Vantage Point + Elizabeth 2 + ดรีมทีม .... คอมเมนท์สั้นๆนะครับ
Vantage Point ( เสี้ยววินาทีสังหาร ) .... 2 ดาวกว่าๆ ....
8 มุมมอง 1 สถานการณ์ พล็อตฉลาดๆ บทกระชับฉับไว วางสถานการณ์ได้น่าระทึกใจครับ สิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงๆก็ได้ มุมมองที่เราเห็นก็อาจจะเป็นเพียงสิ่งลวงตาเพราะเราจะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่เค้าเล่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจริงๆ แอคชั่นของหนังทำได้ระทึกใจดีมาก ถ้าดูในโรงภาพยนตร์น่าจะได้อรรถรสกว่านี้ หนังเรื่องนี้สนุกสนานใช้ได้ ถ้าไม่ติดที่ว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ และก็จบได้บังเอิ๊ญบังเอิญเสียเหลือเกิน หากไม่คิดมากก็ถือว่าดูได้เพลินๆครับ ติดว่าโม้ๆนิดหน่อย
Elizabeth 2 - The Golden Age .... 2 ดาวครึ่ง ....
เคท บลานเซท กลับมาเล่นบท ราชินี เอลิซาเบท อีกรอบแล้วก็ได้ชิงออสการ์นำหญิงอีกรอบ ซึ่งก็สมควรด้วยประการทั้งปวง พูดตรงๆระหว่าง จูดี้ เดนซ์ , เฮเลน มีร์เรน และ เคท บลานเซท นี่กินกันไม่ลงจริงๆ ถ้าให้มาโหวตว่าให้เล่นเป็นพระราชินีอังกฤษได้ดีกว่ากัน ผมว่าแต่ละท่านคงจะโหวตกันยากแน่นอน !! เสียดายดูแผ่นพากษ์ไทยซึ่งพากษ์เสียงเอลิซาเบทได้ไม่ดีเท่าไหร่ ตั้งชื่อตอนว่ายุคทองของราชินีเอลิซาเบท แต่ในภาคนี้ผมไม่ยักกะรู้สึกว่าเป็นยุคทองของราชีนีเท่าไหร่เรย เพราะราชินียังต้องเผชิญกับทั้งศึกนอก ศึกใน รวมถึงต้องคานอำนาจกับพวกขุนนางอีกด้วย ดูเหมือนเธอจะเป็นแค่หุ่นเชิดที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกด้วยซ้ำไป คือผมไม่แน่ใจว่าเธอมีอำนาจอยู่ในมือจริงๆหรือเปล่า ?
ออสการ์สาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมที่หนังได้ดูเหมือนจะเป็นแค่รางวัลปลอบใจซะมากกว่า เพราะภาพรวมของหนังนั้นถือว่าเป็นงานคุณภาพที่มีองค์ประกอบงานสร้างรวมๆในระดับดีถึงดีมาก ซึ่งทั้งหมดมาจากการจัดฉากและเซ็ทงานโปรดักชั่นดีไซน์อยู่ในระดับดีมาก การเลือกใช้โทนภาพ แสง สี เพื่อรองรับเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี มีการแคสติ้งที่ยอดเยี่ยมและการแสดงของทีมดาราในระดับเยี่ยม ดนตรีประกอบสอดคล้องและเสริมสร้างอารมณ์หนังได้ดี ลำพังหนังอัตตชีวประวัติแบบนี้เป็นหนังแนวขนม แนวโปรดที่ผมชอบอยู่แล้ว เสียดายว่าเชคาร์ คาปู ยังเขียนบทได้ไม่แน่นเท่าที่ควรเลยทำให้ตัวหนังขาดความเข้มข้นเร้าใจเท่าที่ควรจะเป็น !! หนังไม่มีไคลแมกซ์ หรือถ้าจะบอกว่า ฉากรบทางเรือระหว่างสเปน กับ อังกฤษเป็นไคลแมกซ์ ก็ต้องถือว่าเป็นไคลแมกซ์ที่น่าเบื่อหน่ายมากและก็สั้นซะเหลือเกิน ทั้งๆฉากนั้นน่าจะเป็นฉากที่โชว์ศักยภาพในการบัญชาการรบที่สำคัญของราชินี หรือไม่เขาก็น่าจะขับเน้นการขับเคี่ยวชิงบัลลังก์ระหว่าง เอลิซาเบท กับ พระนางแมรี่แห่งสก๊อตมากกว่านี้หน่อย แต่นี่หนังเล่นไล่ไปหาหนังสือประวัติศาสตร์มาอ่านเอาเองซะงั้น !!
ดรีมทีม ( ครึ่งดาว )
ผิดหวังสุดขีดครับ ไม่อยากเชื่อว่าหนังไทยจะห่วยได้อีกกก !! เรียกว่าสูสีกับอนิเมชั่นอย่างนาคที่ออกมาฉายชนกันเลยทีเดียว ประหลาดใจมากที่ผู้กำกับที่มีฝีมืออย่างคุณเรียว จะมีหนังห่วยๆเยี่ยงนี้อยู่ในเครดิตผลงานของตัวเองด้วย ?? ถ้าคุณเรียวพูดสักคำว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาหวังเพื่อให้เด็กอนุบาลดูผมจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ทำหนังฉายโรง ขายคนดูทั่วประเทศ ทำไมทำร้ายกันได้ขนาดนี้ ?? ผมเคยไปทำอะไรคุณหรือเปล่าเนี่ย ?? โชคดีจริงๆที่ไม่พลาดท่าเข้าไปดูในโรง เห็นตอนนั้นพวกคนในเฉลิมไทยเชียร์กันเหยงๆสงสัยจะมีแต่หน้าม้า เห็นบางคนหัวหงอกหัวเทาแล้วแต่ยังออกมาเป็นป้าดันเอ๊ย ป๋าดันกันอุตลุด สงสัยจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับหนังแหง๋ๆ !!
ดรีมทีม คือหนังที่ห่วยในทุกองค์ประกอบอย่างไม่น่าให้อภัยจริงๆครับ บทหนังนั้นขำแค่ไม่กี่มุข ส่วนใหญ่จะแป๊ก ผมไม่รู้ว่าดาราแต่ละคนขอเสนอตัวมาเล่นหนังเองกันหรือไง เพราะมันแคสได้ไม่เข้ากับคาแรคเตอร์เลย โฟร์ มาเล่นเป็นครูอนุบาล , ป้าจิ๊ก แก่งั่ก 50กว่าแล้วมาเล่นเป็นคุณแม่เด็กอนุบาล ( ไม่ทราบว่าลูกจะปัญญาอ่อนหรือเปล่า ) ซูโม่กิ๊กเล่นเป็นโค๊ชฟุตบอลไทยลีก ?? ไม่นับพ่อแม่เด็กแต่ละคนที่ขอโทษนะครับ นึกว่ารับเชิญมาแสดงหนังสั้นหรือยังไงไม่ทราบ ?? ถ้าไม่ติดว่าดารารับเชิญหรือนักแสดงแต่ละคนนี่เป็นดารานะครับ ผมจะนึกว่านักทำหนังอินดี้สักคนทำหนังโฮมเมดแล้วเชิญครอบครัวกับเพื่อนบ้านมาร่วมแสดง เพราะงานมันออกมาหยาบๆและอารมณ์ประมาณนั้นเลย
หนังเรื่องนี้ไม่มีคุณค่าสาระอะไรกับชีวิตเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วผ่านเลย ขนาดตั้งใจดูผมยังจับประเด็นได้แค่ว่า หนังเรื่องนี้พยายามชี้ชวนให้ทุกคนหาชัยชนะโดยไม่สนใจว่าจะได้มันมาอย่างไร , เอ หรือว่านี่จะเป็นการเสียดสีสังคมปัจจุบันหว่า ? หนังคิดจะใส่อะไรก็ใส่เข้ามาแบบตรงๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีชั้นเชิงใดๆ กะจะขายความน่ารักของเด็ก แต่เด็กมันก็หน้าตาไม่น่ารัก และคาแรคเตอร์ยังไม่น่ารักอีกตะหาก หนังขาดเสน่ห์อย่างแรง ลูกกิ๊กตอนจบเป็นใคร มาจากใหน ? ทำไมผู้ปกครองเด็กเกือบทุกคน ถึงมาดูลูกแค่คนเดียว ผัวหรือเมียของเค้าไปใหนกัน เช่น อ่ำไม่มีเมียเหรอ , ผัวเมย์ไปใหน แล้วฝรั่งที่ควงมาเป็นใคร , เมียของคมสัน นันทจิตล่ะ ? เมียเอกราชล่ะ ? เป็นไปได้เหรอที่การแข่งขันใหญ่ระดับนี้ พ่อหรือแม่จะส่งตัวแทนมาคนเดียว แทนที่จะมาทั้งคู่ ?? หนังเรื่องนี้คือความพยายามพร้อมใจกันตายหมู่ครั้งยิ่งใหญ่ของหนังไทย เพราะโดยมากแม้หนังจะห่วยแตกขนาดใหน ก็มักจะมีคนขโมยซีน หรือแสดงดีออกมาสักคนสองคนให้สัมผัสได้ แต่นี่ไม่มีดีสักคน เสียดายฉากใหญ่ๆตัวละครเยอะๆที่เขาเซ็ทมาก็ไม่ได้ช่วยให้หนังดูดีขึ้นสักนิดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากสุดท้ายนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า มนุษย์เรามันเสื่อมกันหมดแล้ว และขอให้ทำไงก็ได้เพื่อชัยชนะ แทนที่จะสอนว่ากีฬานั้นควรจะรู้จักแพ้ รู้จักชนะ และจงมีน้ำใจนักกีฬา
คุยกันเพิ่มเติมเชิญที่เวปครับ //www.pandagroup.pantown.com
Create Date : 14 มิถุนายน 2551 |
|
12 comments |
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 12:59:42 น. |
Counter : 1527 Pageviews. |
|
|
|