เป็นโรคหัวใจแล้วตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์ขณะที่คุณแม่เป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย ก่อให้เกิดปัญหาต่อทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ได้หลายประการ เช่น คุณแม่อาจจะเกิดภาวะหัวใจวายได้ ในขณะที่ลูกในครรภ์ก็มักจะมีการเจริญเติบโตไม่ค่อยดี คุณแม่ที่เป็นโรคนี้จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและอย่างระมัดระวังทั้งในขณะที่ตั้งครรภ์ ขณะคลอด และหลังคลอด
หัวใจ
หัวใจเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก โครงสร้างเกือบทั้งหมดเป็นกล้ามเนื้อ มีขนาดประมาณกำปั้นมือของผู้เป็นเจ้าของ วางอยู่ในทรวงอกค่อนมาทางด้านซ้าย ทำหน้าที่เป็นเครื่องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย หัวใจเต้นประมาณ 70-80 ครั้งต่อนาทีตลอดชีวิต ไม่เคยเหน็ดเหนื่อยเลย เครื่องสูบฉีดคู่
จริงๆ แล้วหัวใจจะทำหน้าที่คล้ายเครื่องสูบฉีด 2 เครื่องที่อยู่ติดกัน โดยแบ่งเป็นเครื่องสูบฉีดซีกขวาเครื่องหนึ่ง และเครื่องสูบฉีดซีกซ้ายอีกเครื่องหนึ่ง โดยแต่ละซีกแยกการสูบฉีดเลือดออกจากกันอย่างสมบูรณ์ หัวใจซีกขวาสูบฉีดเลือดดำหรือเลือดที่ผ่านการใช้แล้วไปฟอกที่ปอด ในขณะที่หัวใจซีกซ้ายสูบฉีดเลือดแดงหรือเลือดที่ผ่านการฟอกจากปอดแล้วไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
หัวใจแต่ละซีกมี 2 ห้อง หัวใจห้องบนเรียกชื่อว่า เอเทรียม (atrium) หัวใจห้องล่างเรียกว่าเวนทริเคิล (ventricle) เอเทรียมขวาทำหน้าที่รับเลือดจากหลอดเลือดดำ ในขณะที่เอเทรียมซ้ายทำหน้าที่รับเลือดแดงจากปอด แล้วจะบีบตัวพร้อมกันเพื่อขับเลือดเข้าไปในเวนทริเคิล โดยเลือดดำเข้าเวนทริเคิลขวาและเลือดแดงเข้าเวนทริเคิลซ้ายภายหลังรับเลือด เวนทริเคิลทั้ง 2 ข้างจะฉีดเลือดพร้อมกัน โดยเวนทริเคิลขวาจะฉีดเลือดดำไปยังปอดเพื่อฟอกให้เป็นเลือดแดง และเวนทริเคิลซ้ายจะฉีดเลือดไปส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อให้นำไปใช้ในการทำงาน ผนังของเวนทริเคิลทั้ง 2 ข้างจะหนากว่าผนังของเอเทรียมทั้ง 2 ข้างมาก เพราะต้องออกแรงฉีดเลือดแรงกว่าเอเทรียมทั้ง 2 ข้าง ระหว่างเอเทรียมกับเวนทริเคิลแต่ละด้านจะมี ลิ้นหัวใจ คอยเปิดปิดอยู่ เมื่อเอเทรียมบีบตัวขับเลือดลงมายังเวนทริเคิล ลิ้นหัวใจจะเปิดออกเพื่อให้เลือดไหลลงมาได้ แต่เมื่อเวนทริเคิลบีบตัวขับเลือดไปยังปอดหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลิ้นหัวใจจะปิดเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าไปในเอเทรียม ลิ้นหัวใจที่ปิดระหว่างหัวใจห้องบนขวาและล่างขวาเรียกชื่อว่า ลิ้นไทรคัสพิด (Tricuspid valve) ส่วนลิ้นหัวใจที่ปิดระหว่างหัวใจห้องบนซ้ายและล่างซ้ายเรียกชื่อว่า ลิ้นไมทรัล (Mitral valve)
โรคหัวใจ
โรคหัวใจมีมากมายหลายชนิด ทั้งชนิดที่เป็นความพิการมาตั้งแต่เกิด หรือเป็นโรคที่เกิดขึ้นในภายหลัง
โรคหัวใจที่เป็นความพิการแต่กำเนิด เช่น ผนังระหว่างหัวใจซีกซ้ายและขวามีรูรั่วถึงกัน ทำให้เลือดดำและเลือดแดงมาผสมกัน ห้องหัวใจเวนทริเคิลมีขนาดเล็กกว่าปกติ ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยกว่าปกติ
สาเหตุของโรคในกลุ่มนี้มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ตัวผู้ป่วยเป็นทารกอยู่ในครรภ์ของแม่ตัวเอง แล้วคุณแม่ของผู้ป่วยมีปัญหาบางประการ เช่น ไปรับประทานยาที่มีอันตรายบางชนิด หรือมีการติดเชื้อโรคบางชนิด เช่น หัดเยอรมัน เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้ตัวผู้ป่วยเกิดความพิการของหัวใจในที่สุด
โรคที่เกิดขึ้นภายหลัง
เช่น โรคลิ้นหัวใจตีบ ทำให้เลือดไหลจากเอเทรียมลงมายังเวนทริเคิลได้น้อย โรคลิ้นหัวใจรั่ว ทำให้เลือดไหลย้อนกลับจากเวนทริเคิลไปเอเทรียม ทั้งสองกรณีนี้ จะทำให้เลือดถูกสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย และถ้าเป็นนานอาจทำให้หัวใจวายตายได้
สาเหตุของโรคในกลุ่มนี้มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ซึ่งเมื่อเข้าไปในเลือดแล้ว สามารถไปเกาะและทำลายลิ้นหัวใจได้ ทำให้ลิ้นหัวใจที่เคยเป็นเนื้อเยื่อที่ยืดหยุ่นได้ดีคล้ายประตูที่เปิดปิดได้สนิท กลายเป็นประตูที่ฝืดมาก เปิดได้ไม่เต็มที่ (กรณีเป็นโรคลิ้นหัวใจตีบ) หรือเปิดได้มากเกินไปจนปิดกั้นอะไรไม่ได้ (กรณีเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว)
ไข้รูมาติกคืออะไร ?
ใข้รูมาติกเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า เบต้า ฮีโมลัยติก เสตร็บโตคอคคัส (b-hemplytic streptococcus) ซึ่งมักจะพบได้บ่อยในแหล่งที่ง่ายต่อการติดเชื้อ เช่น ในโรงเรียน ในตลาด หรือในโรงพยาบาล คนที่เป็นโรคนี้จะมีอาการไข้คล้ายเป็นไข้เจ็บคอตามธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ อาจจะมีอาการปวดตามข้อ หรือเจ็บหน้าอกร่วมด้วย บางรายอาจมีก้อนนูนขึ้นใต้ผิวหนังที่บริเวณต่างๆ ด้วย ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานไม่รีบไปหาแพทย์เพื่อรับการรักษาเชื้อโรคจะลุกลามไปทำลายลิ้นหัวใจได้ โดยเชื้ออาจจะอยู่ได้เป็นเวลายาวนานหลายปีแม้ว่าอาการไข้จะหายไปแล้วก็ตาม
โรคหัวใจกับการตั้งครรภ์
ปกติการตั้งครรภ์เองก็ทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเสี่ยงต่อการที่จะเจ็บท้องแล้วไม่ยอมคลอด ตกเลือดหลังคลอด เสี่ยงต่อการผ่าตัดคลอด ฯลฯ แต่ถ้ามีโรคหัวใจร่วมด้วยความเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ผลต่อแม่
ขณะตั้งครรภ์ปริมาณเลือดในร่างกายของคุณแม่จะเพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 1 ลิตรเลยทีเดียว ทั้งนี้เพื่อนำส่วนหนึ่งไปเลี้ยงลูกด้วย การเพิ่มปริมาณของเลือดเช่นนี้ในคุณแม่ที่ปกติจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจ การที่ต้องแบกรับปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีโอกาสหัวใจวายและเสียชีวิตได้ง่ายขึ้น
ผลต่อลูกในครรภ์
สำหรับลูกน้อยในครรภ์ที่มีการเจริญเติบโตขึ้นทุกวัน ก็มีความต้องการเลือดไปเลี้ยงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ผลดังกล่าวทำให้หัวใจของคุณแม่ต้องพยายามสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงลูกมากขึ้น ในคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจ ประสิทธิภาพของหัวใจจะลดลงทำให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงลูกได้ไม่มากพอ ลูกของคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจจึงมักมีการเจริญเติบโตได้น้อยกว่า ลูกของคุณแม่ที่ปกติ ซึ่งผลดังกล่าวจึงมักทำให้ลูกของคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจคลอดออกมาตัวเล็กกว่าปกติ
ความรุนแรงของโรคหัวใจ
เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ทางการแพทย์จึงแบ่งความรุนแรงของโรคหัวใจตามอาการเป็น 4 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 ผู้ป่วยยังทำงานได้ตามปกติ ระดับที่ 2 ผู้ป่วยทำงานตามปกติแล้วเหนื่อย ระดับที่ 3 ผู้ป่วยทำงานเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อย ระดับที่ 4 ผู้ป่วยที่แม้ไม่ทำงานอะไรก็ยังเหนื่อย กรณีนี้ถือว่าโรคเป็นรุนแรงที่สุด
ดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย
การดูแลแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจ คุณหมอจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นรายๆ ไปโดยมักจะใช้ข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของโรคหัวใจที่เป็น และระดับความรุนแรงของโรคมาประกอบในการพิจารณาด้วยเสมอ
ถ้าความรุนแรงของโรคไม่มากนัก คืออยู่ในระดับ 1-2 คุณหมอก็มักจะแนะนำให้ตั้งครรภ์ต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ทำงานหนักหรือหักโหมมากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารเค็ม (เพราะจะทำให้มีการดึงน้ำเข้ามาในหลอดเลือดมาก ทำหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ) หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ เช่น ในสถานที่ที่คนมากๆ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เป็นต้น เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อหัวใจวายได้ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ต้องรับประทานยาตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด
ในคุณแม่บางรายที่อาการของโรครุนแรงมาก เช่น อยู่ในระดับที่ 4 และเพิ่งจะตั้งครรภ์ไม่นานคุณหมอก็มักจะแนะนำให้ทำแท้ง เพราะถ้าปล่อยให้ตั้งครรภ์ต่อไป คุณแม่อาจเสียชีวิตจากหัวใจวายได้
เลือกคลอดแบบไหนดี
ระหว่างเจ็บครรภ์คลอด คุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจจะเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ง่ายจากอาการเหนื่อยอ่อน และจากความเจ็บปวด ดังนั้น สูติแพทย์จึงมักต้องให้ยาระงับปวดแก่คุณแม่ โดยอาจจะให้ด้วยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือโดยการฉีดเข้าสันหลังก็ได้ และเมื่อถึงเวลาเบ่งคลอดเพื่อจะช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องเบ่งมาก สูติแพทย์ก็มักจะใช้เครื่องมือในการช่วยคลอด เช่น ใช้คีมช่วยคีบศีรษะลูกน้อยออกมา
มีข้อน่าสังเกตว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจมักจะคลอดง่าย เนื่องจากเหตุผล 2 ประการคือ ประการแรกลูกมักจะตัวเล็ก และประการที่ 2 การที่เลือดในตัวคุณแม่มีการไหลเวียนไม่ค่อยดีจากหัวใจทำงานไม่ได้เต็มที่ จะทำให้เลือดไปคั่งอยู่ในบริเวณอุ้งเชิงกราน ผลดังกล่าวจะทำให้ปากมดลูกและปากช่องคลอดนุ่มมากและเปิดขยายได้ง่ายกว่าปกติ
โดยปกติแล้วคุณหมอมักไม่ค่อยอยากที่จะผ่าตัดคลอด เพราะจะทำให้คุณแม่เสี่ยงหัวใจวายจากการเสียเลือดมากด้วยการผ่าตัด และจากการดมยาสลบได้ง่ายกว่าคุณแม่ปกติ คุณหมอจึงมักจะสงวนการผ่าคลอดไว้ทำเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เช่น ลูกหัวใจเต้นไม่ดี
การดูแลหลังคลอด
คุณแม่ซึ่งเป็นโรคหัวใจที่ผ่านการตั้งครรภ์และการคลอดมาแล้ว ก็มิได้หมายความว่าหลังคลอดแล้วจะปลอดภัยเสมอไป แม้จะคลอดแล้วคุณแม่ก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายได้จากภาวะต่างๆ อีกหลายประการ เช่น หลังคลอดถ้าให้ลูกดูดนมแม่ การดูดนมจะมีการกระตุ้นทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพื่อให้น้ำนมไหล ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวด้วยในบางรายมดลูกมีการบีบรัดตัว จนคุณแม่รู้สึกเจ็บมากก็อาจส่งผลให้เกิดหัวใจวายได้ คุณแม่บางรายแผลฝีเย็บมีการติดเชื้อหรือบางรายเต้านมมีการอักเสบ ผลดังกล่าวจะกระตุ้นให้หัวใจวายได้เช่นกัน ดังนั้นคุณแม่จึงต้องหมั่นคอยสังเกตอาการเจ็บมดลูก ดูแลเรื่องแผลฝีเย็บและเต้านมให้ดี หากรู้สึกผิดปกติต้องรีบบอกคุณหมอเพื่อการรักษาได้ทันท่วงที
ในกรณีที่เป็นการคลอดครั้งหลังและคุณแม่ต้องการทำหมัน ก็ต้องมีการเตรียมตัวให้ดีก่อนรวมทั้งต้องเลือกให้ยาระงับความเจ็บปวดที่เหมาะสม มิฉะนั้นคุณแม่อาจเกิดหัวใจวายขณะทำหมันได้เช่นกัน
คลอดแล้วท้องอีก...ได้หรือเปล่า
โดยปกติแล้วคุณหมอมักจะไม่อยากให้คนเป็นโรคหัวใจตั้งครรภ์ ถ้าเป็นขั้นรุนแรงมักจะไม่ให้ตั้งครรภ์เลย แต่ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงก็พิจารณาเป็นรายๆ ไป ถ้าจะตั้งครรภ์ครั้งต่อไป คุณแม่ควรฝากครรภ์โดยเร็วเพราะต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก //www.si.mahidol.ac.th
Create Date : 02 มกราคม 2553 |
|
13 comments |
Last Update : 2 มกราคม 2553 8:13:14 น. |
Counter : 2986 Pageviews. |
|
|
|
โชคดีปีใหม่นะคะ ตลอดปี ตลอดไป
ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ไม่มีทุกข์ ภัย ค่ะ
มีความรู้มากมายที่บ้านนี้ ดีจังเลยค่ะ ^^