สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบ

ในคนสูงอายุจะพบว่ามีอัตราการเกิดโรคหัวใจสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ โรคนี้เป็นต้นเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้มีอัตราตายสูงขึ้นในผู้สูงอายุและมีผลให้มีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตที่แย่ลง เช่น ทำงานไม่ได้ดีเท่าที่ควร เหนื่อยง่ายขึ้นและเป็นภาระกับครอบครัวและสังคมมากขึ้น ในสมัยก่อนการรักษาทำได้จำกัด แต่ด้วยวิวัฒนาการในปัจจุบันพบว่ามีการรักษาได้หลายวิธีมาก จึงเป็นผลให้สามารถลดอันตรายและทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ถ้าได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคหัวใจกลุ่มนี้จะยิ่งใช้เงินเป็นจำนวนมากขึ้นตามความรุนแรงของโรคที่เป็น ฉะนั้น ถ้าเราสามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้ได้จะเป็นการดีกว่าที่จะมาตามแก้ที่ปลายเหตุ อันอาจทำให้มีการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร มีการทุพพลภาพหรือเสียค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดได้อย่างไร

โรคจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการหนาตัวของผนังหลอดเลือดซึ่งอาจจะเป็นผลจากมีผลึกไขมันไปเกาะหรือมีพังผืดอันเป็นผลมาจากความเสื่อมหรือมีปัจจัยอื่น ๆ ไปกระตุ้นให้เกิดภาวะหนาตัวขึ้น ทำให้เลือดไหลผ่านไม่สะดวกเป็นผลให้หัวใจขาดเลือดได้ ปัจจัยที่ว่านี้ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ ไขมันในเลือดสูง อายุที่มากขึ้น อ้วน ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ฯลฯ จะเห็นได้ว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาสามารถแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้นได้ แต่ประการหนึ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ คือ อายุที่เพิ่มขึ้น

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

โดยทั่ว ๆ ไปแล้วคนมักจะเข้าใจว่าอาการของโรคนี้คือ อาการเจ็บหน้าอกด้านซ้ายและลักษณะอาการเจ็บจะเป็นอย่างไรก็ได้ เช่น เจ็บเสียวแปล๊บ ๆ เจ็บจี๊ด เป็นวินาทีหรือนาที ซึ่งจริง ๆ แล้วลักษณะที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เป็นจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ลักษณะเฉพาะของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมีดังนี้ คือ อาการเจ็บหน้าอกจะต้องเป็นที่บริเวณกลางหน้าอกตรงบริเวณเหนือลิ้นปี่ขึ้นมาเล็กน้อย ลักษณะจะต้องเป็นแบบแน่น ๆ หน้าอกเหมือนมีอะไรมาบีบรัด หรือมีของหนัก ๆ มาทับอกอยู่ อาจมีอาการร้าวไปที่บริเวณไหล่ซ้ายและแขนซ้าย หรือร้าวไปที่กรามทั้ง 2 ข้างและที่สำคัญมักจะสัมพันธ์กับการออกแรงหรือออกกำลังกาย เพราะช่วงนั้นหัวใจจะต้องการเลือดไปเลี้ยงมากขึ้น แต่เลือดไปเลี้ยงไม่ได้เพราะว่ามีหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบอยู่ อาการที่เป็นอยู่จะต้องนานเป็นนาทีขึ้นไป เพราะฉะนั้นถ้ามีอาการเสียวแปล๊บ ๆ เป็น วินาที เป็นด้านซ้ายของหน้าอกไม่สัมพันธ์กับการออกแรง (ซึ่งจะเป็นอาการที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ บ่อย ๆ ) ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นจากหลอดเลือดหัวใจตีบ

อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ป่วยมีอาการเฉพาะโรคนี้ครบทุกอย่าง แต่ไม่สัมพันธ์กับการออกแรงหรือออกกำลังกาย ให้สงสัยว่าอาจจะไม่ใช่เป็นการขาดเลือดธรรมดา อาจจะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดขึ้นอย่างกระทันหันไม่ใช่แค่หลอดเลือดหัวใจตีบ แต่ส่วนใหญ่พวกนี้อาการจะรุนแรงมากกว่าโรคหัวใจขาดเลือด และมีอันตรายและผลแทรกซ้อนมากกว่า

หากมีอาการคล้ายหรือเหมือนอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบควรทำอย่างไร

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า โรคนี้ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิต ลดการเกิดทุพพลภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้อย่างมาก ฉะนั้นเมื่อสงสัยว่ามีอาการดังกล่าว จึงควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว จากการที่กล่าวไว้แล้วว่า อาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นได้จาก 2 กรณี คือ เกิดจากการขาดเลือดเนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย จากการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอย่างกระทันหัน

การปฏิบัติตัวใน 2 กรณีมีความแตกต่างกัน ดังนี้

1. ถ้าเป็นจากการขาดเลือดเนื่องจากหลอดเลือดตีบ กล่าวคือ มีอาการขณะออกแรงหรือ
ออกกำลังกาย ให้ปฏิบัติตัว ดังนี้ ให้หยุดการออกแรงหรือออกกำลังที่มากจนทำให้เกิดอาการ และไปพบแพทย์โดยเร็วแต่ไม่ถึงกับฉุกเฉิน
2. ถ้าเป็นจากกล้ามเนื้อตาย จากการอุดตันของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอย่างกระทันหัน
กล่าวคือ มีอาการในขณะพักหรืออยู่เฉย ๆ โดยมีอาการค่อนข้างมาก ให้ไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด และควรไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะว่ากล้ามเนื้อหัวใจตายเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจนั้น กล้ามเนื้อจะตายเกือบทั้งหมดภายใน 4-6 ชั่วโมง หากแก้ไขได้ก่อน จะสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจกลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยเฉพาะในปัจจุบันมียาฉีดที่สามารถละลายก้อนเลือดที่ไปอุดตันหลอดเลือดที่ได้ผลดีมาก ฉะนั้น ถ้ามีอาการของโรคนี้เกิดขึ้นถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ไม่ควรปล่อยไว้นานเกิน 4-6 ชั่วโมง หลังจากนี้ไปแล้ว ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าที่ควรหรือไม่ได้ผลเลย
ภาวะหัวใจขาดเลือดสามารถป้องกันได้หรือไม่
“ป้องกันได้” ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า มีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้หลายปัจจัย เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน สูบบุหรี่ อ้วน ฯลฯ การป้องกัน คือ ให้ควบคุมและรักษาโรคดังกล่าวข้างต้น เลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด เรื่องอ้วนต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายควรทำอย่างไร

พบว่าการออกกำลังกายนอกจากช่วยให้ร่างกายโดยรวมแข็งแรงแล้ว ยังพบว่าสามารถลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ด้วย โดยทั่วไปควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่
ต่ำกว่า 20 นาที โดยออกกำลังกายแบบใดก็ได้ ขอให้เป็นการออกกำลังที่มีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตลอดเวลา เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ เป็นต้น แต่การออกกำลังกายที่ใช้การเกร็งกล้ามเนื้อ หรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายมักจะไม่แนะนำ เช่น การยกน้ำหนัก เป็นต้น สำหรับการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหักโหมให้ทำเท่าที่ร่างกายจะรับได้ โดยมีหลักง่าย ๆ คือ ให้ออกกำลังกายโดยให้มีชีพจรเต้นเพิ่มมากขึ้นมากกว่าขณะพัก ตั้งแต่ 10 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ขณะพักจับชีพจรได้ 70 ครั้งต่อนาที เราควรออกกำลังกายในปริมาณที่ทำให้ชีพจรเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 80 ครั้งต่อนาที หรือมากกว่า อย่างไรก็ตามถ้าจะออกให้เพิ่มขึ้นมากว่าที่กำหนดไว้ ทั้งปริมาณและจำนวนวันของของการออกกำลังกายก็สามารถกระทำได้ แต่มักไม่ได้ช่วยในการป้องกันโรค แต่จะช่วยให้กล้ามเนื้อของร่างกายแข็งแรงขึ้น







ขอบคุณข้อมูลจาก//www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=43


Create Date : 02 มิถุนายน 2553
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 15:29:46 น. 12 comments
Counter : 1539 Pageviews.

 
วันนี้เอาเรื่องเกี่ยวกับไหจัว หัวใจมาฝากหรอค่ะ



โดย: ภูผา กะ วาริน วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:15:38:08 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเสมอ
ถือเป็นกำลังใจในการ ขียนบล๊อคใหม่อย่างดี

บล๊อคคุณสวยขึ้นทุกครั้งอ่านง่ายสะบายตา


โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:17:27:32 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:6:44:02 น.  

 
BG สวยจัง...


โดย: แม่อ้วนคนสวย วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:8:41:47 น.  

 
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี

มีความสุขในการดำเนินชีวิตพร้อมสิ่งที่ดีเพื่อตนเองและคนรอบข้าง ตลอดไป..นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:9:16:21 น.  

 
อ่านไปก็กลัวไปครับ....กลัวว่าเราจะเจอเข้าสักโรค


โดย: panwat วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:13:23:30 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:15:32:05 น.  

 
สวัสดีค่ะ..พี่กบ..อ่านแล้วกลัวจัง..ตอนนี้อ๋อมีโรคความดันโลหิตสูงบ้าง..เล็กน้อย..ต้องคอยควบคุมค่ะ..พี่กบสบายดีนะคะ..อ๋อเปิดบ้านใหม่แล้ว..แฮะๆ..คิดถึงเพื่อนๆค่ะ..อย่าลืมปายเยี่ยมอ๋อนะคะ..
Photobucket


โดย: อ๋อซ่าส์ วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:18:44:17 น.  

 


โดย: nootikky วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:22:16:05 น.  

 


โดย: panwat วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:0:36:25 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณกบ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:7:15:28 น.  

 


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 5 ตุลาคม 2557 เวลา:0:50:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.