"ปรียานุช" เผยหมอดูทัก "ตาย" ปีนี้จริง
อดีตนางเอกชื่อดัง ซ้อนุส ปรีชานุช ปานประดับ ล่าสุดเมื่อวันนี้เจ้าตัวได้แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ "เมื่อเวรกรรม..ไล่ล่าดาราดัง" ซึ่งเขียนจากประสบการณ์ชีวิตจริงทั้งอาการป่วยที่ต้องผ่าตัดมดลูกทิ้ง หรือจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับกระดูก ทั้งหลัง เข่า ขา จนเป็นอัมพฤกษ์ต้องนั่งบนรถเข็นปีครึ่ง

ซึ่งหลังได้รู้จักกับหลวงพ่อนิพนธ์ แห่งมูลนิธิไทยกรุณา จังหวัดกาญจนบุรี อดีตนักแสดงสาวกล่าวว่าได้บำบัดด้วยสมุนไพรมาตลอด จนทำให้มีชีวิตอยู่รอดมาทุกวันนี้ แต่ยังเดินไม่ได้เยอะ นั่งและยืนนานไม่ได้ ต้องเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ พร้อมทั้งยอมรับว่าถูกหมอดูทักว่าเธอจะตายภายในปีนี้จริงยันไม่รู้สึกกลัว บอกตั้งใจทำความดีตั้งสติให้มากขึ้นในการดำเนินชีวิตแค่นี้พอแล้ว

วัตถุประสงค์ที่ทำหนังสือเล่มนี้ วัตถุประสงค์คือเวลาพี่หายป่วยแล้ว คือเรานั่งรถจากกรุงเทพไปเมืองกาญจน์ ซึ่งมีพี่ไก่ที่เป็นคนรีไรท์เขาก็จะเดินทางไปด้วย เราก็คุยกันถึงว่าคนเราเนอะซักวันเราอาจจะเดินไม่ได้ก็ได้ หรืออาจจะพูดไม่ได้เป็นอัมพฤกษ์ก็ได้ เราก็พูดตลอดเวลาที่เราไปรักษาที่เมืองกาญจน์ พี่ไก่ก็เลยพูดว่าทำไม่เราไม่เขียนเป็นหนังสือล่ะ เพราะเราเจอคนป่วยบ่อยมากก็จะเดินเข้ามาถามว่ารักษาแบบไหนถึงหายทานยาอะไร ปฏิบัติตัวยังไงจะเจอแบบนี้บ่อยมาก แล้วหลายโรคมาก ก็เลยคิดว่าถ้าทำหนังสือมาซักเล่มนึงเมื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วย เราหายเพราะอะไรหรือคนที่ทานสมุนไพรควรทำตัวอย่างไร เราก็เลยคิดว่าเรารวมตัวเพื่อมาเขียนหนังสือเล่มนึงดีกว่าเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องพูดกันบ่อยๆ

แสดงว่าหนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดความสำคัญๆของพี่นุชไว้หมดเลย ใช่ค่ะ คือช่วงที่แย่ๆ ก็จะอยู่ในนี้ทั้งหมดค่ะ

สุขภาพตอนนี้ทั้งจิตใจและร่างกายเป็นยังไงบ้าง คืออย่างวันนี้ใส่ร้องเท้าส้นสูงใส่ได้แป๊ปเดียวก็จะถอดแล้วจะต้องใส่รองเท้าผ้าใบ ยืนนั่งก็ต้องสลับกันเพราะกระดูข้างหลังจะเจ็บ ดูเหมือนคนปกติแต่จะเจ็บมากเหมือนกัน

ในหนังสือเล่มนี้ตอนท้ายดูเหมือนจะให้กำลังใจซึ่งมันสำคัญมากๆ คือเหมือนกับลำดับเหตุการณ์จากการที่เราป่วยแล้วทำยังไงถึงหายควรทำตัวอย่างไร รวมไปถึงคนที่ดูแลเราตอนป่วยหนักด้วยค่ะ

ตอนนี้รักษายังไงบ้าง ตอนนี้รักษาสมุนไพรอย่างเดียวเลยค่ะ นอนก็วันละ5-6ชม.จากเมื่อก่อนนอนวันละ3ชม.ก็ต้องบังคับตัวเอง

มีหมอดูทักว่าปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบาก ใช่ค่ะ เมื่อต้นปีเขาก็ทักว่าปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีเลย แต่ประเด็นมันไม่ใช่ว่าเราจะตายหรือไม่ไปเขาบอกว่าอาจจะวูบไปหรือไม่ฟื้นเลย เขาก็อำเรา ซึ่งคุณหมอเขาบอกว่าเขาไม่กลัวหรอกเขาทำนายแบบนี้เพราะเขาเห็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เราก็ไม่ได้กลัวอะไร ก็ทำความดีตั้งสติให้มากขึ้นในการดำเนินชีวิตแค่นี้ อย่างที่ผ่านมาก็อันตรายถึงชีวิตหลายรอบมาก เพราะผ่าตัดบ่อยมากแล้วก็ป่วยบ่อย ตอนนั้นพอเขาทำนายปุ๊บเราจะตั้งหลักได้ว่าก็ดีเหมือนกันนะที่เราอยู่รอดมา4ปีแล้ว

พี่ตู่พอได้ยินคำทำนายมีกังวลไหม เขาอาจจะดีใจก็ได้นะ(หัวเราะ)เขาอาจจะบอกว่าดีจังพ้นภาระซักทีเหนื่อยจัง แต่ก็ไม่ทราบนะคะพี่เขาก็ให้เราทานยาเยอะๆดูแลร่างกาย ตอนนี้ส่วนที่น่าเป็นห่วงก็คือกระดูกเข่าและตรงหลัง

จริงหรือเปล่าที่บอกว่านอนตื่นมาแล้วฟันหล่น อ๋อ จริงค่ะไม่มีเรื่องไหนที่ไม่จริงเลย(หัวเราะ) ฟันหล๋อนี้ก็หล๋อจริงๆ

เรื่องไหนในหนังสือสามารถเป็นอุทาหรณ์ให้เราสามารถใช้ชีวิตให้มีคุณค่ามากขึ้น คือ ณ วันนึงน้องๆเนี่ยเห็นสุขภาพดี ถ้าวันนึงลืมตาขึ้นมาปุ๊บแล้วเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งนึง1ในร้อยหรือ1ในพัน อยากให้ตัวเองรับทำงานให้น้อยลง อย่าทำงานเยอะเกินไปดูแลตัวเองบ้างอยากให้รักตัวเองแค่นั้น เพราะพวกเราอายุ20กว่า30กว่าถ้าเกิด40ไม่สบายปุ๊บแล้วเราจะทำอะไร มันเหมือนชีวิตมันสั้นลงทันที คืออยากให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมองโลกให้ดีที่สุด อาทิตย์นึง1วันดูแลตัวเองให้เต็มที่อยากให้ทุกคนแข็งแรง

ใช้ธรรมะในการรักษายังไง ธรรมะเนี่ยเราจะไม่ค่อยได้ใช้เมื่อเราใกล้ตายจริงๆ เราถึงจะได้ใช้มัน สังเกตไหมว่าคนที่ใกล้ตายจะพูดถึงแต่ธรรมะๆ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะเยียวยาได้ ส่วนกำลังใจก็มีเยอะค่ะ รู้สึกว่าพอเราป่วยมากๆ เราก็มองโลกสดใสไปหมด ตอนที่เรายังดีๆ อยู่รำคาญคนนี้หงุดหงิดสารพัด พอเราป่วยก็คิดว่านิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นค่ะ เมื่อเราวิกฤตที่สุด




ที่มาsanook.com



Create Date : 08 มิถุนายน 2554
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 13:19:36 น.
Counter : 1189 Pageviews.

0 comments

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
มิถุนายน 2554

 
 
 
11
12
13
15
18
19
26
27
30
 
 
All Blog