ร้านอาหารในบล๊อกนี้ยังอยู่ในถนนเส้นทางลัดคลองโคน-ชะอำ ครั้งนี้เราวิ่งรถจากชะอำเพื่อออกมาคลองโคน ทีแรกจะหาอะไรกินที่ชะอำ แต่ร้านที่ต้องการจะแวะคนแยะก็เลยขับออกมาว่าจะมาหาอะไรกินแถวแม่กลองแทน ระหว่างที่วิ่งรถมาสังเกตุเห็นมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน โดยเฉพาะแถวปากอ่าวบางตะบูนร้านเล็กๆ ร้านนี้อยู่ตรงปากอ่าวที่อยู่เชิงสะพานข้ามคลองตะบูนร้านนี้บรรยากาศดีมากยื่นอยู่ในทะเล มองเห็นกะเตงเลี้บงหอยที่ปลูกอยู่กลางทะเลอยู่ไกลๆ บรรยากาศดีมากเลย ทีแรกเราก็อยากจะลองกินร้านนี้ เพราะเห็นมีคนเข้าคนออกร้านนี้แยะ แต่ทางเดินเข้าร้านไม่ค่อยสะดวกกับคนสูงอายุก็เลยต้องไปหาร้านข้างหน้า พอข้ามสะพานคลองตะบูนลงมา พอเลี้ยวซ้ายปุ๊ป เราก็เลือกแวะร้านแรกที่ถึงชื่อร้านอาหารริมทะเล ถ้ามาจากยี่สารก่อนจะขึ้นสะพานใหญ่ตรงปากอ่าว ร้านจะอยู่ขวามือ หรือถ้ามาจากเพชรบุรีพอข้ามสะพานลงมาเลี้ยวซ้าย ประมาณ 100 เมตร ร้านจะอยู่ซ้ายมือ เราไปวันอาทิตย์ประมาณบ่าย 4 มีลูกค้าจากกรุงเทพมาเป็นกลุ่มนั่งอยู่เต็มร้าน ท่าทางจะเป็นลูกค้าประจำเพราะสั่งอาหารแบบบุฟเฟต์ และมีลูกค้าอื่นทยอยกันมาเรื่อยๆ แถวนี้เป็นแหล่งหอย ทั้งหอยแครง หอยแมงภู่(ทีแรกว่าจะสั่งแต่หมด) เลยสั่งเป็นยำหอยแครง หอยตัวโต มีเนื้อหอยมาตรึม ที่นี่ยำแบบใส่ถั่วลิสงบุบ ไม่เคยกินมาก่อนแต่ก็อร่อยดี ราคา 80 บาท หอยแมงภู่ไม่มีน้องชายเลยสั่งหอยแครงลวกเบิ้ลไปอีก หอยตัวอ้วนโตลวกมากรอบกำลังดี 60 บาท ต้มส้มปลากระบอก รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมดีค่ะ 120 บาท จานนี้อร่อยเด็ด ผัดเผ็ดปลากระเบน เคี้ยวกรุบๆ 100 บาท ข้าวผัดปู ข้าวผัดแบบใส่หอมใหญ่แบบนี้ไม่ค่อยได้เห็นตามร้านอาหารเท่าไร 80 บาท ปลาทูสดทอดกรอบๆ 60 บาท น้องชายเข้าไปสำรวจบอกว่ามีแม่ครัวแค่คนเดียว ทำใจหน่อยว่าอาหารค่อนข้างช้า รสชาติอาหารตามที่รีวิวไว้เป็นความเห็นส่วนตัว วิธีการปรุงอาหารจะเหมือนอาหารทำกินเองที่บ้าน เสียดายที่ตอนเราไปไม่มีปูเหลือให้สั่งซะแล้ว อย่างกรรเชียงปูที่เป็นอาหารแนะนำที่นี่ หรืออาหารเมนูปู เพราะโต๊ะที่มาถึงก่อนเราสั่งกันทุกโต๊ะ(แถวนี้เป็นแหล่งเลี้ยงปูแน่นอนว่าต้องทั้งสดทั้งแน่น ) เบ็ดเสร็จมื้อนี้จ่ายไปไม่ถึง 600 บาทยังค้างคาใจกับปูใบ้ไม่หาย ก็เลยแวะเวียนไปจนได้กินสมใจ เลยเอารูปครั้งนั้นมาแปะเพิ่มเติม หน้าตาของก้ามปูใบ้ ทีแรกก็สงสัยว่าทำไมถึงเรียกก้ามปูใบ้ เพราะไม่เคยรู้จักปูชื่อนี้มาก่อน ตอนที่ไปเห็นชื่อเมนูที่ร้านนี้ครั้งแรกแล้วขายดิบขายดีจนไม่ได้กิน ไอ่เราก็นึกว่ามันคงจะอร่อยจนคนกินเป็นใบ้พูดไม่ออกเลยหรือไง (คิดได้งัยอ่ะ 5...5...) ตอนหลังถึงจะมารู้ว่าเป็นชื่อของปูบกพันธุ์หนึ่ง ก้ามของมันจะมีขนาดใหญ่และป้อมอ้วน นั่นก็เลยเป็นที่นิยมเอาแต่เฉพาะก้ามของมันมานึ่งขาย(มั๊ง) จานนี้ 100 บาท เลยเบิ้ลซะ 2 จานให้หายข้องใจ ไปถึงบ่ายแล้วปูม้าเหลือตัวไม่ใหญ่แค่ 4 ตัว ก็เลยให้ที่ร้านนึ่งมาให้หมดจานนี้ 280 บาท ปูเนื้อแน่นสดมาก เสียดายมีแค่เนี้ย คราวที่แล้วหอยแมงภู่หมดอดกิน คราวนี้เลยเบิ้ลซะ 2 ที่ ที่ละ 50 บาท ก็ดูตัวหอยซะก่อน เทียบกับมือน้องชาย หอยตัวอวบอ้วนมาก อย่างงี้ไม่เบิ้ลได้งัย.... จานโปรดของปู่กับหลาน ไม่สั่งไม่ได้....ปลาทูสดๆ ทอดกรอบๆ 100 บาท มาทุกครั้ง ก็สั่งทุกครั้งเหมือนกัน....ปลากระเบนผัดฉ่า คราวนี้ขึ้นราคาเป็น 120 บาท แต่ให้อภัย เพราะรสชาติยังจัดจ้านอร่อยเหมือนเดิม ยังกินปูไม่หนำใจ แม่ครัวบอกว่ามีเนื้อปูแกะใหม่ๆ แนะนำแกงคั่วเนื้อปูใบชะคราม ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องแกะ ชามนี้ 150 บาท เนื้อปูมาท่วมท้น ใบชะครามเค็มๆ มันๆ อร่อยดี แต่เราก็กินได้ไม่ค่อยแยะเพราะไม่ค่อยชอบแกงกะทิเท่าไร จานนี้ของเจ้าตัวเล็ก แต่ยายป้าก็แย่งกินตามเคยเพราะตัดลงไปก็มีแต่เนื้อปูขาวจัวะ 70 บาท แถวนี้เป็นแหล่งปลาเค็ม ก่อนกลับถามที่ร้านถึงบ้านป้าตุ๊กที่ทำปลาเค็ม แต่พอดีแม่ครัวเอาปลากุเลาเค็มที่เพิ่งซื้อมาจากชาวเรือแถวนั้นมาให้ดู ตัวนี้หนักประมาณ 1 โล ก็เลยขอซื้อต่อมา 330 บาท เพราะนานๆ จะเจอปลากุเลาเค็มสักที เบ็ดเสร็จมื้อนี้อาหารอร่อยถูกใจ อิ่มพุงกันถ้วนหน้า คนมีหน้าที่จ่ายค่าอาหารก็จ่ายไปไม่รวมค่าปลาเค็มประมาณ 1000 บาทนิดๆ.... ดูแผนที่เพิ่มเติม
หิวข้าวเลย ทรมานคนไกลบ้านแบบพี่หยีมากๆเลยค่ะ
พี่หยีตอบหลังไมค์แล้วค่ะขอบคุณน้องแหม่มมากๆค่ะ