สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
ช็อกโกแลตซีส (cyst) โรคภายในของผู้หญิง



โรคนี้เคยได้นำข้อมูลมาเสนอแล้วแต่เนื่องจากใน
ปัจจุบันมีผู้หญิงที่เป็นโรคนี้กันมากรวมทั้งตัวเอง
และน้องสาวก็เป็นด้วย ก็เลยอยากนำมาเป็น
ความรู้ให้แก่เพื่อนสาวด้วยค่ะ เพราะโรคนี้จะ
สร้างความทุกข์ทรมานให้ทุกเดือนเนื่องจากจะ
ปวดท้องอย่างมาก บางครั้งทานยาก็ไม่หาย
ตัวเองเคยผ่าตัดเอาออกไปแต่ก็กลับขึ้นมา
ใหม่อีก ถ้าต้องการให้หายขาดจริงๆ มีทาง
ดียวคือ ต้องตัดมดลูกทิ้งค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้
หันไปทางไหน ก็ต้องเจอใครสักคนในบรรดา
เพื่อนพ้องสาวโสด (ปัจจุบันสาวไม่โสดก็เป็นได้)
เป็นโรคฮิตโรคนี้กันเยอะเหลือเกิน ควรต้อง
ระวังมาก....

ช็อกโกแลตซีส เกิดขึ้นได้อย่างไร อันตรายมากไหม ทำไมจึงพบมากในผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน แล้วจะรักษาอย่างไร ต้องผ่าตัดรังไข่ทิ้งหรือไม่ จะต้องกินยาฮอร์โมนไปตลอดชีวิตหรือเปล่าฯลฯ พบกับคำตอบที่คุณอยากรู้ เหล่านี้ได้จาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สมชาย สุวจนกรณ์แพทย์ จากภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยาคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ที่มาของชื่อ ถุงน้ำช็อกโกแลต ช็อกโกแลตซีส ก็คือถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่ง ซึ่งลักษณะของถุงน้ำชนิดนี้ภายในจะมีของเหลวที่คล้ายกับช็อกโกแลตเหลว ซึ่งความจริงก็คือถุงเลือด คือจะมีเลือดอยู่ในถุงนั้น เมื่อเลือดหยุดไหลน้ำก็ถูกดูดซึมกลับทำให้เลือดในถุงเข้มขึ้น และเมื่อเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนานๆ ก็กลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกเป็นถุงน้ำช็อกโกแลต

สำหรับสาเหตุของการเกิดถุงน้ำช็อกโกแลต ในทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากเลือดระดู หรือเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ คือแทนที่เลือดนั้นจะออกมาทางช่องคลอดของผู้หญิงตามปกติ อาจจะมีเลือดระดูส่วนหนึ่งมีการไหลย้อนกลับเข้าไปผ่านทางหลอดมดลูก แล้วก็เข้าไปในช่องท้องไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำขึ้น และเนื่องจากลักษณะเซลล์ของถุงน้ำเป็นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกอันหนึ่งเมื่อผู้หญิงมีประจำเดือน (คือ การที่เยื่อบุโพรงมดลูกลอกตัวออกมา) ถุงน้ำดังกล่าวก็จะมีเลือดออกในถุงด้วย

ดังนั้น ในแต่ละเดือนที่ผ่านไปถุงน้ำก็จะมีเลือดออกเพิ่มขึ้นๆ นั่นหมายถึง ถุงน้ำก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และการที่ถุงน้ำนี้จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนคนนั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็วถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้าๆ

ทำไมหญิงยุคใหม่เป็นโรคนี้กันมากขึ้น ?
คุณหมอสมชาย ให้คำอธิบายเกี่ยวกับข้อสงสัยนี้ว่า "ถ้าดูในเรื่องงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตผิดที่พบว่า ถ้านำผู้หญิง 100 คนมาทำการส่องกล้องเข้าไปดูในขณะที่มีประจำเดือน ผู้หญิงเกือบทั้ง 100 คน จะมีภาวะลือดระดูไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องทุกคน"

แล้วทำไมบางคนเกิดอาการเป็นถุงน้ำซึ่งทำให้ เกิดความเจ็บปวดมากมาย แต่บางคนไม่เป็น ?
คำตอบคือ คนไข้กลุ่มที่เป็นถุงน้ำมักจะมีปัญหาในเรื่องภูมิคุ้มกันบางอย่างบกพร่องซึ่งไม่สามารถจะทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เติบโตผิดที่นี้ได้ ในขณะที่ผู้หญิงปกติทั่วไปจะมีภูมิคุ้มกันซึ่งสามารถทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญเติบโตผิดที่ได้ "ส่วนที่ดูเหมือนกับว่าผู้หญิงในปัจจุบันเป็นโรคนี้กันมาก ก็เพราะความเจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี

ที่คุณหมอบอกว่า "จริงๆ แล้วก็ไม่มีความแตกต่างกันมากกับอดีตที่ผ่านมา
เพียงแต่ความเข้าใจของแพทย์เองต่อโรคนี้จะมีมากขึ้นซึ่งจะทำให้สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น ก็เลยดูเหมือนกับว่ามีคนเป็นโรคนี้กันเยอะ รวมทั้งข่าวสารที่มีการแพร่หลายในวงกว้าง จึงทำให้มีการฉุกใจขึ้นมาว่า เอ๊ะ! เราเป็นโรคนี้หรือเปล่า แล้วก็ไปตรวจ ซึ่งบางคนก็พบว่าเป็นโรคนี้จริง ตรงนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่าโรคดังกล่าวเป็นกันมาก"

อาการที่น่าสงสัยว่า จะเป็นถุงน้ำช็อกโกแลตเกี่ยวกับเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่
(หรือถุงน้ำช็อกโกแลต) สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรทราบก็คือ เมื่อมีประจำเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกนี้ก็จะมีเลือดออกด้วย และการที่มีเลือดออกในช่องท้อง ก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องท้องนี้เองเป็นตัวที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด เพราะฉะนั้นจะสังเกตได้ว่า ผู้หญิงที่เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ จะมีอาการปวดท้องมากเวลาที่มีประจำเดือน

แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าอาการปวดท้องเวลาที่มีประจำเดือนนั้นเป็นอาการปวดปกติธรรมดา
(ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็น) หรือเป็นอาการปวดท้องที่เกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ ? เรื่องนี้คุณหมอสมชายให้รายละเอียดว่า"การที่จะแยกว่าอาการปวดท้องเมื่อมีประจำเดือนจะเป็นอาการที่บ่งบอกว่าสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องอายุ นั่นคือถ้าอายุยังไม่มาก แล้วปวดท้องเวลาที่มีประจำเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นอาการปวดท้องธรรมดา แต่กรณีที่ไม่เคยปวดประจำเดือนมาก่อน พออายุ 30 ปีขึ้นไปอยู่ๆ ก็มีอาการปวดประจำเดือนขึ้นมา และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือนที่ผ่านไป อาการดังกล่าวค่อนข้างบ่งชี้ว่าน่าจะเป็น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่"

ถุงน้ำช็อกโกแลตเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ ?
ผู้หญิงหลายคนที่เป็นโรคถุงน้ำช็อกโกแลตได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดเอาถุงน้ำออก และหลายๆกรณีแพทย์บางคนผ่าตัดเอามดลูกและรังไข่ออกไปด้วยในคราวเดียวกันด้วย





อาการของโรค

อาการของโรคนี้จึงขึ้นกับตำแหน่งที่เซลล์ไปเจริญเติบโตอยู่ โดยอาจลองแยกพิจารณาตามตำแหน่งที่โรคไปเจริญเติบโตอยู่ดังนี้


ตำแหน่งที่เกาะ

• เยื่อบุช่องท้อง อุ้งเชิงกราน
• รังไข่
• มดลูก


อาการ

• ปวดในช่องท้อง ท้องน้อย หรืออุ้งเชิงกราน มีบุตรยาก
• ถุงน้ำรังไข่ ( Chocolate cyst) ปวดท้องน้อย
• ปวดประจำเดือน ประจำเดือนออกมาก
• อาการปวดต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะรุนแรงขึ้นขณะที่มีประจำเดือน หรือ ช่วงก่อน/ หลังมีประจำเดือน
• ในรายที่เจริญที่รังไข่ อาจจะพบว่ามีก้อนในช่องท้อง จากถุงน้ำรังไข่ ที่โตขึ้นโดยไม่มีอาการแต่อย่างไรเลย
• ในรายที่เป็นโรคระยะรุนแรงจะมีพังผืดเกิดขึ้นจำนวนมาก หรือท่อนำไข่ถูกทำลายไป จากเซลล์เหล่านี้เข้าไปเกาะหรือฝังตัวในท่อนำไข่ ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหามีบุตรยากได้


การตรวจวินิจฉัยโรค

จากอาการและการตรวจภายใน แพทย์อาจจะพอบอกได้ว่าผู้ป่วยมีโรคนี้หรือไม่ หากยังสงสัยแพทย์จะทำการอัลตร้าซาวนด์ ตรวจดูอวัยวะในอุ้งเชิงกราน


ใครคือกลุ่มเสี่ยง

วัยที่พบได้มากที่สุดคือ 15-45 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีประจำเดือนนั่นเอว คนหลังวัยหมดประจำเดือนพบโรคนี้ไม่เกิน 5% และช็อกโกแลตซีสต์ยังเป็นสาเหตุสำคัญของการมีบุตรยากที่พบในฝ่ายหญิงภึง 30% ค่ะ


เมื่อแม่ท้องเป็นช็อกโกแลตซีสต์ !

สำหรับแม่ท้องสบายใจได้เลยค่ะ เพราะอาการของช็อกโกแลตซีสต์จะดีขึ้น เนื่องจากตลอดการตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูง ซึ่งจะไปกดให้ช็อกโกแลตซีสต์ฝ่อและหายไปในระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ


สาเหตุ…

เมื่อเยื่อบุลอกออกมาเป็นเป็นประจำเดือนแล้ว ก็ไหลอยู่ในโพรงมดลูก โดยมดลูกจะบีบตัวทำให้ประจำเดือนไหลลงข้างล่างผ่านทางช่องคลอดออกมานอกร่างกาย แต่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นปกติ เช่นนั้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดช็อกโกแลตซีสต์ โดยเชื่อว่ามีอยู่ 4 สาเหตุด้วยกัน คือ

1. เกิดจากการไหลย้อนกลับของเยื่อบุโพรงมดลูก คือ บางจังหวะที่มดลูกบีบตัว แทนที่ประจำเดือนจะไหลงข้างล่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็ไหลย้อนกลับออกไปทางปลายท่อนำไข่และไปเกาะอยู่ตามบริเวณต่างๆ ของช่องท้อง รวมทั้งยังอาจไปเกาะอยู่ที่กระเพาะปัสสาวะก็ได้ค่ะ

2. เกิดจากการไหลไปตามเส้นเลือดหรือหลอดน้ำเหลือง บางครั้งพบว่ามีเยื่อบุโพรงมดลูกไปเกาะอยู่ตามชายปอดซึ่งอยู่ไกลจากมดลูกมาก จึงเชื่อว่าอาจจะไหลไปตามเส้นเลือด แต่สาเหตุนี้มีคนเชื่อถือน้อย เพราะพบไม่บ่อยหรอกค่ะ

3. เกิดจากความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ โดยเชื่อว่าเกิดจากการเจริญเติบโตของเยื่อบุที่เกิดความผิดปกติขึ้นเอง เช่น เนื้อเยื่อที่จะแยกไปเป็นผิวหนังหรือส่วนต่างๆ โตผิดตำแหน่ง และกลายเป็นช็อกโกแลตซีสต์ เป็นต้น

4. เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ผลที่ปรากฏ…

มีบุตรยาก เมื่อเยื่อบุนี้ไปเกาะอยู่บนรังไข่ ทำให้รังไข่มีพื้นที่ในการผลิตไข่และสร้างฮอร์โมน้อยลง เพราะถูกแทนที่ด้วยช็อกโกแลตซีสต์เต็มไปหมด ไข่ที่ผลิตได้ก็มีคุณภาพไม่ค่อยดีมีพังผืดเกิดขึ้น ทำให้ท่อรังไข่คดงอ ไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้วจึงผ่านมาฝังตัวไม่สะดวก

ปวดท้องเวลามีประจำเดือน เมื่อมีประจำเดือนไหลย้อนกลับและหยดลงไปในช่องท้องจะรู้สึกปวด บางครั้งอาจปวดท้องอย่างรุนแรงคนที่ปวดประจำเดือนอาจมีช็อกโกแลตซีตส์ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ค่ะ มากบ้างน้อยบ้าง ปวดตรงไหนก็แสดงว่าเยื่อบุไปเกาะตรงนั้น

อาการปวดยังเกิดจากการที่มีพังผืดมาเกาะรั้ง ทำให้มดลูกเคลื่อนไหวไม่สะดวกและปวดได้ บางเดือนพังผืดมาเกาะมากก็ปวดมาก บางเดือนตัวเราเคลื่อนไหวไม่มากก็อาจจะไม่ปวดก็ได้ค่ะ

มีก้อนที่มดลูกหรือรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกนี้นอกจากจะไหลกระจายไป บางครั้งอาจแทรกซึมเข้าไปอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อมดลูก หรือมีลักษณะเป็นก้อนบริเวณรังไข่ ซึ่งภายในจะบรรจุด้วยเลือดสีคล้ำๆ คล้ายช็อกโกแลตก็เป็นไปได้ค่ะ


รู้ได้อย่างไร ใช่ช็อกโกแลตซีสต์

หากสงสัยหรือมีอาการ 1 ใน 3 ข้อข้างต้น ก็ควรไปพบแพทย์เนื่องจากไม่มีอาการอย่างอื่นทำให้เราสังเกตได้มากไปกว่านี้เลยค่ะการตรวจทำได้หลายวิธีคือ
ตรวจภายใน เพื่อดูว่ามดลูกใหญ่ไหม มีก้อนที่บริเวณมดลูกและรังไข่หรือไม่ วึ่งหากมีก้อนกว่าจะคลำเจอจากมือก็ต้องใหญ่ประมาณ 2-3 ซม. ขึ้นไป

อัลตราซาวนด์ หากมีก้อนเล็กๆ ตั้งแต่ 5 มม. ขึ้นไปก็สามารถตรวจพบได้จากการทำอัลตราซาวนด์ค่ะ เพียงแต่ไม่สามารถจะวินิจฉัยพังผืดได้

ส่องกล้อง เป็นการวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุด แพทย์จะส่องกล้องโดยเปิดแผลเล็กๆ บริเวณใต้สะดือ แล้วสอดกล้องขนาดประมาณ 5 มม.-1 ซม. ลงไปซึ่งสามารถจะเห็นภาพว่ามดลูก ปีกมดลูกและรังไข่อยู่ตรงไหน มีความผิดปกติ หรือช็อกโกแลตซีสต์เกาะอยู่ในบริเวณมดลูกและรังไข่หรือไม่
นอกจากนี้มีการตรวจโดยวิธีอื่น เช่น การเอกซเรย์ ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นผลไม่ค่อยแน่นอนและยุ่งยากค่ะ


เป็นแล้วรักษาได้

ช็อกโกแลตซีสต์สามารถรักษาได้ค่ะ โดยคุณหมอจะเริ่มจากการซักประวัติว่าเริ่มปวดประจำเดือนมานานแค่ไหน เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นแล้วอาการปวดรุนแรงขึ้นหรือไม่ หากคุณหมอซักประวัติแล้วพบว่าคนไข้มีอาการเหล่านี้ ก็อาจจะวินิจฉัยและรักษาเลย คือ
1. ให้กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวดประจำเดือน และกินพาราเซตามอลเม็ดเดียวแล้วหายปวดก็ไม่ต้องทำอะไร แต่หากต้องใช้ยาแก้ปวดระดับที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องรักษาในระดับต่อไปค่ะ

2. ให้ยาคุมกำเนิด ทั้งชนิดกินและฉีด

ยาคุมกำเนิดชนิดกิน มีทั้งชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน กับชนิดที่มีโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว เมื่อกินยาคุมกำเนิดจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนน้อยลง ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวไม่มาก ทำให้ประจำเดือนมีน้อยและอาการปวดจะดีขึ้นค่ะ

ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด จะทำให้ไม่มีประจำเดือน เพราะไข่ไม่ตกเยื่อบุโพรงมดลูกจะบางตลอด เมื่อไม่มีประจำเดือนก็จะไม่ปวดค่ะ

3. ให้ GNRH ซึ่งเป็นฮอร์โมนจากสมอง ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสร้างจากรังไข่ภายใต้การควบคุมของสมองค่ะ ฮอร์โมน GNRH จะไปกดการทำงานของสมอง ซึ่งเมื่อฉีดฮอร์โมนนี้แล้วจะหายปวดเป็นปลิดทิ้ง และโรคก็จะฝ่อลง แต่มีข้อจำกัดคือราคาสูงมาก เข็มหนึ่งราคาเป็นหมื่นบาท

4. ให้ฮอร์โมนเพศชาย วิธีนี้จะใช้ฮอร์โมนเพศชายต้านฤทธิ์ฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งข้อเสียคือถ้าใช้มากๆ ลักษณะของเพศชายจะปรากฏออกมา เช่น มีขนขึ้น เพราะฉะนั้นหากเลือกรักษาวิธีนี้ก็ต้องยอมรับผลข้างเคียงนี้ด้วยค่ะ

5. ผ่าตัด การผ่าตัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

ผ่าเฉพาะส่วนที่เป็น เหตุผลของการผ่าตัดแบบนี้คือ ต้องการเก็บรังไข่ส่วนที่ดีไว้ ผู้ที่เลือกผ่าตัดแบบนี้ คือคนที่ยังต้องการมีลูกค่ะ

ผ่าตัดทั้งหมด วิธีนี้หายเป็นปลิดทิ้งแน่นอนค่ะ เพราะคุณหมอจะตัดมดลูกออกทั้งหมดเลย







Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 9:57:34 น. 11 comments
Counter : 5291 Pageviews.

 


โดย: Megeroo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:11:35 น.  

 
ขอบคุณค่ะ เป็นคนที่ปวดท้องมากเวลามีประจำเดือน ว่างๆว่าจะไปตรวจเหมือนกัน


โดย: ก้าวไปตามใจฝัน วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:46:01 น.  

 
ขอบคุณนะค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ..แถมมีเพื่อนเป็นหลายคนเลยค่ะ..


โดย: never the last วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:59:07 น.  

 
Photobucket

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะคุณกบ


โดย: Vannessa วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:24:54 น.  

 


โดย: ขุนพลน้อยโค่วจง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:42:20 น.  

 
กุ ๊กไก่แวะมาบอกว่าช่วยไปตรวจการบ้านด้วยค่ะ คุ ณกบวันนี้กับแฟน
พากันไปแอบหวานที่ไหนหรือเปล่าค่ะ


โดย: ยายกุ๊กไ่ก่ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:09:59 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณกบอ้อยแวะมาส่งความสุขในวันแห่งความรักค่ะ ขอให้ทุกๆวันของคุณกบเป็นวันที่พิเศษ และมีความสุขมากๆนะค่ะ


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:10:19 น.  

 
อีโมน่ารัก ขอเล่นซะหน่อย


โดย: Paradijs วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:25:31 น.  

 
มาอีกรอบ
ขอให้มีความสุขเช่นกันค่ะ


โดย: Paradijs วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:28:44 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


บล็อกสวยน่ารักค่ะ

อรุณสวัสดิ์จ้ะ


โดย: Opey วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:05:30 น.  

 
สวัสดีครับ
ลุงกล้วยขอให้คุณกบมีสุขภาพแข็งแรงและอารมณ์สดใสตลอดไปนะครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:19:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
14 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.