"เป็นที่กล่าวขานกันว่ามีประตูสู่ดินแดนพิศวงซึ่งมีเหล่าทวยเทพคอยปกป้องรักษาเราจักต้องบูชาด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานเพื่อพลังที่อยู่ลึกเข้าไปในศาลเจ้าราวกับฝันใช่สิ!กลิ่นหอมตลบอบอวลทุกเวลาในชั่วข้ามคืนเมื่อยามสายัณห์ที่สุดปลายถนนเริ่มบิดเบือนเปลี่ยนไป"ข้าพเจ้าเดินออกจากศาลเจ้าและหยุดยืนที่ประตูริมชายฝั่งทะเลที่มีดวงตะวันกำลังลับขอบฟ้าที่ปลายสายตา"จะมีใครสักคนไหมนะที่คิดถึงเงาเลือนบนปราการณ์กังหันสายลมพัดเอื่อยนั่น"กังหันที่หมุนเอื่อยไปตามสายลมที่อยู่ห่างศาลเจ้าออกไปมีสายลมเย็นบางๆพัดผ่านเชิญชวนให้ข้าพเจ้าค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหาใกล้ๆ..นั่นสิจักต้องเก้าเท้าใกล้เข้าไป..
อ่านั่น!เสียงดังก้องสะท้อนแนวภูเขาริมชายฝั่งทะเลที่ดังขึ้นราวกับบทเพลงดังกังวานในดินแดนที่อยู่ลึกเข้าไปภายใต้สีแดงของโคมไฟส่องสว่างของศาลเจ้าที่สาดเข้ามาในกล่องดวงตาของข้าพเจ้าฮือ!!สองแขนถูกยกขึ้นอย่างเร็วเพื่อปกป้องดวงตาจากประกายแสงไฟกระพริบในความรู้สึกของพลังไร้ตัวตนขณะสองเท้าที่ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวและหยุดนิ่งที่ประตูข้าพเจ้าได้ยินเสียงก้องครืนครืนดั่งกับเสียงคนลากโซ่ตรวน!!เดินผ่านดังลอดผ่านก้อนหินสลักสีเทาที่อยู่ตรงหน้าไปครืนครืนนนนนน..
จู่ๆสายลมก็พัดสะบัดกระโชกแรงพัดใบไม้ปลิวว่อนและตามด้วยเสียงฟืดที่ดังฝ่าอากาศมาพร้อมลูกศรขนาดยาวจากธนูลูกหนึ่งพุ่งฝ่าอากาศเข้ามาที่ข้าพเจ้าเฮ้ย!ข้าพเจ้าตะโกนเสียงดังกระโดดพุ่งร่างไปข้างหน้าทรุดลงไปกองกับพื้นทรายริมชายฝั่งอย่างรวดเร็วผลให้ลูกศรพุ่งเฉียดศีรษะไปอย่างเฉียดฉิวเสียงกลองในหัวใจดังระทึกโครมครามขณะเศษทรายผงและใบไม้ที่ปลิวกระจัดกระจายฮือ!!"เกิดอะไรขึ้นนะนี่!"
ท่ามกลางปรากฏการณ์วิกฤตของธรรมชาติและความสับสนทางความคิดดวงตากลมโตของข้าพเจ้าก็ต้องเปิดขึ้นอย่างกว้างมากที่สุดเมื่อหันกลับไปมองที่ประตูศาลเจ้าอีกครั้งภาพเบื้องหน้าที่มองเห็นอย่างชัดเจนราวกับภาพเสมือนทะลุผ่านมิติออกมา..แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่ลานศาลเจ้าเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นลานเมืองหน้าปราสาทอันสวยงามของลานเมืองกว้างภาพปรากฏหญิงสาวรัดผมเกล้าประดับแต่งกายด้วยผ้าปักริ้นเป็นประกายระยิบระยับงดงามที่ยืนตระหง่าอยู่คนเดียวท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มเหล่านักรบโบราณล้วนมีอาวุธและกำลังตั้งท่าง้างคันธนูเตรียมพร้อมจู่โจมใส่คู่ต่อสู้ด้วยลูกศรธนูนับร้อย..เป้าหมายหญิงสาวผู้งดงามคนนั้น
"เฮ้ยหยุดเดี๋ยวนี้!อย่าทำอย่างนั้นนะ"ข้าพเจ้ายืนตกตะลึงกับภาพที่มองเห็นด้วยความลังเลที่เข้ามาเกาะแน่นในหัวใจไม่รู้ว่าณตอนนี้ต้องทำอย่างไรดีแต่แล้วความคิดก็สะดุดขึ้นในห้วงสำนึกที่ว่างเปล่าข้าพเจ้าส่งเสียงตะโกนดังที่สุดเท่าที่มีออกไปพร้อมขาสองข้างที่วิ่งเข้าไปหากลุ่มนักรบโบราณราวกับไม่รู้สึกตัวตนของตัวเองข้าพเจ้าตรงไปที่กองทัพนักรบโบราณและจับแขนนักรบหนุ่มคนหนึ่งกระชากอย่างแรงจนเขาหันขวับและจ้องมองที่ใบหน้าข้าพเจ้าด้วยดวงตาเขม็งตามด้วยเสียงทุ้มที่ดังลอดออกมา"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
"เจ้าสิสมควรหยุดและถอยห่างออกไปจากที่นี่เสียเถอะ"
"ไม่..พวกท่านกำลังจะฆ่ามนุษย์ด้วยกันใช่ไหม"ข้าพเจ้าตอบโต้เสียงดัง
"เจ้าผิดแล้วนางเป็นปีศาจจิ้งจอกร้ายที่ลอบเข้าวังมานางทำให้มนุษย์ลุ่มหลงมีเหตุอันมีที่มาจากความสุขของนางและนางเป็นบ่อเกิดของความล่มสลายนานามีเหตุอันเป็นที่มาแห่งความทุกข์เพราะนางมากมาย..เจ้าไม่รู้ฤา"ฉับพลันสายลมเย็นวูดหนึ่งก็พัดเข้ามาข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องโหยหวลดังขึ้นเบาๆในจิตใต้สำนึก"สายลมแรงแห่งความรู้สึกรักในห้วงรอยต่อของอดีตค่อยๆแตกกิ่งก้านสาขาออกไปเป็นความหลงใหลที่ไม่อาจถอนตัวสร้างเรื่องราวไว้มากมายราวกับรอยหยดเลือดได้ถูกเก็บไว้ในดอกไม้ที่อยู่ในดวงตาสีแดงมันกำลังกวักมือเรียกหาเจ้าอยู่อย่างนั้น..โปรดช่วย..ปลดปล่อยข้าให้ออกจากร่างนี้เถิด..พาข้าไปสู่ดินแดนอันสงบแห่งพระสุริยันและจันทรา"
ในความเชื่อมต่อของสัญชาตญาณในความหลุ่มหลงของมนุษย์เกาะติดข้าพเจ้ากระชากแขนของนักรบหนุ่มเขย่าอย่างแรงจนนักรบหนุ่มลดคันธนูลงและหันกลับมาอีกครั้งโดยไม่ทันคาดคิดนักรบหนุ่มผลักข้าพเจ้าด้วยมืออันแข็งแกร่งของเขาร่างข้าพเจ้าเซถลาไปกองกับพื้นทรายเสียงดังและฟลุบสลบหลับไปก่อนกล่าวด้วยเสียงทุ้มๆที่เรียบเฉย"เจ้าจงไปในที่ของเจ้าเถิด..พวกเราต่างมีวิถึและการปฏิบัติภาระกิจแห่งชีวิตที่แตกต่างกัน"
ดวงอาทิตย์สาดส่องท้องฟ้าโอบเสียงคลื่นที่ดังกระทบชายฝั่งดุจเสียงต้อนรับรุ่งอรุณของวันใหม่ข้าพเจ้าลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยภาพซับซ้อนของวันวานที่ไม่อาจสัมผัสได้กลิ่นดอกไม้ยามเช้าในศาลเจ้าส่งกลิ่นหอมตะลบออกมาและถูกสายลมพัดไปในทะเลภาพทุกอย่างหายไปหมดแล้วข้าพเจ้ากุมศีรษะเมื่อมีเสียงดังที่ลอดความคิดออกมา"จริงสิเราต่างมีวิถีที่แตกต่างกัน"
ที่มาของเรื่องตามวิกิพีเดียในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นจิ้งจอกเก้าหางมีพลังพิเศษต่างๆตามตำนานมีที่มาจากอินเดียจีนและญี่ปุ่น ซึ่งนัยว่าเป็นปิศาจตนเดียวกัน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการสืบทอดวัฒนธรรมจากอินเดียไปยังจีนตามเส้นทางสายไหมและไปยังญี่ปุ่นโดยการเผยแพร่ทางวัฒนธรรมในตำนานของญี่ปุ่นได้กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางว่าเป็นปิศาจที่หลบหนีมาแฝงตัวอยู่ในราชสำนักของญี่ปุ่นในรัชสมัยของจักรพรรดิโทบะหลังจากที่หลบหนีมาจากจีนแล้วโดยแฝงตัวมาในร่างของหญิงงามนามว่าทามาโมะมาเอะ พระสนมของจักรพรรดิโทบะ นางทำให้จักรพรรดิโทบะลุ่มหลงในความงามของนางและสุขภาพของจักรพรรดิโทบะก็ทรุดโทรมลงทุกวันจึงได้มีการอัญเชิญนักพรตจากหอองเมียวมาทำพิธีปัดรังควาน พบว่าในวังมีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางสีทองแฝงตัวอยู่เมื่อความแตกทามาโมะ มาเอะ จึงได้คืนร่างเป็นจิ้งจอกสีทองตัวมหึมา มีเก้าหางเหาะหลบหนีไปบนท้องฟ้ากองทหารของจักรพรรดิโทบะได้ไล่ตามไปจนถึงที่ราบสูงนาสุและต่อสู้กับปิศาจจิ้งจอกเก้าหางและสามารถสยบจิ้งจอกเก้าหางลงได้ปีศาจกลายเป็นหินเซ็ทโชเซกิซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นมาจนปัจจุบันนี้
เอนทรี่งานตะพาบโจทย์ท่านประธานพี่เป็ดสวรรค์เฮะ(มาไม่ทันแต่อยากเมามัฟร่วมเดินขบวนด้วยนิ)วิ่งตามๆข้าพเจ้าม้วนตัวเงียบๆผ่านวันผ่านคืนอันยาวนานดั่งปีศาจจิ้งจอกที่ไม่ค่อยมีเรื่องราวดีมากนักแต่โอโซนความคิดถึงล้วนยังฝังรากลึกจดจำซึ่งในความเป็นจริงจิ้งจอกก็อาจเดินปะปนผู้คนในสังคมกระจายไปฉะนั้นแล,ขออภัยที่ข้าพเจ้าหายหัวไปนานง่ะพึ่งจะจัดการภาระกิจชีวิตล่ามจำเป็นสำเร็จวิ่งมาอย่างเร็วแฮ่กๆแง้ทันป่าวนะเนี่ยยยขอบพระคุณทุกๆพลังใจที่กรุณาให้แพมมาด้วยน้าจ้า
ⓛⓞⓥⓔ
☀(`.¸ ¸.´)<.´¯`.
✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。.:*
*.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。
✿mastana✿mastana✿mastana✿mastana✿~~
✿✲-(¯`°.°.★* *★ .°.°´¯)*¤°★)))PampamMastanaYeah!chooo.!!!