สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

โรคไข้สมองอักเสบ

1. โรคไข้สมองอักเสบมีอาการอย่างไร

ตอบ โรคไข้สมองอักเสบจัดเป็นโรคติดเชื้อ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เนื้อสมองอักเสบก็มีมากมาย อาทิ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย แต่วันนี้เราจะพูดถึงการอักเสบของเนื้อสมองจากเชื้อไวรัสที่เกิดจากยุงกัด


2. สาเหตุเกิดขึ้นจากอะไรบ้าง

ตอบ เนื้อสมองอักเสบอาจเกิดขึ้นจากเชื้อหลายชนิด เชื้อไวรัสเองก็มีหลายตัว เช่น พิษสุนัขบ้า คางทูม ความผิดปกติของทางเดินอาหาร เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคต่างๆเหล่านี้ ก็จะทำให้เกิดเนื้อสมองอักเสบได้ แต่ไข้สมองอักเสบที่อันตรายร้ายแรงที่อาจจะเสียชีวิต เกิดจากเชื้อไวรัสแจแปนิส เอ็นเซป โฟโรติน ซึ่งเชื้อเองตามธรรมชาติก็จะอยู่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น สุกร ยุงจะเป็นพาหะนำมาสู่คน ในตัวสุกรเองถ้าเป็นสัตว์ที่มีอายุ ตัวสัตว์เองก็จะมีภูมิต้านทานพอสมควร เพราะฉะนั้น ถ้ามีไวรัสอยู่ในตัวก็จะโดนควบคุมไม่ให้มีปริมาณมาก ส่วนสุกรที่เป็นลูกสุกร ภูมิต้านทานไม่ค่อยดี เมื่อโดนยุงกัด แล้วมีเชื้อไวรัส ไวรัสจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นแหล่งแพร่เชื้อมาสู่ยุงและไปสู่คน ในลำดับต่อไป ที่สำคัญ ในตัวมนุษย์เองหลังจากที่โดนยุงกัดมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวมีอาการเจ็บป่วย ปริมาณไวรัสในเลือดน้อยมากไม่สามารถเพาะเชื้อได้ ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นโรคติดต่อก็จะไม่ติดต่อจากคนสู่คนโดยตรง เป็นโรคที่ต้องมีพาหะ เชื้อจะต้องมาจากสัตว์


3.ส่วนใหญ่มักจะระบาดในช่วงใดมากที่สุด

ตอบ เนื่องจากเป็นโรคที่มียุงเป็นพาหะ จึงมักพบผู้ป่วยมากในช่วงฤดูฝน ปริมาณ ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม แต่จริงๆแล้วโรคไข้สมองอักเสบสามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่พบมากในช่วงฤดูฝน


4. ในปัจจุบันพบผู้ป่วยบ่อยมากเพียงใด

ตอบ เนื่องจากผู้ป่วยที่โดนยุงกัดแล้วมีเชื้อไข้สมองอักเสบเข้าไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่า จะป่วยทุกคน ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของคนที่ถูกยุงกัด ด้วย คนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการของโรค ก็คือ เด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานน้อย ส่วนผู้ที่มีอายุมากขึ้น มักจะเคยเจอเชื้อมาแล้วจากการโดนยุงกัดในอดีตแล้วร่างกายกำจัดเชื้อไปได้ มีภูมิต้านทานเพราะฉะนั้นคนที่มีอายุมากขึ้นก็จะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยน้อยลง และอาการของผู้ป่วยหลังจากที่ได้รับเชื้อเข้าไปก็มีความแตกต่างกันตั้งแต่ได้รับเชื้อแล้วไม่มีอาการเลย จนถึงมีอาการป่วยเล็กน้อย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวแยกยากกว่าการติดเชื้อไวรัสตัวอื่นๆ จนมีอาการรุนแรง เช่น ซึมลง ไม่รู้สึกตัว หรือ เสียชีวิต เพราะฉะนั้นจำนวนผู้ป่วยการรายงานจากกระทรวง ถ้าเป็นผู้ป่วยทีมีอาการมาก ประมาณเดือนละ 20-50 ราย ซึ่งจะเห็นว่ามีจำนวนไม่มาก


5. วิธีสังเกตลักษณะอาการเบื้องต้น

ตอบ อาการระยะแรกหลังจากรับเชื้อ สำหรับผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่ค่อยดี อาการแรกที่เจอ ก็มักจะมีไข้ ปวดศีรษะในรายที่ได้รับเชื้อเข้าไปในปริมาณมาก รับเชื้อเข้าไปในเด็กเล็ก โอกาสที่จะมีอาการทางสมองก็มากขึ้น เช่น มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ลุกลี้ลุกลน สับสน ถ้ามีอาการอักเสบของเนื้อสมองมากขึ้น การทำงานของสมอง อาจจะมีอาการชักได้ และอาจจะมีอาการซึมลงหรือไม่รู้สติ บางรายอาจจะมีความผิดปกติของการทำงานของระบบทางเดินหายใจ หายใจไม่พอ


6. วิธีการวินิจฉัยเบื้องต้นเป็นอย่างไร

ตอบ ในผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ มีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ ปวดศีรษะ มีสติดี แพทย์ก็จะให้การรักษาตามอาการ เนื่องจากไวรัสตัวนี้ ยังไม่มียาที่จะรักษษโดยเฉพาะ การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ เพื่อลดอาการเจ็บป่วย อาการทุกข์ทรมานให้คนไข้ แต่ในรายที่มีอาการมากขึ้นโดยเฉพาะมีภาวะการรู้สติผิดปกติไป ซึ่งอาจจะมีโรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายๆกัน และเป็นโรคที่ให้การรักษาแทบทุกวัน เช่นมีอาการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมองจากเชื้อแบคทีเรีย ก็มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจกันเพิ่มเติม การเอาตรวจจากคนไข้ คนไข้ที่มีอาการทางสมอง ก็คือ การเจาะเอาน้ำช่วงเยื่อหุ้มสมองมาตรวจ


7. โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่

ตอบ อย่างที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น ผู้ป่วยสามารถหายขาดได้ แต่เป็นส่วนน้อย ถ้ามีอาการรุนแรงแล้ว โดยปกติเชื้อไวรัสกลุ่มนี้จะกำจัดได้ด้วยภูมิต้านทานของตัวเอง การรักษาในโรงพยาบาล ถ้าเป็นการรักษาแบบประคับประคอง ลดอาการที่จะทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการมากต้องเข้าห้อง ICU พวกนี้อาจจะต้องใช้เครื่องหายใจ มีการใส่ท่อ/สายยางในตัวผูป่วยหลายตำแหน่ง ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อแทรกซ้อนระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้น การรักษาของแพทย์ก็คือ การประคับประคองให้ผู้ป่วยมีการหายใจที่เพียงพอ เมื่อสมองฟื้นกลับคืนมา หายใจได้เองก็จะถอดเครื่องช่วยหายใจออก และป้องกัน.โรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล การให้ยากันชัก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยชัก เพราะการชักแต่ละครั้งก็จะยิ่งทำให้เซลล์สมองตายเพิ่มขึ้น


8. เนื่องจากโรคนี้มักพบบ่อยในกลุ่มผู้ป่วยเด็ก จะมีผลต่อสมองและการรับรู้ของเด็กด้วยหรือไม่

ตอบ ถ้าในรายที่เป็นมากแล้วมีความพิการหลงเหลือก็จะทำให้ระดับสติปัญญาลดลง เช่น ระดับ IQ อาจจะลดลง เพราะฉะนั้น ถ้าป้องกันไม่ให้เป็นได้จะดีที่สุด


9. วิธีการป้องกันควรทำอย่างไร

ตอบ เนื่องจากเป็นโรคติดต่อสู่คน โดยมีพาหะ คือยุง ถ้าไม่โดนยุงกัดก็จะไม่เป็นโรคนี้ เพราะฉะนั้น ต้องตัดวงจรไม่ให้เชื้อมาสู่ตัวเราได้ ก็คือ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงให้มากที่สุด เช่น อย่าให้มีน้ำท่วมขัง ป้องกันไม่ให้ยุงเข้ามาในที่ที่เรานอน เพราะยุงมักจะกัดในเวลากลางคืน ก็ควรนอนในที่มีมุ้งกาง มีมุ้งลวด นอกจากนั้นก็อาจจะมีสเปรย์ฉีดฆ่ายุง ก็จะเป็นวิธีป้องกันพาหะไม่ให้น้ำเชื้อเข้ามาสู่ตัวเรา ส่วนการป้องกันอีกวิธีหนึ่งก็คือ การเพิ่มภูมิต้านทานในตัวเราเอง อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่าผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อโรคไข้สมองอักเสบก็คือในเด็กเล็ก ซึ่งในปัจจุบันถึงแม้อาจจะไม่มียารักษาโรค แต่เราก็มีวัคซีนที่จะฉีดป้องกัน ซึ่งวัคซีนปัจจุบันจะต้องฉีด 3 เข็ม ปัจจุบันจะมีอยู่ในตารางหรือสมุดการฉีดวัคซีนของเด็ก


10. ข้อแนะนำช่วงท้ายรายการ

ตอบ ถึงแม้โรคไข้สมองอักเสบ จะไม่มียาที่จะใช้รักษาในปัจจุบัน แต่เป็นโรคที่ป้องกันได้ วิธีป้องกัน คือ
1. พยายามทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
2. นอนในสถานที่มิดชิดป้องกันยุงกัด
3. ในเด็กเล็กก็ควรจะต้องฉีดวัคซีนตามกำหนด




ขอบคุณข้อมูลจาก//www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=2




 

Create Date : 05 มกราคม 2553
14 comments
Last Update : 5 มกราคม 2553 8:41:53 น.
Counter : 1642 Pageviews.

 

สวัสดียามเช้าครับคุณกบ






 

โดย: กะว่าก๋า 6 มกราคม 2553 7:25:04 น.  

 

หมิงหมิงรูปนี้ถ่ายตอนเช้าครับคุณกบ
หาวแบบง่วงได้ใจมากๆเลย 555


 

โดย: กะว่าก๋า 6 มกราคม 2553 8:38:41 น.  

 

 

โดย: เกศสุริยง 6 มกราคม 2553 16:11:28 น.  

 



อยู่ที่ใดก็ให้สุขกายสบายใจนะคะคุณกบ


..................

(กลบท กบเต้นกลางสระบัว)

ฝากเพ็ญ เฟ้นผล สมดลฝาก
ขอรื่น คืนหลาก สุขมากขอ
รออยู่ รู้หยัด คิดทัดรอ
ทอหาญ ฐานหอ เพลินก่อทอ


............ญามี่///...

 

โดย: ญามี่ 6 มกราคม 2553 17:08:47 น.  

 



วันนี้ได้ฤกษ์อัพบล็อกแรกของปีขาลแล้วครับ...




....เป็นบ้านน้อย ร้อยฝัน รังสรรค์สวย

ใช่โชคช่วย ล้วนแรงฉุด ด้วยอุตส่าห์

เอาใจสู้ เอามือทำ ตรากตรำมา

เป็นชีวา เป็นรากฐาน เป็นบ้านเรา.....

 

โดย: ลุงแว่น 7 มกราคม 2553 7:06:16 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณกบ







 

โดย: กะว่าก๋า 7 มกราคม 2553 7:54:13 น.  

 



สวัสดีค่ะคุณกบ
ข้อมูลดี ๆ ที่บล็อกนี้มีเพียบเลย

 

โดย: I_sabai 7 มกราคม 2553 8:50:38 น.  

 

 

โดย: เกศสุริยง 7 มกราคม 2553 9:19:31 น.  

 

เชียงใหม่วันนี้ก็ฝนตกทั้งวันเลยครับคุณกบ
เริ่มงง
ว่าตกลงเป็นหน้าหนาวรึเปล่าเนี่ย 555

 

โดย: กะว่าก๋า 7 มกราคม 2553 11:37:00 น.  

 

มาเยี่ยมก่อไปทานข้าว

Myspace comments
Good Day Comments

 

โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) 7 มกราคม 2553 18:57:27 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณกบ





 

โดย: กะว่าก๋า 8 มกราคม 2553 7:52:45 น.  

 

แม้นเหงาแม้นทุกข์สุขไม่สม
อย่าไหวขมอมขื่นยืนข้างสร้อย
ทุกนาทีชีวาบนปร่าปรอย
ยังแทรกฝอยฝันชื่นให้เราคว้า

ไขว่คว้าเถิดไขว่คว้าสรรค์ฝันใฝ่
เหม่อทำไมให้เงียบเลียบโหยหา
สานไหวหวามลามจิตชิดนิทรา
อยู่กับฟ้าข้างชื่นอย่าเร่าเลย...


...................ญามี่///...

หลับฝันดีค่ะคุณกบ

 

โดย: ญามี่ 9 มกราคม 2553 2:13:16 น.  

 

 

โดย: เกศสุริยง 9 มกราคม 2553 7:52:11 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณกบ





 

โดย: กะว่าก๋า 9 มกราคม 2553 8:01:13 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.