Black Book ... ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ
The Black book ( บัญชีดำ ... เธอกล้าสู้ ) .... 3 ดาว ....
...........................พอล เวอร์โฮเวน แห่ง โรโบคอป และ โชว์เกิร์ล กลับมาอีกครั้งในหนังเนเธอแลนด์ ระดับตัวแทนประเทศเข้าชิงออสการ์ และกวาดเงินในบ้านเกิดถล่มทลาย เรียกว่าคัมแบ๊คกลับมาแจ้งเกิดอย่างสมศักดิ์ศรี หลังจากงานระยะหลังเริ่มจะแผ่วลงไปมากในฮอลลีวู๊ด หนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่จะทำเงิน และ เข้าชิงรางวัลต่างๆได้ไม่ยาก ถ้าใครถามว่าหนังที่มีสิทธิจะได้ชิงรางวัลอย่างออสการ์นี่มันเป็นอย่างไร ต้องมาดูเรื่องนี้ครับ ไม่ใช่เที่ยวมายกหางตัวเองว่าหนังอย่างพระนเรศวรจะมีลุ้นชิงออสการ์ ?
...........................ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นหนังเรื่องที่ 2 เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผมได้ดูหลังจากอ่านกระทู้ยาวเหยียดเรื่องฮิตเล่อร์และขุนพลนาซี กับเรื่องยิว ของป้าวิวานดา การดูหนังหลังจากที่มีแบคกราวด์เหตุการณ์มาแล้วเนี่ย ทำให้ได้อรรถรสมากกว่าตอนไม่ได้อ่านเยอะเลย คือเราได้เห็นภาพคร่าวๆว่า ทำไมเค้าถึงทำอย่างนั้น อย่างนี้ และเหตุการณ์ช่วงนั้นมันอยู่ตอนใหนของประวัติศาสตร์ ผมคิดว่าการอ่านมาก ช่วยทำให้เปิดโลกทัศน์ของคนเราได้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ ... ภาพยนตร์เรื่องนี้มีดาราที่คุ้นหน้าเล่นด้วยครับ ผมจำชื่อไม่ได้ แต่จำได้ว่าเป็นดาราเยอรมันคนที่เล่นเป็น กวี ตัวละครหลักตัวหนึ่งเลย ในหนัง The lives of other เป็นคนที่พระเอกคอยดักฟังน่ะแหละครับ
...........................หนังเล่าเรื่องกลุ่มใต้ดินชาวยิวที่ปฏิบัติภารกิจลับต่อต้านรัฐบาลนาซีที่ปกครอง เนเธอแลนด์อยูในช่วงปี 1944 - 45 โดยนางเอกของเรื่องต้องรับบทเป็นนางนกต่อ เข้าไปตีสนิทกับนายทหารระดับสูงพวกเกสตาโป เพื่อสืบความลับและเป็นสายให้ฝ่ายยิวที่ทำงานใต้ดิน แน่นอนว่าหัวใจของเรื่องก็คือนางเอก เพราะว่าทั้งเรื่องเดินโดยเธอครับ จุดสำคัญที่ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจก็คือ ขบวนการใต้ดินของนางเอกทำไมมันกิ๊กก๊อกจัง ใช้คนไม่เท่าไหร่ แล้วก็คัดเลือกคนแบบไม่ค่อยสกรีนเท่าไหร่อ่ะ ดูแล้วมันง่ายๆชอบกล อย่างตัวนางเอกเองก็ ไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอะไรเลย ไม่มีประสบการณ์ เหมือนเป็นใครก็ได้ เป็นคนธรรมดาคนนึงที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจสำคัญเสี่ยงตาย ตรงนี้ล่ะที่น่ากลัว เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่จะเอาตัวรอดได้ก็คือหัวใจ ( และสมอง ) แต่ถ้าใจมันไม่ถึงแล้ว โอกาสทำอะไรพลาดมันก็เยอะ ( ดูได้จากหนังยิวอีกเรื่องของฮอลลีวู๊ด เรื่อง Munich ) แต่ความที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดานี่แหละ ที่ทำให้เราพลอยลุ้นไปด้วย เพราะฐานะของเธอกับเราๆท่านๆก็ไม่ต่างกันเลย ไม่ใช่ฮีโร่ หรือยอดมนุษย์ หรือมือโปรที่ใหน
...........................เสียดายที่ไม่ได้ไปดูในโรงหนัง เพราะหนังเป็นอะไรที่ต้องดูในโรงหนังครับ เพราะถ้ามาดูจอเล็กๆที่บ้านมันจะได้บรรยากาศได้ไง ยิ่งหนังแบบนี้ สเกลมันใหญ่อ่ะครับ พอดูฉากอลังๆในจอเล็กๆ อรรถรสมันก็เลยลดลง และการพาษ์ไทย ยังไงมันก็สู้ซาวแทรคไม่ได้ครับ หนังอาจจะดูง่ายไปสักนิด แต่ถือว่าบทไม่ธรรมดาครับ เพราะมีการหักมุม เฉือนเหลี่ยมกันอย่างสนุกสนาน แลถมีเซอร์ไพร๊ซ์แบบที่เราไม่คาดคิด ดูหนังเรื่องนี้แล้วพาลให้สงสารคนอิสราเอลว่า กว่าเขาจะมีประเทศ กว่าจะมารวมตัวกันได้ มันเหนื่อยยากขนาดใหน และมันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงควรจะมีที่ทาง มีพื้นที่ยืนบนโลกใบนี้ ( แต่จริงๆควรจะไปตั้งที่อื่น ที่ไม่ใช่ตะวันออกกลางนะ )
............................เหตุผลอีกอย่างที่ผมบอกว่า หนังเรื่องนี้มีดีพอที่จะชิงออสการ์เพราะว่า หนังเรื่องนี้มีประเด็นที่เป็นสากล ใครในโลกนี้ดูก็เข้าใจครับ และที่สำคัญก็คือ แบคกราวน์ในหนังเป็นอะไรที่ฝรั่งเข้าใจง่าย ตัวละครมีคาแรคเตอร์ซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้มีตัวละครจุกจิกรายทางเต็มไปหมด คือมันโฟกัสเรื่องราวชัดเจน ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ถูกจริตกรรมการออสการ์มาก เพราะเวทีนั้นยิวมีอิทธิพลเยอะ ใครๆก็รู้ แต่ถึงกระนั้น หนังที่ดีอย่างเรื่องนี้ หรือหนังอย่าง Volver ก็ยังพลาดที่จะได้เข้าชิงรอบสุดท้าย แล้วหนังจากประเทศห่างไกลความเจริญ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรก็ไม่รู้ แถมยังมีแบคกราวน์เหตุการณ์ที่ไม่เคยรู้จัก แถมตัวละครพัวพันกันนัวเนียไปหมดจนจับความไม่ได้ มันจะไปถึงรอบลึกๆเวทีรางวัลแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ ท่านผู้ชม ??

Create Date : 30 สิงหาคม 2550 |
|
11 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2550 12:25:59 น. |
Counter : 4846 Pageviews. |
|
 |
|
แต่ไมมันผ่านตาผมไปได้ล่ะท่าน
**ไม่ทราบว่าหนังเรื่องนี้ปีไหนครับ
อยากดูอะ