่า ความยิ่งใหญ่ แล้วทีนี้ทางสมาพันธ์ก็คุยกับผมว่า แล้วทีนี้เราจะต้องถอยหลังก่อน เพราะอันนั้นเนี่ยมันคือบริหารคุยกับเราขนาดนั้น โอเคก็คิดว่าฟิล์มน่าจะพูดกับเราดีกว่านั้น"


"แล้วก็หลังจากนั้นเนี่ยผมก็บอกนักข่าวว่าขอกลับก่อน พอกลับก่อนแล้วเนี่ยผมไม่ทราบว่าพีอาร์สื่อสารกับบริษัทอย่างไร ถึงได้บอกว่าโทรไปที่อาร์เอสแล้ว ไม่มีผู้บริหารท่านใดโทรมาคุยกับผม ซึ่งผมก็เสียหาย ซึ่งถ้าไม่มีผู้บริหารโทรหาผมเนี่ย ตามที่พอาร์บอก ทำไมผมอยู่ตรงนี้ ทำไมผู้บริหารรู้แล้วก็โทรมาหาผมล่ะครับ ซึ่งก็เคารพแล้วก็ให้เกียรติ รู้สึกภูมิใจครับว่าคนตัวเล็กๆ อย่างผม คนธรรมดาอย่างผมที่คนบางคนดูถูกศักดิ์ศรีผม แต่ผู้ใหญ่ระดับนั้นยอมมาคุยกับผม ต้องขอบคุณพี่เค้าด้วยครับ"


"ประเด็นที่ผมมาวันนี้นะครับ หลายๆ คนอาจจะสงสัย อาจจะตกใจ หรืออาจจะคิดว่าผมเป็นมีอะไรต่างๆ นาๆ เรียกร้องอะไร ทุกอย่างผมไม่มีการที่จะเรียกร้อง ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเกินไปกว่าศักดิ์ศรีความเป็นคน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ คนนึงที่ไม่ใช่คนดัง แต่คนดังกลับคิดว่าคนที่ไม่ดังเนี่ยมันไม่มีศักด์ศรี อยากจะพูดอะไรก็ได้ เมื่อมีความดังแล้วอยู่ใกล้สื่อมวลชน อยากจะพูด อยากจะโกหกกี่คำก็ได้ มันไม่แฟร์สำหรับผมที่ผมแบกภาระ กับความจริงมาโดยตลอดเวลาตั้งแต่ปี 45"


"และก็เวลามีนักข่าวมาถามผมทุกครั้งเนี่ย ผมตอบด้วยความจริง แต่พอกลับไปถามฟิล์มกลับตอบอีกอย่าง นั่นหมายถึงว่าคนที่พูดความจริงอย่างผมเนี่ยกลายเป็นคนโกหกสังคมหรอครับ ทั้งๆ ที่บทเรียนในการโกหก หรือเรื่องราวต่างๆ ที่มันเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วเนี่ยมันก็มีครับว่าคนหลายๆ คนที่โกหกเนี่ย"


หลังจากนั้นนายสมยศ ได้เปิดคลิปเสียงสนทนากับผู้บริหารของอาร์เอสให้สื่อฯ ฟัง


"นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่าทำไมผมถึงต้องออกมาพูด แล้วสาเหตุที่ผมก็อปปี้เก็บไว้เพราะว่าคนตัวเล็กๆ อย่างผมไม่มีความดัง ไม่มีเครดิต อย่างที่เค้าดูถูกผมมา ผมก็เลยจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ในเมื่อผมเคลียร์ตัวเอง ผมแสดงสปิริตในลักษณะคนตัวเล็กๆ แล้วแต่สิ่งที่ผมแสดงออกไป ผมได้รับกลับแบบนี้ด้วยการโกหกทั้งหมด ผมเลยต้องโทรกลับไปรีเช็คข้อมูลอีกทีนึงว่ายอมรับว่าได้โทรหาผมจริงๆ นั่นเป็นที่มาที่จำเป็นจะต้องมีหลักฐาน ถ้าเกิดผมทำอะไรก็แล้วแต่ที่ร่วมเกินจริงๆ ผมต้องขออภัย"


"ถ้าผมไม่ทำแบบนั้น ชีวิตผมก็ต้องโดนคนที่เค้าดังกว่า คนที่เค้ารวยกว่า คนที่เค้ามีแต่สิ่งที่ดีกว่าผม ประมาณนี้ครับ ตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยได้ยินฟิล์มเค้าเอ่ยชื่อผมเลยครับ ทั้งๆ ที่แต่ก่อนน่ะรู้จักเค้า เค้าไม่มีเงินไปโรงเรียน สองร้อยสามร้อย สมัยนั้นผมทำข่าว เป็นนักข่าวเหมือนพวกเพื่อนๆ เงินเดือนไม่ได้เยอะมาก สองร้อยสามร้อยผมแบ่งให้คุณใช้น่ะ บางทีมีสองร้อย มึงแบ่งกับกูคนละร้อย แล้วเค้าขอตังค์ผมน่ะ ผมไม่อยากพูด ซึ่งจริงๆ ตรงเนี้ยะไม่ต้องยอมรับก็ได้ฟิล์ม เพราะพี่ไม่มีหลักฐานการจ่ายตังค์ให้กับคุณ"


ตามด้วยคลิปเสียงสนทนากับแม่ของนักร้องดัง ฟิล์ม รัฐภูมิ เพื่อยืนยันว่าตนเป็นคนปั้น


"สิ่งที่เค้าพูดโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ย จะพยายามที่จะแก้ตัวแล้วก็จะพยายามที่จะพูดให้ลูกตัวเองดูดีตลอดเวลา แล้วก็ไม่เคยยอมรับผิดอะไรเลย แล้วก็เฉไฉตลอด แล้วเวลาพูดเนี่ยผมแทบจะไม่ได้พูด เค้าก็จะแทรกผมตลอด แทรกๆๆ แล้วก็แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ"


"สิ่งที่ผมได้โทรไปคุยกับเค้าเนี่ยมันเริ่มมาจากที่ว่า ตอนแรกเนี่ยที่ผมพาเค้ามาตั้งแต่ปี 45 เนี่ยผมไม่เคยวุ่นวายเลย พอผมพาไปถึงอาร์เอสปุ๊บ มีความรู้สึกว่ามันคุยกันไม่ได้ หรือไม่เคยให้เกียรติผมเนี่ย ผมก็หยุด จบ หลังจากนั้นเนี่ยผมไม่เคยอะไรเลย แต่พูดผิด คือจริงๆ พูดผิดมาตลอดนะครับแต่ผมไม่เคยออกมา แล้วครั้งนี้ที่ออกมาที่อักเสียงไว้เนี่ยก็เนื่องมาจากว่าไปออกรายการตีท้ายครัว เมื่อสองปีที่แล้ว และบอกว่าผมเจอพจน์ อานนท์ ที่ซอย 101 ซึ่งการพูดมาแบบนี้มันไม่ใช่ ผมก็เลยโทรไปบอกแม่ว่าลูกพี่พูดผิด ทำไมต้องพูดผิดแบบนี้"


"แล้วทีนี้ฟังดูในเทป เค้าบอกว่าพี่ให้สัญญา เธอจะไม่ได้ยินลูกพี่พูดผิดอีกนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้อนไป ไม่ว่าจะเป็นรายการไหน สื่อใดก็จะไม่มีอีก นั่นคือคำสัญญาที่ออกจากปากแม่ แล้วก็บอกว่าลูกไม่เคยพูดผิด เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ฝากสื่อมวลชนแล้วก็ฝากแฟนคลับ หรือใครก็แล้วแต่ ลองพิจารณาเองนะครับว่าคำพูดของเค้าเนี่ยมันเป็นยังไง"


"สิ่งที่เค้าปฏิเสธผมมาโดยตลอดเนี่ย ผมมีความรู้สึกว่าผมเหนื่อยกับการที่จะต้องตาม กับการที่จะต้องแบบเจ็บปวด เจ็บใจ อยู่เป็นประมาณ 9 ปี 10 ปี ซึ่งคนๆ นึงน่ะ แบกรับความรู้สึกมานานขนาดเนี้ยะ แล้วก็ยังเหยียบย่ำผมอยู่ แม้กระทั่งวันที่ 18 ก็เหยียบย่ำผมต่อ แล้วก็สิ่งที่ผมทำกับเค้ามันเหมือนกับพี่น้องทำงานด้วยกัน มันผิดด้วยหรอครับที่ผมไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ผมมีแค่สัญญาใจ แต่ผมพาไปถึงได้ไปถึงที่บริษัท หลังจากนั้นเค้าก็ได้ทำงาน โดยที่ผมไม่ได้มีความดีอะไรกับเค้าเลย"


"ผมรู้สึกว่าจะมากู้ศักดิ์ศรีที่ต้องเสียมาตลอดเวลา ที่เค้าไม่เคยให้เกียติผม 10 ปีไม่เคยเอ่ยชื่อ สมยศ ศรีสมบูรณ์ในสื่อใดเลย ลักษณะว่าถ้าไม่จนแต้ม หรือถ้ามีอะไรมาสู้กับเค้า หรือมีเหตุผลเนี่ย เค้าไม่เคยที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการพูด หรือลักษณะนิสัย เห็นตัวอย่างได้ในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาครับ"


"วันนี้ที่ออกที่เนี่ย ผมอยากให้เป็นตัวอย่างให้กับเด็ก เยาวชน หรือผู้ที่อยู่ในวงการบันเทิงว่าควรจะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างไร ควรจะต้องอยู่กับความจริงอย่างไร ไม่ใช่อยู่กับการที่สร้างวิมานในอากาศ สร้างปราสาทในกองทราย ซึ่งไม่มีประโยชน์ครับ"


"คือเรื่องจบยังไงเนี่ย เอาเป็นว่าวันนี้ผมก็พูดจบไปหมดแล้ว หลักฐานที่ผมทุกอย่างตอนนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่ที่ตัวฟิล์ม และสังคม และท่านสื่อมวลชนทุกคนจะตอบอย่างไร จะตัดสินอย่างไรจากข้อมูลทุกอย่าง และก็อยู่ที่สามัญสำนึกส่วนตัวว่าจะโกหกตัวเองอีกต่อไปหรือเปล่า จะหลอกตัวเองอีกต่อไปหรือเปล่า จะทรยศตัวเองอีกต่อไปหรือเปล่า และถ้าจะไม่ยอมรับไม่เป็นไร พี่ถือว่าพี่ได้ทำทุกอย่างโอเคที่สุดแล้ว ผมมีความรู้สึกเคลียร์"


"ถ้าเกิดว่าฟิล์มคิดว่าเป็นเรื่องจริงที่เคยโกหกมาเนี่ย ผมแพ้ สาบานวัดพระแก้ว ไปได้เลย จะกล้าไปหรือเปล่า หรือจะโกหกอย่างไร คนเรารู้จักรับความจริงบ้าง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองผิดพลาดเค้าก็ให้อภัยครับ ผมไม่ซีเรียสแต่ขอให้รู้จักความจริง ให้สังคมตัดสิน ให้พี่ๆ สื่อมวลชนตัดสินว่าบุคคลประเภทลักษณะแบบนี้เนี้ยะ เราควรจะนำเนสอข่าว หรือสนับสนุนเป็นต้นแบบอีกต่อไปหรือเปล่า"


ส่วนที่หลายคนมองว่า สมยศ ตั้งใจจะเกาะกระแส ฟิล์ม เพราะจะออกพ็อกเก็ตบุ๊คเร็วๆ นี้นั้น เจ้าตัวฟุ้งฟิล์ม ก็เคยเกาะตนมาก่อนเหมือนกัน "ไม่เกี่ยวกันครับ จริงๆ แล้วทุกๆ คนก็รู้อยู่แล้วว่าผมทำสำนักพิมพ์ ผมเขียนหนังสือขาย ผมมีหนังสือหลายเล่ม ออกมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวครับ เรื่องเขียนหนังสือ เขียนนิยาย เขียนอะไรต่างๆ มันอยู่ในความสามารถผมอยู่แล้ว อย่าหาว่าผมมาเกาะกระแสหรืออะไรต่างๆ เลยนะครับ เพราะว่าถ้าจะหาว่าผมเกาะกระแสต้องมองย้อนกลับไปว่า ตอนฟิล์มเข้าวงการใหม่ๆ ตอนแรก ฟิล์มก็เกาะเครดิตความเป็นนักข่าวของผมเข้ามาก่อนเหมือนกันนะครับ ยิ่งใหญ่กว่าด้วยซ้ำเพราะฟิล์มเป็นเด็กธรรมดาๆ"






ที่มา Gossip Star



Create Date : 24 มิถุนายน 2554
Last Update : 24 มิถุนายน 2554 13:07:44 น.
Counter : 1009 Pageviews.

0 comments

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
มิถุนายน 2554

 
 
 
11
12
13
15
18
19
26
27
30
 
 
All Blog