Chocolate mint martini ( อีกแก้วนะครับ )
สวัสดีครับพบกันอีกครั้งแล้วทุกวันศุกร์ กับการดื่มอย่างรับผิดชอบครับ วันนี้เห็นชื่อหัวข้อแล้วอย่าเพิ่ง งง นะครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็น White chocolate martini ครับ สำหรับสัปดาห์นี้ผมเลยนำมาให้ดื่มอีกแก้วแต่เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่คล้ายๆกันครับ สีก็คล้ายกัน(หรือเปล่า) แต่ที่ไม่คล้ายกันคือสัปดาห์นี้ผมเขย่าให้ดื่มเองครับ เพราะเห็นว่าเมื่อหลายๆสัปดาห์ที่แล้ว ให้คนอื่นเขย่าแทน ไม่ทราบว่าจะถูกใจคุณๆหรือเปล่าครับ แถมสัปดาห์นี้มีของว่างให้ทานด้วย (อ่ะแน่...) เอาล่ะครับเรามาเริ่มที่เรื่องของ Liqueur กันเลยดีกว่านะครับ
วันนี้ผมจะพูดถึง creme de menthe กันนะครับ creme de menthe เป็นไวน์ชนิดหนึ่งครับ เขาจะใช้ในการดื่มหลังอาหาร เพื่อทำให้การย่อยในกระเพาะดีขึ้น(ผายลมกันกระจาย) ครับ หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Digestive liqueur เขาจะนำใบมิ้นท์หรือมิ้นสกัดมาผสมกับ Grain spirit (แปลกันเอาเองนะครับว่าเหล้าอะไร) แล้วเติมน้ำตาลลงไป รสชาติหวาน มีสีเขียวหรือเรียกอีกอย่างว่า peppermint และสีใส แต่สีเขียวจะเป็นที่นิยมมากกว่าสีใสครับ(เพราะบรรดา cocktail ส่วนใหญ่จะใช้ alcohol เป็นสีขาวครับ เลยกลัวว่าจะหยิบผิด กระมัง)
มาถึงตรงนี้ผมขอพาคุณๆออกนอกเรื่อง liqueur ไปนิดหนึ่งนะครับ เพราะไหนๆก็พูดถึงเรื่อง ไวน์ และ Digestive แล้ว การทานอาหารแบบเป็นทางการ แบบต่างชาติ เขาจะมีการดื่มไวน์หรือ liqueur เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องเรียกน้ำย่อยให้พุ่งพล่านก่อนทานอาหารหรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Aperitif ครับ ส่วนใหญ่ที่พวกเขาและหล่อนดื่มกัน ก็จะเป็นไวน์ที่ประสมสมุนไพรหรือ liqueur กลิ่นสมุนไพร(อันนี้จะเรียกว่า vermouth ครับ)เช่นกันครับ เขาจะดื่มเพียง 1 Oz เท่านั้นครับ (ไม่งั้นเมาแน่ๆ) หลังจากนั้นก็จะรับประทานซุป แล้วต่อด้วยอาหารจานหลัก แล้วก็ต่อด้วยเครื่องดื่ม liqueur หรือ แชมเปญ หรือ cocktail (สำหรับตรงนี้สมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีแล้วครับ เพราะมันไม่ค่อยจำเป็น จะเห็นดื่มกันก็เป็นจำพวก แชมเปญ หรือ กาแฟ นะครับ) เป็นการย่อยอาหารหรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Digestive การดื่มก็จะเป็นเพียงแค่ 1 Oz เท่านั้นเหมือนกับ Aperitif ครับ (งงไหม) หลังจากนั้นก็จะเป็นของหวานตบท้ายครับ
ผมขอจบกระบวนการกินการดื่มไว้เพียงเท่านี้ครับ ด้วยมัน(คือผมเอง คริ คริ)จะไปกันใหญ่ ต่อไปเรามาดูวิธีการทำเครื่องดื่มกันดีกว่า(เล่ามาจนคุณๆอยากดื่มแล้วใช่ไหมล่ะครับ)เอาล่ะครับ เรามี
1.Vodka 1 Oz
2.Creme de menthe ½ Oz
3.Chocolate ¼ Oz
คราวนี้เรามาดูกระบวนการทำเครื่องดื่มกันนะครับ
1.นำทุกอย่างใส่ shaker ครับ จะได้มาเป็นแบบนี้ (อย่าตกใจครับว่าใส่ Creme de menthe สีเขียวลงไปทำไมไม่มีสีเกิดขึ้น เพราะถ้าคุณทาน Chocolate mint ที่เป็นแท่งแล้วเป็นสีเขียวมันคงจะแปลกประหลาดน่าดูนะครับ)
2.เขย่าโลดเด้อครับ คริ คริ (ผมเขย่าจน shaker หายดังรูปเลย แหะๆๆๆๆ)
3.เทใส่แก้ว Mary champagne หรือแก้ว martini รุ่นเก่าที่ใช้ chocolate ฉาบที่ปากแก้วครับ
4.ยกซดและดูดดื่มครับ
ผมมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแก้วใบนี้สักนิดหนึ่งนะครับ แก้ว Mary champagne คือแก้วอะไร จากตำนานเขาบอกว่าแก้วใบนี้เกิดจากการทำขึ้นเพื่อประชดพระนาง มารี อังตรัวร์เนต ซึ่งเป็นพระราชินีใน หลุยที่ 16 (ถ้าจำไม่ผิด) ในสมัยนั้นเกิดการจลาจลเพราะ หลุยที่ 16 เป็นคนที่หลงอยู่ในสมบัติและผู้หญิง ใช้เงินที่เก็บมาจากภาษีราษฎรในทางที่ผิด ทำให้ประชาชนฝรั่งเศสสมัยนั้น โกรธ และเกลียด จนประชาชนจับ 2 พระองค์ประหารชีวิตด้วยเครื่องประหารที่พระองค์คิดขึ้นเอง คุณๆรู้ไหมว่าชื่ออะไร (กิโยติน ไงครับ) แล้วที่เล่ามาเกี่ยวอะไรกับแก้ว นั้นสิครับ(เป็นงั้นไป)คือคนทำแก้วเขาใช้จินตนาการว่าถ้าเอาแก้วไปว่าที่ระหว่างร่องอกของพระนาง มารี อังตรัวร์เนต จะเป็นอย่างไร (มันก็ออกมาเป็นแบบนี้น่ะสิครับ) (ซึ่งไม่ใช่เอาแก้วไปคว่ำบนอกนะครับ)
เมื่อก่อนนี้เขาใช้แก้วใบนี้ใส่แชมเปญครับ แต่เห็นว่าแชมเปญส่วนใหญ่ที่ดื่มจะเป็นแบบมีฟองก๊าซ เวลายกขึ้นดื่มจะทำให้ฟองกระเด็นใส่หน้าเข้าจมูกไป เลยเปลี่ยนแก้วใส่แชมเปญมาเป็นแบบปากแคบหรือเรียกว่า แก้วทิวลิป หรือ Tulip glass แล้วเอาแก้ว mary มาใส่ cocktail ประเภท martini แทนและเมื่อ มีคนทำแก้วคิดแก้ว martini ขึ้นมาใหม่(ก็แก้วคล้าย แก้ว mary นั้นแหละไม่เห็นจะใหม่ตรงไหน)ซึ่งเป็นทรงอย่างที่เคยเห็นในปัจจุบัน แก้ว mary เลยตกกระป๋องไป(น่าสงสาร...)
ครับผมเล่าเรื่องประวัติแก้วมายืดยาว งั้นเรามาดูของว่างกันดีกว่า ที่เห็นเป็นถ้วยๆสีแดงๆนั้นไม่สลัด apple หรือ ส้มตำลืมใส่มะละกอ หรือ แจ่ว ใดๆทั้งสิ้นครับ แต่มันเป็น SALSA ครับ เป็นสลัดชนิดหนึ่งจากเม็กซิโก ที่นั้นเขาใช้เป็นเครื่องเคียงกับอาหารต่างๆครับ ไม่ว่าจะทานกับ แป้งข้าวโพดทอด(แบบที่เห็นอยู่) มันฝรั่ง แพลนเทน หรือกล้วยทอดเค็ม หรือ ข้าว หรือ... ก็สามารถทำให้อาหารจานนั้นอร่อยขึ้นมาทันใดครับ เครื่องปรุงและวิธีทำผมว่าคุณๆก็รู้ครับ ทำไม่ยาก (แต่เครื่องเทศฝรั่งมันแพงครับ คริ คริ) ผมเห็นว่าเครื่องดื่มแก้วนี้รสชาติออกไปทางหวาน ผมเลยหาอะไรมาเบรก ให้คุณๆทานเครื่องดื่มแก้วนี้ได้อย่างมีรสชาติมากขึ้นเท่านั้นเองครับ (ร้านผมมีของว่างทานฟรีกับเครื่องดื่มนะครับ น่าน...โปรโมตร้านมันซะเลย) ยิ่งถ้าทานของว่าง เครื่องดื่ม กับ เพลงลาติน เพลงนี้ จะอร่อยมากๆ เลยครับ
// โอเค ครับวันนี้ผมก็ได้เล่าเรื่องอย่างมากมาย เรื่องประวัติและกรรมวิธีการทำ liqueur เรื่องการทานอาหารอย่างฝรั่งชั้นสูง เรื่องการทำเครื่องดื่มและการเตรียมเครื่องดื่ม เรื่องประวัติของแก้ว เรื่องของว่างที่ทานกับเครื่องดื่ม และเพลงที่น่าฟัง ผมว่าน่าจะทำให้คุณๆถูกใจกันบ้างนะครับ วันนี้ผมขอลาไปก่อนนะครับ และหวังว่าผมคงจะได้พบคุณๆที่ร้านผม และสุดท้ายนี้อย่าลืมครับว่าเมาไม่ขับ กลับบ้านไม่เมา ปลอดภัยแน่นอน สวัสดีครับ
Create Date : 07 มีนาคม 2551
Last Update : 7 มีนาคม 2551 21:04:30 น.
59 comments
Counter : 1684 Pageviews.