เรื่องของกล้วยที่มันไม่กล้วย
สวัสดีครับ วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องของพืชชนิดหนึ่งที่มีกันไปทั่วโลกครับแต่ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องนี้ครับ กล้วยเป็นพืชล้มลุกในตระกูล Musa มีหลายชนิด เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยน้ำไท กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว กล้วยไข่ กล้วยตานี กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง กล้วยนิ้วมือนาง กล้วยส้ม กล้วยนาค กล้วยหิน กล้วยงาช้าง บางชนิดก็ออกหน่อแต่ว่าบางชนิดก็ไม่ออกหน่อ ใบแบนยาวใหญ่ ก้านใบตอนล่างเป็นกาบยาวหุ้มห่อซ้อนกันเป็นลำต้น ออกดอกที่ปลายลำต้นเป็น ปลี และมักยาวเป็นงวง มีลูกเป็นหวี ๆ รวมเรียกว่า เครือ พืชบางชนิดมีลำต้นคล้ายปาล์ม ออกใบเรียงกันเป็นแถวทำนองพัดคลี่ คล้ายใบกล้วย เช่น กล้วยพัด (Ravenala madagascariensis) ทว่าความจริงแล้วเป็นพืชในสกุลอื่น ที่มิใช่ทั้งปาล์มและกล้วย
กล้วยเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนชื้น ถิ่นแรกของกล้วยจึงอยู่แถบเอเชียตอนใต้ ซึ่งจะพบกล้วยพื้นเมืองทั้งที่มีเมล็ดและไม่มีเมล็ด และจากผลของการย้ายถิ่นฐานในการทำมาหากิน การอพยพประชากรจากเอเชียตอนใต้ไปยังหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ต้นคริสต์ศักราชเป็นต้นมา ในการอพยพแต่ละครั้งจะต้องมีการนำเอาเสบียงอาหารติดตัวไปด้วย จึงได้มีการนำเอากล้วยไปปลูกแถบหมู่เกาะฮาวายและหมู่เกาะทางด้านตะวันออก (อ้าว ตอนแรกก็นึกว่ากล้วยเป็นของไทยที่ไหนได้...วู้) สำหรับประวัติกล้วยในประเทศไทย เข้าใจว่าประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของกล้วยป่าและต่อมาได้มีการนำเข้ากล้วยตานี และกล้วยชนิดอื่นในช่วงที่มีการอพยพของคนไทยในการตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย มีเอกสารกล่าวว่าในสมัยอยุธยาพบว่ามีกล้วยร้อยหวี
ประโยชน์ของกล้วยมี 2 อย่างคือ ทางด้านอาหาร เป็นไม้ผลนำมาบริโภค ใบนำมาห่อขนม หรือส่วนของลำต้น ใบนำมาทำกระทง ก้านนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น
ประโยชน์ทางสมุนไพร ยางกล้วยจากใบใช้ห้ามเลือด โดยหยดยางลงบนแผล ใช้กล้วยดิบทั้งลูกบดกับน้ำให้ละเอียด และใส่น้ำตาล รับประทาน แก้โรคท้องเสีย แผลในกระเพาะอาหารไม่ย่อย ผลสุกให้เป็นอาหารเป็นยาระบายที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร อุจาจาระแข็ง หัวปลี แก้โรคลำไส้ แก้โรคโลหิตจาง และลดน้ำตาลในเลือด
นอกจากนั้นแล้วกล้วยยังให้ไวตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเช่น ไวตามินบี 1 บี 2 ฟอสฟอรัส โปรแตคเซี่ยม ธาตุเหล็ก พร้อมกับแคลอรี่สูงสำหรับผลสุกด้วย
อาหารที่ได้จากกล้วยส่วนใหญ่จะเป็นการถนอมอาหารซะมากกว่าครับ และประเทศไทยก็ได้ชื่อว่ามีรายการอาหารจากกล้วยที่นำมาถนอมมากที่สุด ไม่เชื่อลองนับดูครับไม่ว่าจะเป็น กล้วยตาก กล้วยเชื่อม กล้วยฉาบ กล้วยกวน น้ำพริกกล้วยดิบ และอื่นอีกมากมาย แต่แปลกใจที่คนต่างประเทศทำไมไม่ค่อยนำกล้วยมาทำการถนอมอาหารครับ
เล่ามาซะยาวเหยียดเรามาเข้าสู่โหมดทำอาหารกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะมีเรื่องอื่นเล่าให้ฟังทีหลังครับ เอาเป็นว่าถ้าคุณๆเบื่อกินกล้วยในแบบต่างๆลองดูวิธีนี้ดูนะครับ เป็นการทำอาหารจากกล้วยในสไตล์บราซิเลี่ยน
เราจะเริ่มจากกล้วยหอมครับ (ใช้กล้วยชนิดอื่นก็ได้ แต่กล้วยหอมจะได้กลิ่นที่ดีกว่าครับ) 1 ผล (หรือหลายผลตามที่ต้องการ)
น้ำตาล 1 หยิบปลายนิ้ว
เกลือ 1 หยิบปลายนิ้ว
กลิ่นวานิลา 1 หยด
ต่อไปก็เริ่มทำตามผมนะครับ เราปอกเปลือกกล้วยกันก่อน (แล้วจะกินทั้งเปลือกหรือ) จากนั้นก็นำน้ำตาลและเกลือมาโรยให้ทั่วทั้งผล แล้วตามด้วยกลิ่นวานิลาครับ จากนั้นก็นำกล้วยไปอบในไมโครเวฟ ที่ไฟปานกลางสัก 2 นาที จากนั้นยกเสริฟและซัดโหล่ดครับ รสชาติจะเหมือนการทานบานาน่า สปริต ครับแต่เป็นแบบร้อน วิธีทำนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการและความชอบของคุณๆนะครับ เช่นถ้าจะทานกับไอร์ครีมก็ให้นำกลิ่นวานิลาออกแล้วใส่กลิ่นเครื่องเทศพวก ลูกจันบด อบเชย กานพลู ใส่ลงไปแทน หรือถ้าเอามาทานกับอาหารก็ใส่ ชีส ผงกระหรี่ แทนนะครับลองกันดูแล้วกัน
จบโหมดทำอาหารเรามาดูความเชื่อจากกล้วยกันนะครับ เรามาดูความเชื่อของไทยกันก่อนนะครับ
ความเชื่อเรื่องกล้วยของคนไทยมีอยู่มากมาย เนื่องจากกล้วยเป็นพืชที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างเนิ่นนานแล้ว ในหญิงมีครรภ์มักไม่รับประทานกล้วยแฝดเพราะมีความเชื่อว่าจะได้ลูกแฝด แต่ถ้าบ้านไหนอยากได้ลูกแฝดก็รับประทานกล้วยแฝด
สำหรับหญิงแม่ลูกอ่อนถ้ารับประทานแกงหัวปลี จะมีน้ำนมมาก ถ้าคิดตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว หัวปลีเป็นพืชที่มีธาตุเหล็กสูง บำรุงเลือดดี จึงทำให้มีน้ำนมมากนั้นเอง
ต้นกล้วยที่ขาวเนียนสะอาด ไม่มีกาบใบแห้ง มักเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของนางพรายตานี เป็นผีผู้หญิง ที่มีหน้าตาสวยงาม ผิวขาว จะปรากฏตัวตอนกลางคืน โดยยืนอยู่ใต้ต้นกล้วยนั้นๆ
ในด้านยาอายุวัฒนะ หากนำกล้วยแช่น้ำผึ้งปิดไหแล้วใช้ปูนแดงทาก่อนฝาปิด จากนั้นเอาไว้ใต้ฐานพระในวันเข้าพรรษา ปล่อยไว้นานสามเดือน ก็สามารถนำมารับประทานได้ ทั้งนี้ก็เป็นแนวคิดด้านการถนอมอาหารอีกวิธีหนึ่งด้วย
ในงานมงคลมักมีกล้วยเข้ามาร่วมเกี่ยวในพิธีด้วย เช่น กล้วยทั้งเครือ กล้วยดิบ เป็นต้น ซึ่งหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง และความสงบร่มเย็น
ในสมัยก่อนคนที่เป็นโรคฝีดาษ มีแผลพุพอง ก็มักให้นอนบนใบกล้วยเพราะจะทำให้น้ำเหลืองไม่ติดกับเสื้อผ้าบังเกิดความเจ็บปวดแก่ผู้ป่วย ส่วนการประหารชีวิตนั้น ก่อนลงมือประหารจะมีการนำใบกล้วยมาปูรองก่อน เพื่อกันเลือดไหลลงไปบนดิน เป็นต้น
ความเชื่อเรื่องกล้วยของชาวต่างชาติมีมากมายเช่นกันครับ ชื่อทางวิทยาศาสตร์แบบย่อของกล้วยว่า Musa กล่าวกันว่า Musa มาจากคำภาษาอาหรับว่า Muz ก็มีรากเดิมมาจากคำสันสกฤตว่า Mocha อีกทอดหนึ่งซึ่งหมายถึงกล้วย
เหมือนกัน อีกกระแสหนึ่งที่ฟังดูน่าเชื่อถือน้อยกว่าบอกว่า Musa เป็นชื่อตั้งตามหมอชาวอาหรับในสมัยโรมัน คือ Antonius Musa ผู้นำกล้วยจากอินเดียมากจากอินเดียมาปลูกในถิ่น
ทางเหนือของอียิปต์ ก่อนหน้าที่ฝรั่งจะเรียกกล้วยว่า Banana อย่างเป็นเอกฉันท์ กล้วยถูกเรียกว่า Plantain ตามคำภาษาสเปนว่า Plantano ซึ่งอาจมีรากมาจากคำลาตินว่า Planta ที่แปลว่าใบกว้าง (spreading leaf)
นอกจากนั้นฝรั่งเศสและอิตาลีเคยเรียกกล้วยว่า "fig" โดยมาจากคำเต็ม ๆ ว่า figue d Adam หรือ fico d Adamo ซึ่งอาจแปลได้ว่า "มะเดื่อของอาดัม" อาดัมนี่คือ (อาดัมกับอีฟในตำนานสร้างโลกของศาสนาคริสต์) ส่วน fig น่าจะหมายถึงใบมะเดื่อที่อาดัมใช้ปิดอวัยวะเพศของตน อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีที่ใช้คำนี้อยู่คือ
banana fig แต่นี่หมายถึงกล้าวยตากโดยเฉพาะส่วนคำ Banana ในปัจจุบันเรียกตามภาษาแอฟริกาตะวันตกซึ่งอาจมีตากจากคำภาษาอาราเบียว่า Banan ซึ่งหมายถึงนิ้วมือหรือนิ้วเท้าในสังคมไทย กล้วย ถูกใช้ในเชิงเปรียบเทียบแสดงถึงคุณลักษณะทำได้ง่าย เช่นง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก หรือเรื่องกล้วยกล้วย แต่ในสังคมตะวันตกยุคบริโภคนิยม ถูกใช้ในเชิงเปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์กามารมณ์ โดยเฉพาะอวัยวะเพศผู้ชายเช่นสโลแกนโฆษณาว่า unzip a banana
นอกจากนั้นยังมีที่ใช้ banana ในภาษาพูดอัน หมายถึงอาการ บ้า หรือ เพี้ยน ฝรั่งเองก็ยังสืบค้นไม่ได้ว่า บ้าจะเกี่ยวข้องกับบานานาได้อย่างไร
กล้วยในเอเชียใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งจริยธรรม คุณความดี ความงาม ความเจริญงอกงามในหมู่ชาวอาหรับถือว่ากล้วยเป็นพันธุ์ไม้แห่งสวรรค์ หรือพันธุ์ไม้แห่งปัญญา ที่รู้แยกแยะความดีกับความเลว
ตำนานอินเดียถือว่ากล้วยเป็นผลไม้ของผู้มีปัญญา โดยเล่าขานถึงฤาษีในดงกล้วย ผู้กินกล้วยเป็นอาหารจนเกิดกำลังและปัญญาเป็นที่อัศจรรย์
หลายประเทศในเอเชียถือว่ากล้วยเป็นผลไม้สำหรับเซ่นสังเวยผีและเทวดา ตลอดจนผู้มีพระคุณของไทยเรา กล้วยเป็นของที่ขาดไม่ได้ใน ตั้งขันข้าว หรือค่าบูชาคุณ หมอตำแยที่มาทำคลอดให้ กล้วยทั้งหวีเป็นของเซ่นเทวดาและบรรพบุรุษในพิธีเซ่นไหว้อย่างคนจีน
น้ำชาและผลไม้เป็นเครื่องเซ่นพื้นฐานและผลไม้เครื่องเซ่นที่ขาดเสียมิได้ก็คือส้มสีทองและกล้วยทั้งหวี ขนมกล้วยเป็นขนมที่พบได้ประจำในพิธีหมั้นพิธีแต่งงานของชาวไทยสมัยก่อน เพราะกล้วยหมายถึงความเจริญงอกงาม ได้ผลดกดื่นเหมือนกล้วยในแทบทุกชนชาติของเอเชีย
ยังมีเหตุผลความเชื่อลึก ๆ ว่ากล้วยเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตและการเจริญเติบโต ข้อนี้เป็นความเชื่อที่ถูกต้องเพระเด็กในสังคมเมืองทั่วโลกในปัจจุบันก็เติบโตโดยอาศัยกล้วยแปรรูป หรือพิวรี (banana puree) มาใช้ผสมเป็นอาหารเด็กจนได้ชื่อว่า "เด็กยุคพิวรีกล้วย" อยู่แล้ว (the pureed-banana generation)
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้คุณๆได้ลองทานอาหารให้แบบใหม่ๆนะครับ ผมก็หวังว่าน่าจะทำให้คุณๆได้ทานอะไรที่อร่อยและแปลกใหม่ แต่รับรองว่าท้องไม่เสีย และสูตรนี้มีอยู่จริงครับ สิ่งสำคัญอีกอย่างในการทำอาหารที่ดีคือคุณต้องเรียนรู้ที่จะดัดแปลง คิดในมุมมองใหม่ แล้วอาหารมันจะอร่อยขึ้นครับ ดูเหมือนยากแต่เชื่อผม มันไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด
Create Date : 30 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2551 21:07:18 น. |
|
81 comments
|
Counter : 7037 Pageviews. |
|
|