ประเดิมทริปต้นปี เริ่มต้นด้วยสาวๆ The Gang ชวนกันไปถ่ายรูปดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่กำแพงแสนแต่ขณะเดียวกันมีทริปตลาดแม่กลองค้างเติ่งมาตั้งแต่ปีที่แล้วหรือปีก่อนหน้าโน้น(หว่า)หลังจากสรุปสุดท้ายระหว่างกำแพงแสนกับแม่กลองซึ่งเหมือนทางเดียวกันแต่ก็ไปคนละทาง เป็นว่ากำแพงแสนมีแต่ต้นไม้ดอกไม้ ส่วนแม่กลองของกินอร่อยๆ เพียบเป็นอันว่าไปตลาดแม่กลองแล้วกัน แบบว่าห่วงเรื่องกินมากกว่า... กร๊ากกก อากาศดีๆ มีแดดมาตลอด แต่วันที่พวกเรานัดกันฟ้ามืดฝนตกแต่เช้าซะงั้นสิ่งแรกที่เราทำคือรีบไลน์ไปหาคนรู้จักที่แม่กลองถามว่าที่โน่นฝนตกหรือเปล่า พอได้รับไลน์ตอบกลับมาก็สบายใจเพราะทางโน้นตอบมาว่า...ฝนไม่ตกจ้า นัดกัน 9 โมงเช้า และอิฉันสู้รบกับคุณนายแม่แต่เช้าเลยเลทตามระเบียบไปครึ่งชั่วโมง ทริปนี้ไปกันไม่ครบทีม ขาดคุณโส่ย_secreat ที่ต้องไปคุมงาน กับคุณบี๊_บ่งบ๊งที่แอบงอนว่าไปไม่ชวนอ้าว...ตอนนัดกันคุณพี่มัวแต่เข้าครัวไม่ได้อ่านแหงเลย ไว้คราวหน้าแล้วกันนะเจ้าคะงานนี้มีคุณหมอน้องหนึ่งคนสวยและรวยมากเป็นพลขับ ด้วยรถสวยเปรี้ยวปราดเปรียวเหมือนเจ้าของส่วนเราเป็นคนนำทาง(นำไปดมยาดมไป...เอิ๊กก) แพลนไว้ว่าจะวิ่งเข้าไปหาอะไรกินกันที่ตลาดบางนกแขวก แล้วค่อยไล่ย้อนลงมาที่ตลาดน้ำบางน้อย ถ้าขยันก็แวะเข้าตลาดน้ำอัมพวาก่อนแวะชอปที่ตลาดแม่กลองสุดท้าย....ส่วนตัวไม่ค่อยชอบตลาดน้ำอัมพวาเท่าไร ไม่ชอบคนแยะๆ เวียนหัวค่ะ จากกรุงเทพใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแม่กลอง แต่พอวิ่งเข้ามาทางที่จะเลี้ยวไปตลาดน้ำรถก็ติดยาวเหยียด เลยเปลี่ยนแผนวิ่งตรงเข้าตลาดแม่กลองก่อนแล้วกัน ถึงจะมีรถเข้าไปในตลาดพอสมควรแต่พวกเราก็โชคดีมากได้ที่จอดรถหน้าตลาดพอดี เพราะปกติยากมากที่จะได้ที่จอดรถใกล้แบบนี้.....บล๊อกนี้จะรีวิวพากินแบบแวะไปกินไปสำหรับทริปนี้ก่อนนะคะ ส่วนบล๊อกหน้าค่อยเป็นพาช๊อปแบบหิ้วกันจนแขนโก่ง ร้านอาหารในตลาดแม่กลองมีร้านแนะนำแบบใครมาแล้วต้องกินเป็นสิบร้านแต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม ต้องตามมาชิมกันเองถึงจะรู้ว่าอร่อยสมคำร่ำลือหรือเปล่า....ร้านอาหารที่รีวิวในบล๊อกเป็นความเห็นส่วนตัว ณ เวลาที่ทำรีวิวไว้และไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางร้านประเดิมร้านแรกร้านนี้น้องหนึ่งมุ่งมั่นอยากไปกิน ด้วยได้ยินชื่อเสียงมานานเลยจะตามรอยบ้างร้าน "ก๋องเมงจั้น" เป็นชื่อภาษากวางตุ้ง "ก๋อง" หมายถึงคนกวางตุ้ง "เมง" เป็นชื่ออากง "จั้น" หมายถึง ร้านอาหาร รวมแล้ว ก๋องเมงจั้น แปลได้ว่า ร้านอาหารกวางตุ้งของคนที่ชื่อเมง ร้านนี้เป็นเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี 2506 ยังไม่นับที่อากงหาบขายก่อนหน้านี้อีกไม่รู้กี่ปีเส้นบะหมี่ทำเองอยู่หลังร้าน ทำกันสดๆ ไม่มีค้างคืน ทำให้เส้นบะหมี่หอมกลิ่นไข่อ่อนๆส่วนแผ่นเกี๊ยวเป็นแป้งตัวเดียวกับบะหมี่ เหนียวนุ่มกำลังดี ไม่หนา ไม่บางเกินไป ใส่ไส้ด้วยหมูสับปรุงรสสูตรพิเศษเนื้อนุ่มทานกับแป้งเกี๊ยวจะเข้ากันกำลังดีส่วนหมูแดงจะผ่านการหมักจนเข้าเนื้อ และนำไปย่างด้วยถ่านในถังแบบดั้งเดิม....เครดิตข้อมูลของร้านจากเวปไซด์ thairath.co.thร้านนี้เราไม่ได้กินนะคะถ่ายรูปอย่างเดียว สาวๆ สั่งบะหมี่เกี๊ยวน้ำคนละชามบะหมี่หมูแดงชามนี้ส่งผิดโต๊ะ แต่อิฉันก็ว่องค่ะ แชะภาพได้ก่อนที่จะส่งคืนกลับไปบะหมี่เกี๊ยวน้ำสั่ง 3 แต่ส่งมาแค่ 2 ชามก่อนคนสวยตักน้ำซด ทำหน้าปุเลี่ยน คนที่รอชามที่ 3 ก็ไวใช่ย่อยรีบบอกไปว่าอีกชามถ้ายังไม่ทำ ขอเปลี่ยนเป็นบะหมี่เกี๊ยวแห้งนะคร๊าร้านนี้เป็นร้านดังที่ใครมาแม่กลองก็ต้องมากิน(ประมาณนั้น) แต่อ่ะนะชอบใครชอบใครไม่เหมือนกันส่วนสามสาวลงความเห็นเหมือนกันว่าน้ำซุปไม่ผ่าน เส้นไม่หอมเหนียวนุ่มอย่างที่คิด เกี๊ยวรสชาติดีแต่ติดตรงที่ทางร้านจะลวกไว้ก่อนทำให้แป้งเกี๊ยวนุมจนเกือบเปื่อยเส้นก็ลวกเอาไว้ก่อนเหมือนกัน ถ้าทั้งเส้นและเกี๊ยวลวกทีละชามน่าจะทำให้อร่อยกว่านี้ ส่วนหมูแดงนุ่มอร่อย แต่มีคนหนึ่งบอกว่าหมูแดงที่โนโวเทลประตูน้ำชนะเลิศค่ะ (คนเขียนรีวิวไม่ได้กิน แต่สามารถเขียนเป็นตุเป็นตะได้อีก )จบจากร้านนี้ว่าจะพาสาวๆ ไปกินข้าวขาหมูร้านเก่าแก่อีกร้านในแม่กลอง (แต่คนพาไปไม่กินนะค๊า อิอิ)ก็คนที่นั่นการันตีมาว่าห้ามพลาด หนังบาง ไร้มัน น้ำราดหอมเครื่องยาจีน แต่ร้านนี้เปิดตั้งแต่ตี 5 สายๆ ก็หมด ตอนที่พวกเราไปถึงร้านปิดไปแล้วเลยอด พลาดจากขาหมูว่าจะพาไปอีกชื่อร้านเม้งข้าวหมูแดง ที่ได้รับคำแนะนำจากคนแม่กลองอีกคนบอกว่าเป็นร้านเพื่อนนักเรียนตั้งแต่เมื่อเกือบ 60 ปีก่อน กินตั้งแต่รุ่นเตี่ยพายเรือขายร้านนี้มีทั้งข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ที่มีทีเด็ดอยู่ที่น้ำซอสที่เคี่ยวด้วยเตาถ่านนอกจากนี้ก็ยังมีข้าวหน้าเป็ด ข้าวหน้าไก่ ฯลฯ ด้วย แต่ก็ไปไม่ถึงค่ะ เพราะไปจอดอยู่ที่ร้านข้าวมันไก่โรงแรมไทยสวัสดีเสียก่อนโรงแรมนี้เป็นโรงแรมแห่งแรกในแม่กลองและยังเปิดบริการอยู่ร้านข้าวมันไก่เป็นของภรรยาเจ้าของโรงแรมเปิดขายมากว่า 50 ปี เป็นเจ้าอร่อยอีกเจ้าในแม่กลอง ตอนนี้รุ่นลูกดำเนินกิจการต่อโต๊ะกลมในร้านเป็นโต๊ะรุ่นเก่า บรรยากาศร้านก็ยังเดิมๆเราว่าซื้อกลับบ้านห่อใส่กระดาษแบบนี้น่ากินกว่าใส่กล่องโฟมเนอะข้าวนุ่มหอมกรุ่นเรียงเมล็ดสวยไม่มันมาก ไก่ดูแห้งแต่เนื้อนุ่มแต่ส่วนตัวเราว่าจืดไปหน่อยมีทีเด็ดที่น้ำซุป โดยเฉพาะน้ำจิ้มจัดจ้านถูกใจมาก ส่วนตัวภาพรวมชอบนะคะ เสียดายจานที่ใส่ข้าวมันไก่มา มันไม่เข้ากับบรรยากาศร้านเลยอ่ะ มีขายกาแฟโบราณและกาแฟสดชงด้วยเครื่องทันสมัย พวกเราสั่งโอเลี้ยงกับชาเย็นคนละแก้ว โอเลี้ยงแก้วละ 10 บาท ชาเย็นใส่นม 12 บาทหน้าร้านมีรถเข็นขายขนมถ้วยกับกาลอจี๊ขนมถ้วยขายดีเหลือที่ตักใส่กล่องไว้แล้วไม่กี่กล่องขนมถ้วยหอมมันกะทิราคากล่องละ 20 บาท หนุบนิดๆ ไม่หวานมาก ปกติเราไม่ทานขนมประเภทนี้เท่าไรยังซัดไปหลายถ้วยเสียดายถ้าแคะใส่กระทงใบตองเวลากินจะได้อรรถรสกว่านี้...ขำน้องหนึ่งถามคนขายว่าถ้วยที่เรียงนี่แค่วางโชว์ประมาณไม่อยากเชื่อว่าแคะขายหมดตั้งแต่ยังไม่เที่ยง ส่วนกาลอจี้ขนมจีนโบราณเดี๋ยวนี้หากินยาก ของเจ้านี้ทอดด้วยเตาถ่านด้วยน๊าเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ทอดให้กรอบนอกนุ่มใน 20 บาทเจ้านี้อร่อย ขอให้ทอดกรอบหน่อย เวลากินหอมงากับถั่วคั่วมากๆนึกถึงแล้วอยากกินอีก เห็นเป็นขนมเบๆ แบบนี้ก็ใช่ว่าจะอร่อยทุกเจ้านะคะแวะล้างปากอีกนิดกับไอติมกะทิสดแบบโบราณไม่หวานมาก หอมมัน ราคาน่าคบ 10 บาทใส่เครื่องเพียบขายอยู่เยื้องกับสถานีรถไฟแม่กลองหลังเติมพลังเสร็จ ก็เข้าตลาดแวะช๊อปปิ้งหอบหิ้วพะรุงพะรังก่อนมุ่งหน้าไปอาสนวิหารแม่พระบังเกิด หรือโบสถ์คริสต์ อ.บางนกแขวก.....ร้านอาหารที่แม่กลองยังมีอีกหลายร้านที่ยังเก็บไม่ครบ ได้มีทริปตามเก็บแน่นอนค่ะถ้ายังไม่ครบอีก ก็จะมีทริป 3 ทริป 4 ต่อไปเรื่อยๆ หลังออกจากโบสถ์คริสต์จุดหมายต่อไปตลาดน้ำบางนกแขวกเป้าหมายคือไปกินข้าวแห้งต้นตำรับกันค่ะแต่ขอแวะชิมเมนูปูที่ร้านแป๊ะก๋วยเตี๋ยวปูหน้าทางเข้าตลาดก่อน กลัวออกมาหมดแล้วอดกินบรรยากาศร้านจะรกๆ แต่ราคาน่าคบนะคะ ลูกค้านั่งกินกันเต็มทุกโตีะจะสั่งข้าวกะเพราปู แต่ข้าวหมด เลยสั่งบะหมี่แห้งมา 1 ชาม 30 บาท ได้น้ำแข็งฟรี 1 แก้วด้วยที่ไม่ได้สั่งกันทุกคนเพราะจะเก็บท้องไปกินข้าวแห้ง คนเต็มร้านแต่อาหารมาไม่ช้า อาแปะเจ้าของร้านเดินบริการเองเลย เนื้อปูเป็นเนื้อขาปู เห็นปรุงน้ำขลุกขลิกอยู่ในหม้อใบโตไว้ ภาพรวมรสชาติโอเค ปรุงมาเรียบร้อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม หอมถั่วคั่วที่น่าจะเป็นถั่วคั่วเองใหม่ๆเข้าไปในตลาด เงียบถึงเงียบมากกกกกทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ ร้านข้าวแห้งขายดีของหมดเลยไม่ได้กินกัน ก๋วยเตี๋ยวกะลาวันนี้หยุด ร้านผัดไทยกุ้งแม่น้ำเปิดอยู่ แต่มีคนบอกว่าธรรมดาแค่มีกุ้งแม่น้ำเป็นจุดขายเลยไมได้แวะกลับออกมาได้กล้วยน้ำว้าหวีโตมาคนละหวีกับคุณโอ กล้วยหวีละ 10 บาท (ขนาดเดียวกับแถวบ้านขายหวีละ 35)แม่ค้าจะให้เหมา 6 หวี 50 บาท แต่นึกถึงตอนขากลับบ้านต้องหิ้วขึ้นรถไฟฟ้าเลยไม่อยากงกตกลงไม่ได้แวะตลาดน้ำบางน้อย ทั้งที่ตั้งใจจะไปซื้อผักพื้นบ้านขนมไทยๆ กับพาเพื่อนๆ ไปกินโรตีแต้จิ๋วแต่เหนื่อยกินกันแล้ว หัวหน้าทัวร์เริ่มหมดแรงด้วยแหละ (แหะ..แหะ...)ส่วนตลาดน้ำอัมพวากะว่าไม่ไปอยู่แล้วเพราะมีแต่กองทัพคนเลยเปลี่ยนใจยอมอ้อมกลับไปกำแพงแสนเพื่อไปพบกับดอกชมพูพันธุ์ทิพย์จบทัวร์กินแต่เพียงเท่านี้ เจอกันบล๊อกหน้าค่ะ จะพาไปช๊อปเต็มๆ ที่ตลาดแม่กลองนะคะ ดูแผนที่เพิ่มเติม
เจิมมมมมม