ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ สเตียรอยด์
สเตียรอยด์ เป็นชื่อเรียกของกลุ่มฮอร์โมนที่ถูกสร้างจาก ต่อมหมวกไต(Adrenal cortex steroids) ซึ่งที่ต่อมนี้จะสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ถูกสร้างขึ้นจากสารตั้งต้นที่เรียกว่า คอเลสเตอรอล (Cholesterol) ซึ่งสเตียรอยด์ที่ถูกสร้างขึ้น มีหลักๆ 2 ชนิด คือ Cortisol และ Aldosterone
Cortisol ถูกสร้างวันละประมาณ 20 -30 มิลลิกรัมถูกหลั่งออกซึ่ง จะมากหรือน้อยต่างกันตามช่วงเวลา โดยจะถูกสร้างสูงสุดตอนตื่นนอน และต่ำสุดตอนหลับ เรียกว่า Diurnal Pattern
นอกจากนี้เมื่อออกกำลังกาย ภาวะที่ร่างกายมีความเครียด วิตก กังวล ซึมเศร้า มีบาดแผล ได้รับการผ่าตัด ภาวะน้ำตาลใน เลือดต่ำร่างกายจะหลั่ง Cortisol มากขึ้นเพื่อควบคุมสภาวะ เมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผลต่อความ สมดุลของเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ และน้ำ บรรเทาการอักเสบ เนื่องจากมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ผลต่อการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ กล้ามเนื้อ กระดูก ดังที่ กล่าวมาจะพบว่าสเตียรอยด์มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ร่างกาย ไม่สามารถขาดสเตียรอยด์ได้เลย สำหรับสเตียรอยด์ที่ใช้ในทางการแพทย์นั้น เป็นสารที่สังเคราะห์ ขึ้นจากต้นแบบ Cortisol มนุษย์เราได้พัฒนาความแรงของ Cortisol เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับโรค บางอย่างที่ต้องการมากขึ้น ผลิตเป็นยาแผนปัจจุบันเพื่อใช้ ประโยชน์ในการรักษาโรค รวมถึงใช้ทดแทนในกรณีที่ร่างกาย ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนดังกล่าวได้ โดยยาที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์นี้ กฎหมายกำหนดให้เป็นยาควบคุมพิเศษ เนื่องจากมีความเป็นพิษสูง และเป็นอันตราย และต้องให้แพทย์ เป็นผู้สั่งจ่ายเท่านั้น ยากลุ่มสเตียรอยด์
Hydrocortisone Prednisolone Triamcinolone
Fluocinolone Betamethasone Clobetasol
Desoximetasone Prednicarbate Mometasone
Beclomethasone Budesonide Dexamethason
ถ้าสังเกตจากชื่อยาจะเห็นว่า มักลงท้ายด้วย -one หรือ -ol เสมอ ยกเว้นบางตัว ดังนั้นจึงพอใช้เป็นข้อสังเกตว่ายาแผนปัจจุบัน ตัวไหนเป็นสเตียรอยด์ หรือไม่ถ้าพบว่ายาที่ได้นั้นมีชื่อเหล่านี้ ก็เป็นที่ทราบเลยว่า ท่านได้รับสารสเตียรอยด์แล้วและท่านต้อง ปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์โดยเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ยากลุ่มสเตียรอยด์มีประโยชน์ และ โทษดังนี้ ประโยชน์ ทดแทนภาวะขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ข้ออักเสบ เฉพาะที่รุนแรงควบคุมไม่ได้ด้วยยามาตรฐาน โดยให้ยาด้วยวิธี รับประทาน หรือ ฉีดเข้าข้อโดยตรง หัวใจอักเสบรูมาติก โรคไต บางชนิด เช่น Glomerulonephritis, Nephrotic syndrome โรคเกี่ยวกับคอลลาเจนบางชนิด เช่น Polymyositis, Polyarteritis nodusa,systemic lupus erythematosus (SLE) โรคภูมิแพ้ ที่รุนแรง ควบคุมด้วยยามาตรฐานแล้วไม่ได้ผล เช่น หอบหืดอย่าง รุนแรง โรคปอดเรื้อรัง โดยส่วนใหญ่ใช้ในรูปของยาพ่น กิน หรือ ฉีด โรคตา ในรูปหยอด หรือป้ายตา โรคผิวหนังผื่นแพ้ ในรูป ยาทาเฉพาะที่ โรคทางเดินอาหาร ได้แก่ Ulcerative colitis, Crohn's disease โรคตับ Subacute Hepatic Necrosis, Chronic active Hepatitis, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์และตับแข็งในสตรีที่ไม่ดื่มสุรา โรคมะเร็ง ในโรค Lymphoblastic Leukemia
มะเร็งเต้านม ป้องกันอาเจียนในผู้ที่ได้รับยาต้านมะเร็ง
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โรคโลหิตจาง Immunohemolytic anemia
การปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อให้เกิดการยอมรับอวัยวะผู้อื่นดีขึ้น โทษ ยามีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมหมวกไต ห้ามหยุดยาอย่าง ทันที หลังจากใช้เป็นระยะเวลานาน เกิดลักษณะของผู้ที่ได้รับ ยาสเตียรอยด์นานๆ ที่เรียกว่า Cushing's Syndrome คือ มีอาการ บวม ท้องลาย สิวเม็ดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่าสิวสเตียรอยด์ ผิวเข้มขึ้น ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย ขนขึ้นตามตัวติดเชื้อง่ายขึ้น เกิดเชื้อราในช่องปากง่ายขึ้น เพราะยาจะไปกดระบบภูมิคุ้มกันที่ คอยต่อต้านเชื้อโรค กดการเจริญเติบโตในเด็ก เกิดความดันโลหิตสูง ระดับโปแตสเซียมในเลือดต่ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผิวหนังบาง เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) ความดันใน ลูกตาเพิ่มทำให้เป็นต้อหิน เลนส์กระจกตาขุ่น เกิดต้อกระจกภาวะ ไขมันในเลือดสูง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อารมณ์และพฤติกรรม เปลี่ยนแปลงง่าย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ทางเดินอาหารระคาย เคืองเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ถ้าใช้ยามานาน แล้วหยุดยาทันที
เกิดอาการถอนยา ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน อ่อนล้า ปวดศรีษะ มีไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวลดลง ความดัน โลหิตต่ำ กดผลการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง อื่นๆ ได้แก่ แผล หายช้า เกิดห้อเลือด ฟกช้ำง่ายมีไขมันสะสมมากที่ตับ ตับอ่อน อักเสบ มีขนขึ้นมาก ประจำเดือนผิดปกติ หรืออาจไม่มีประจำเดือน ลดความรู้สึกทางเพศในผู้ชาย ใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัยจากสเตียรอยด์ มักตรวจพบการลักลอบ ใส่สเตียรอยด์ในยาแผนโบราณ ยาลูกกลอน ที่ผลิตจำหน่ายโดย ไม่ได้รับอนุญาติจากกระทรวงสาธารณสุข และยาชุดที่จำหน่าย โดยบุคคลที่ไม่ใช่เภสัชกร *****สังเกตยาแผนโบราณ หรือยาลูกกลอนต้องมีเลขทะเบียน ตำรับยา วัน เดือน ปี ที่ผลิตยา ชื่อและจังหวัดที่ตั้งผู้ผลิตยา ชัดเจน หรือ ผู้จำหน่ายมีใบอนุญาติขายยาแผนโบราณ***** และมีเภสัชแผนโบราณ ประจำร้านซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขบังคับ ให้มีการติดป้ายใบอนุญาติ และใบประกอบโรคศิลปะให้เห็นชัดเจน สามารถตรวจสอบได้หากเกิดปัญหา -** ซื้อยาจากร้านที่มีใบอนุญาตขายยา และมีเภสัชการประจำร้าน** ทางกระทรวงสาธารณสุขบังคับให้มีการติดป้ายใบอนุญาติ และ ใบประกอบโรคศิลปะให้เห็นชัดเจน ทำให้สามารถตรวจสอบได้หาก เกิดปัญหา - ไม่ใช้ยาชุดหรือซื้อยา จากร้านขายของชำ รถเร่ หรือแผงลอย หรือยาจากผู้ไม่ได้ใบประกอบโรคศิลปะ เพียงเท่านี้เองนะคะ คุณก็จะปลอดภัยจากการใช้ยาสมุนไพรหรือ ยาลูกกลอนได้อย่างดีทีเดียวคะ
Create Date : 12 กันยายน 2551 |
Last Update : 12 กันยายน 2551 14:46:12 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1614 Pageviews. |
|
|
|