เจ้าตัวนี้เราต้องป้องกันได้ยากที่สุด และนับเป็นปัญหาทางสาธารณสุขอันใหญ่มากอันหนึ่ง ของประเทศไทยและทั่วโลก ไวรัสตับอักเสบ B มีทางติดต่อที่สำคัญคือ เพศสัมพันธ์ และสามารถติดจากแม่ไปสู่ลูกตั้งแต่ในครรภ์ ส่วนการรับเลือดนั้น ในปัจจุบันจะมีการตรวจกรองก่อนให้คนไข้ ว่าเลือดที่ได้จะปราศจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ B คนที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบ B นั้น อาจจะมาจากผู้ที่ป่วยด้วยโรคตับอักเสบและหายแล้วไม่มีอาการแต่ไม่สามารกำจัดเชื้อได้หมด หรือได้รับเชื้อไปแล้วแต่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยแล้วยังคงมีเชื้ออยู่ในร่างกายตลอดไป มักจะไม่สามารถกำจัดเชื้อได้ตลอดชีวิต และอาจจะเปลี่ยนไปเป็นโรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง หรือมีปัจจัยเสี่ยงทำให้เป็นมะเร็งตับได้มากขึ้น ในประเทศไทยพบราว 7-10% ของประชากร ทำให้อัตราตายของโรคมะเร็งตับ ในประเทศไทยสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอัตราตายจากโรคมะเร็งทั้งหลายมาตลอด ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้บรรจุการฉีดวัคซีนสำหรับตับอักเสบ B ให้เป็นวัคซีนพื้นฐานจำเป็นที่เด็กไทยทุกคนจะได้รับเช่นเดียวกับโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โรคเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบ B จึงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ในประชากรยุคต่อไป
ไวรัสตับอักเสบ C
ติดต่อกันได้ทางหลักคือ ทางเลือด การแพร่เชื้อส่วนใหญ่ คือ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันของผู้ติดยาเสพติดโดยวิธีฉีด ส่วนการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และจากมารดาไปสู่ทารกในครรภ์นั้นพบได้น้อย ที่เหลือจะมีบ้างเช่นการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งนานๆ จะพบสักครั้งหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันเราจะตรวจกรองผู้ที่บริจาคอวัยวะทุกรายเช่นกัน ว่าปลอดจากไวรัสตับอักเสบ C ไวรัสตับอักเสบ C นั้นทำให้เกิดโรคตับอักเสบได้ทั้งชนิดเฉียบพลัน เรื้อรัง และมีโอกาสก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับได้ คล้ายกับไวรัสตับอักเสบ B
ไวรัสตับอักเสบ D
ไวรัสตับอักเสบ D นั้นไม่ได้เป็นตัวเดียวเดี่ยว ๆ มันจะต้องมีเปลือกหุ้มตัวของมันเป็นเปลือกของไวรัสตับอักเสบ B ดังนั้นตัวมันเองจึงทำอะไรไม่ได้ จำเป็นต้องมีไวรัสตับอักเสบ B อยู่ร่วมด้วยจึงจะก่อให้เกิดโรค
ไวรัสตับอักเสบ E
การติดต่อ มักจะติดต่อทางน้ำและอาหาร แต่มีความรุนแรงมากกว่าไวรัสตับอักเสบ A และทำให้เป็นตับอักเสบรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ คล้ายกับไวรัสตับอักเสบ B ตัวนี้มักจะพบการระบาดเป็นพักๆ คือในประเทศที่เรื่องการสาธารณสุขค่อนข้างแย่หน่อย มีความแออัดในชุมชนสูง อาหารและน้ำไม่ค่อยสะอาด