ร้านไหนจะอร่อยกว่ากันแล้วจะรู้ได้ไง
อ่ะ...น้า
สวัสดีครับ คุณๆเคยทานอาหารนอกบ้านไหม แหมเป็นคำถามที่ไม่น่าถามเอาเสียเลยนะครับ ผมว่าทุกท่านก็ต้องเคยทานกันอยู่แล้ว แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารจะอร่อยหรือไม่อร่อย เช่น วันนี้คุณเดินออกไปทานอาหารนอกบ้าน พอดี มีร้านอาหารอยู่ติดกันแล้วก็ขายอาหารเหมือนกันเลยล่ะ หน้าตาอาหารก็เหมือนกัน รสชาติก็คล้ายกัน แต่ทำไมร้านหนึ่งอร่อยกว่าอีกร้านหนึ่ง คุณเคยคิดแบบผมไหมครับ ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้ที่สองร้านนี้เขาลอกสูตรอาหารกันมา แต่ทำไมอร่อยไม่เท่ากันล่ะ ถ้าคุณเคยคิดเหมือนผม วันนี้ผมจะบอกเคล็ดลับง่ายๆเผื่อว่าเราจะได้ไม่ต้องเดาว่าร้านนั้นหรือร้านนี้อร่อยกว่ากันนะครับ (อันนี้เป็นการคาดเดาจากประสบการณ์นะครับ ซึ่งอาจจะถูกต้องประมาณ 45-50% ครับ)
นอกจากอาหารที่คนทำครัว หรือ เชฟ ทำต้องสะอาด ปลอดภัยจากสารพิษที่ปนเปื่อน (เท่าที่เป็นไปได้) ปรุงตามวิธีที่เขาหรือหล่อนได้เรียนรู้มา การแต่งกายที่สะอาด เพื่ออาหารที่สะอาดและทำให้คนที่ได้ทานมีสุขภาพที่ดีแล้ว เขาเหล่านั้นต้องมีความใส่ใจกับอาหารที่เขาทำด้วย คำว่าใส่ใจมันน่าจะเรียกว่าความรักในสิ่งที่ทำนะครับ เช่นคุณเคยฟังนักดนตรีเล่นเพลงตามร้านอาหารหรือนักดนตรีที่ออกเทปกันไหมครับ มันมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับการทำอาหารเป๊ะ (หรือเปล่าหว่า) คือนอกจากการเล่นให้เป็นเพลงตามตัวโน๊ต จังหวะ ท่วงทำนอง ที่ได้กำหนดมา (อันนี้ของตายครับ) แล้ว นักดนตรีที่ดีต้องรักที่จะเล่นเพลงด้วย หรือ เรียกว่าเอาใจเล่นนั้นเอง ไม่งั้นเพลงที่เล่นมันจะแห้งๆ ฟังไม่เพราะ ไม่มีชีวิตชีวา (ผมได้ความรู้จากเพื่อนผมมาอีกทีนะครับ เรื่องดนตรีนี่) เอาล่ะๆเปรียบเทียบกันนานไปหน่อยเข้าเรื่องดีกว่า สรุปคืออาหารที่คนครัว หรือ เชฟ ทำต้องทำด้วยความรักที่จะทำอาหารนะครับถึงจะเรียกว่าอร่อยแน่ๆ
ที่กล่าวข้างต้นนี้คุณๆอาจจะดูยากหน่อยครับ ก็เขาทำให้ทานแล้วจะรู้ได้ไงว่าอร่อยถ้าไม่ลองตักอาหารเข้าปาก อันนี้ถูกต้องอย่างแน่นอนครับ แต่ผมยังมีอีกวิธีหนึ่งที่อยากจะแนะนำดูครับ คือรูปร่างลักษณะคนทำอาหาร ลองดูกันนะครับว่าที่ผมให้ความรู้จะถูกต้องกับที่คุณได้ทานอาหารของพวกเขาหรือเปล่านะครับ คนทำอาหาร หรือ เชฟ ที่ทำอาหารอร่อยต้องรูปร่างไม่อ้วนหรือผอมจะเกินไป ตัวอย่างเช่น คนทำสลัด ถ้าเป็นคนรูปร่างอ้วนทำ คงทานสลัดแล้วไม่ผอมอย่างแน่นอน คนทำสเต็ก ถ้าผอมแห้งแรงน้อย เราคงทานแล้วเดินกลับบ้านโซเซ เพราะไม่มีแรง คนทำขนมถ้าหน้าตาไม่สวย ไม่หล่อ ขนมก็จืดชืด ไม่หวาน ไม่มันส์ อย่างแน่แท้ ไม่เชื่อคุณลองแวะดูร้านขายขนมไทยดูสิครับ อิอิอิ
แต่ถ้าทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย คนทำอาหารใส่ใจในการทำอาหาร รูปลักษณ์ของคนทำอาหารดูเหมาะสมกับประเภทอาหาร แล้วมันก็ยังไม่อร่อยผมยังมีอีกวิธีครับ แต่วิธีนี้มีคนเขาบอกว่าอาจจะช่วยให้อาหารดูอร่อยได้เพียง 10% ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ครับ มันคือการจัดวางอาหารลงจานครับ ถ้าจะให้เปรียบผมคงต้องขอเอาตัวอย่างเรื่องนักดนตรีมาเปรียบเทียบกันอีกครั้งนะครับ (ดนตรีกับอาหารมันเข้ากันครับ) เช่นนักดนตรีเพลง rock ใส่สูตรผูกเน็กไทด้วยแถมใส่กางเกงสเลคอีกต่างหาก ถ้าถามผมว่าเขาเล่นเพลง rock ได้ไหมเพราะไหม ผมตอบได้ทันทีทันใดว่าเล่นได้ เพราะเหมือนกัน แต่มันดูไม่เป็น rock หรือนักดนตรีเพลง hip hop ใส่เสื้อหนัง กางเกงหนัง แถมด้วยรองเท้าบูทส์อีก เขาก็เล่นเพลง hip hop ได้เพราะเหมือนกันแต่มันดูไม่ใช่ hip hop น่ะครับ
เอาล่ะครับผมได้พูดถึงเรื่องอาหารอร่อยไปแล้ว ผมหวังว่าคุณๆคงจะได้ใช้สิ่งที่ผมได้บอกไว้ในการเลือกทานอาหารได้อร่อยขึ้นนะครับ (ผมหวังให้เป็นเช่นนั้น) ต่อไปนี้ผมจะพูดถึงอาหารแปลกๆที่นำเอาส่วนดีของอาหารหลายๆชาติมารวมกันเป็นอาหารจานหนึ่ง หรือ เรียกว่า fusion food กันบ้างนะครับ อาหารประเภทนี้เกิดเป็นช่วงๆครับ คือถ้าช่วงไหนที่คุณๆเบื่ออาหารที่ทานเป็นประจำๆ มันจะโผล่มาครับ (เรื่องจริงครับ อย่าเพิ่งคิดว่าผมกวนไปเล่นๆแบบนั้น) เอาล่ะเรามาดูกันครับว่าคุณๆจะสามารถนำอาหารอะไรมาบวกกันได้บ้าง อันแรกเลยที่คุณๆต้องเคยเห็นแน่ๆ โรตี กับ แกงเขียวหวาน ทำไมต้องเป็นแกงเขียวหวาน ทำไมต้องเป็นโรตี (อืม...ผมก็ว่าแล้วว่าทำไม) โรตีเป็นอาหารประจำชาติของชาวอินเดียครับ (ทางตะวันออกกลางเขาก็ทานเหมือนกันครับ แต่ไม่เรียกชื่อว่าโรตี) เขาก็เอาโรตีมาทานกับอาหารเกือบทุกชนิดครับ แต่ที่เห็นมากที่สุดเขาจะนำโรตีมาทานกับแกงกระหรี่แบบอินเดีย เพราะรสชาติมันจัดจ้านดีครับ แต่ทำไมคนไทยถึงเอามาทานกับแกงเขียวหวาน คำตอบคือมันได้ความจัดจ้านแบบเดียวกับแกงกระหรี่แบบอินเดียไงครับ และอีกอย่างอาหารไทยกับอาหารทางอินเดียมีอะไรที่ใกล้เคียงกันมาก เพราะเราได้รับอิทธิพลการทำอาหารโดยใส่เครื่องเทศจากเขาน่ะครับ (อย่าให้ผมเล่าย้อนประวัติเลยนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นเล่าเรื่องประวัติการทำอาหารไปซะ) แบบที่กล่าวมานี้เป็นแบบที่คุณๆเคยเห็นกันมาบ่อยๆ คราวนี้เรามาดูแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ้างนะครับ เช่นมักโรนีผัดพริกไทยดำ จริงๆแล้วอาหารจานนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากสูตรเดิมครับ บ้านเขาทานอาหารรสเผ็ดเหมือนกัน แต่เป็นการเปลี่ยนเครื่องเทศเขาให้ถูกปากกับเราเท่านั้นเอง และอาหารจานสุดท้ายที่ผมจะแนะนำอันนี้ไม่มีอะไรมากเลยครับ เพราะตั้งชื่อใหม่ แล้วมั่วเรื่องส่วนประกอบเอา มันชื่อว่า ข้าวผัดอเมริกัน มีคนเขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยประเทศไทยมีสนามบินใหม่ๆพอดีว่าสายการบินอเมริกัน แอร์ไลร์ จะมาลงจอดที่ประเทศไทย คนไทยเลยต้อนรับด้วยอาหารต่างๆนานา เช่น ไส้กรอก หมูทอด ฯลฯ แต่ด้วยเหตุที่เครื่องบินมาลงจอดช้ามาก คนไทยกลัวว่าอาหารจะเสียเลยเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วผัดกับข้าวสวย ดังนั้นอาหารจานนี้เลยได้ชื่อว่า ข้าวผัดอเมริกัน จากนั้นเป็นต้นมาครับ
ผมก็ได้เล่าเรื่องอาหารต่างๆนานาให้คุณๆได้ฟังแล้ว ผมหวังว่าคุณๆคงได้ทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกันหรือทำอาหารได้สนุกมากขึ้นนะครับ ไม่แน่เผลอๆคุณๆอาจจะค้นพบสูตรทำอาหาร fusion food จานใหม่ในรูปแบบของคุณก็ได้นะครับ ไหนๆผมก็ได้เปรียบเทียบอาหารกับดนตรีว่ามันเข้ากัน ดังนั้นผมขอเชิญฟังเพลงด้วยกันเลยนะครับ เป็นเพลงภาษา ตากาล็อก เพลินๆจาก Youtube กันเลยนะครับ รอบหน้าผมจะมีอะไรมาเล่าให้ฟังอีก (ตอนนี้ไม่รู้ครับ) ก็ขอให้โปรดติดตามนะครับ สวัสดี
//
Create Date : 16 สิงหาคม 2551
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 11:14:41 น.
69 comments
Counter : 1622 Pageviews.